ชาวฮั่น คนเถื่อนจากแดนบูรพา (The Huns)
ฮันส์ หรือที่เรียกกันว่า ชาวฮั่น เป็นอนารยชนที่อพยพมาจากดินแดนเอเชียกลางและเข้าสู่ยุโรปในศตวรรษที่ 4 ซึ่งเป็นช่วงเวลาตอนปลายของยุคโรมัน จากบันทึกร่วมสมัย พวกฮั่นได้สร้างความหายนะให้กับดินแดนต่าง ๆ ที่กองทัพของพวกเขาเคลื่อนผ่าน ซึ่งก็รวมถึงจักรวรรดิโรมันด้วยนัก ประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่า ชาวฮั่น น่าจะสืบเชื้อสายมาจากชนเผ่าซงหนูที่เคยคุกคามจีนในช่วงก่อน ค.ศ. และถูกปราบปรามจนหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ โดยชาวซงหนูส่วนหนึ่งอาจอพยพหนีภัยสงครามข้ามดินแดนทะเลทรายไปยังทวีปยุโรป อย่างไรก็ตาม นักประวัติศาสตร์หลายคนก็ยังไม่แน่ใจนักว่า พวกฮั่นจะสืบเชื้อสายมาจากชาวซงหนู
ไม่ว่า ชาวฮั่นจะสืบเชื้อสายมาจากชนเผ่าใดก็ตาม แต่นักรบเหล่านี้ก็ได้สร้างความพินาศให้กับดินแดนตะวันออกกลางและยุโรปเป็น อันมาก ชาวฮั่นเป็นอนารยชนเชื้อสาย เติร์ก- มองโกล แบ่งออกเป็น ฮั่นขาว หรือ เฮฟธาไลต์ ที่บุกเข้าไปในอัฟกานิสถาน อิหร่านและเข้าไปตั้งอาณาจักรแถบลุ่มแม่น้ำสินธุ ส่วนอีกพวกคือ ฮั่นดำ ที่บุกเข้าไปในทวีปยุโรป ทั้งนี้ชื่อดังกล่าว เรียกตามสีผิวของพวกเขา โดยพวกฮั่นขาวอาจจะมีสายเลือดมองโกลผสมมากกว่าและมีผิวขาวกว่าอีกพวกหนึ่ง
ชาวยุโรปรู้จักชาวฮั่น ตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 ในฐานะของอนารยชนลึกลับจากตะวันออก คนเถื่อนเหล่านี้ดูแตกต่างจากนักรบเผ่าอื่นๆในดินแดนยุโรป โดยพวกโรมันได้บันทึกไว้ว่า ชาวฮั่นมีรูปร่างเล็ก ล่ำสัน ช่วงขาสั้น จมูกค่อนข้างแบน ตาแคบ อีกทั้งยังเล่าด้วยว่า ชนเหล่านี้นั่งอยู่บนหลังม้าแทบจะตลอดเวลา ไม่ว่าจะกิน นอน ทำการค้า หรือ ประชุม โดยที่พักอาศัยของชนเหล่านี้เป็นเพียงกระโจมหนังสัตว์เท่านั้น
พวกฮั่นเป็นนักรบบนหลัง ม้าที่เก่งฉกาจ เมื่อครั้งที่ชนเผ่านี้อพยพเข้าไปในยุโรปเป็นครั้งแรก พวกเขาได้เข้ารุกรานดินแดนของชนเผ่าเยอรมัน จนพวกเยอรมันหลายเผ่าต้องอพยพหลบภัยสงครามเข้าไปในอาณาจักรโรมันตะวันออกและ เกิดความขัดแย้งจนกลายเป็นสงครามที่อาเดรียโนโปลิสซึ่งเป็นศึกที่สร้างความ หายนะอันยิ่งใหญ่ให้กับชาวโรมัน
หลังจากเข้าไปตั้งกรากใน ยุโรปแล้ว พวกฮั่นได้รวมชนเผ่าพื้นเมืองหลายเผ่าที่รบแพ้พวกตนเช่นพวก ออสโตรก็อธ เคปิด เข้ามาไว้ในอำนาจขณะเดียวกันก็มีชาวฮั่นบางกลุ่มทำตัวเป็นพวกแสวงโชคและเข้า ไปรับจ้างรบให้กับทั้งชาวโรมันและพวกเยอรมันหรือบางครั้งก็ลอบเข้าไปปล้น สะดมในดินแดนของโรม
(กองทหารฮั่นปล้นชายแดนโรม)
ราว ปี ค.ศ. 400 ชาวฮั่นได้สร้างอาณาจักรของตน โดยมีผู้นำชื่อ อุลดิน เป็นกษัตริย์ปกครอง จากนั้นก็มีกษัตริย์สืบต่อมาอีกหลายพระองค์ เช่น อ็อคตาร์ มุนด์ซุก และ รูอัส หรือ รัวกิลัส อย่างไรก็ตาม อาณาจักรของชาวฮั่นก็ยังมีขอบเขตที่ไม่แน่นอนนัก รู้กันแต่เพียงว่า เขตแดนทางตะวันออกอยู่แถบแม่น้ำโอลด์ในโรมาเนียส่วนเขตแดนตะวันตกอยู่ลึก เข้าไปในฮังการีถึงแถบแม่น้ำดานูบ
