ย้อนรอย คดีสังหารโหดโจนเบนท์ แรมซี่ย์ ยังคงเป็นคดีฆาตกรรมปริศนา ที่สร้างความตะลึงให้กับอเมริกาทั้งประเทศและทั่วโลก
JonBenét Patricia Ramsey รอยยิ้มหลังคราบน้