ในบรรดาผู้นำของฮั่นทั้ง หมด ผู้ที่ถูกจดจำและกล่าวขวัญถึงมากที่สุดคือ อัตติลา เขาถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 406 บิดาของเขาเป็นน้องชายของกษัตริย์รูอัสหรือรัวกิลัส อัตติลามีพี่ชายหนึ่งคน นามว่า บลีดา หลังการสิ้นพระชนม์ของกษัตริย์รัวกิลัส บลีดาและอัตติลาได้ขึ้นเป็นผู้นำร่วมกัน โดยอัตติลาปกครองดินแดนฝั่งตะวันตก ส่วนบลีดาปกครองดินแดนตะวันออก ต่อมา อัตติลาได้สังหารบลีดาและรวบอำนาจการปกครองอาณาจักรฮั่นไว้ทั้งหมด
(อัตติลา)
อัตติลาได้นำทัพเข้า รุกรานอาณาจักรโรมันทั้งตะวันออกและตะวันตก โดยได้รับชัยชนะหลายครั้ง ทำให้อาณาจักรฮั่นเข้าสู่ยุคแห่งความยิ่งใหญ่เกรียงไกร ทว่าใน ปี ค.ศ. 451 กองทัพใหญ่ของฮั่นได้เผชิญหน้ากับทัพพันธมิตรระหว่างโรมันกับวิสิก็อธที่ ทุ่งคาตาเลาเนียน (Catalaunian) ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส ซึ่งในศึกครั้งนี้ กองทัพฮั่นเป็นฝ่ายปราชัยและต้องถอยทัพกลับไป ครั้นในปีต่อมา อัตติลาได้ยกทัพบุกโรมันตะวันตกอีกครั้งแต่ก็ต้องล่าทัพกลับไป เนื่องจากเกิดโรคระบาดในกองทัพ จากนั้นใน ปี ค.ศ. 453 อัตติลาก็ได้สิ้นชีวิตลงอย่างไม่ปรากฏสาเหตุแน่ชัด
เมื่ออัตติลาสิ้นพระชนม์ อาณาจักรฮั่นก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ และถูกชนเผ่าที่เคยเป็นบริวารก่อการกบฏ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอาณาจักรฮั่นจะล่มสลายไปหลังการสิ้นพระชนม์ของอัตติลา แต่ชาวฮั่นก็ยังไม่สิ้นพิษสง ทั้งนี้ใน ปี ค.ศ. 476 ขุนศึกเชื้อสายฮั่นนาม โอโดอาเซอร์ ซึ่งเคยเป็นผู้ควบคุมกองทหารรับจ้างของโรมันตะวันตก ได้นำกองทัพเข้าโจมตีโรมันตะวันตกและทำลายอาณาจักรโรมันตะวันตกลงโดยสิ้น เชิง ซึ่งการล่มสลายของโรมตะวันตกนี้เองที่นักประวัติศาสตร์ถือกันเป็นว่าเป็นการ สิ้นสุดของโลกยุคโบราณและเข้าสู่ยุคมืด
แม้ว่าโอโดอาเซอร์จะยึด ครองกรุงโรมไว้ได้ แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ปีก็เสียอำนาจให้แก่ชาวออสโตรก็อธที่เข้ามารุกราน หลังจากนั้นชาวฮั่นก็ลดบทบาทในหน้าประวัติศาสตร์ลง กลายเป็นเพียงกองทหารรับจ้างของโรมันตะวันออกและไบแซนไทน์ที่สืบต่อมาจาก โรมันตะวันออก โดยนักรบชาวฮั่นได้สอนให้ชาวไบแซนไทน์รู้จักการใช้ธนูบนหลังม้า ทำให้ไบแซนไทน์สามารถสร้างกองทหารม้าธนูขึ้นมาเป็นกำลังป้องกันอาณาจักรได้ อีกหลายชั่วอายุคน
ส่วนชาวฮั่นนั้น หลังจากที่อาณาจักรของพวกเขาสิ้นสลายไป ก็ได้กลายสภาพเป็นชนเร่ร่อนเผ่าเล็กเผ่าน้อย ก่อนจะค่อยๆถูกกลืนไปกับชนเผ่าอื่นที่เข้มแข็งกว่าและหายสาปสูญไปโดยสิ้น เชิงในศตวรรษที่ 7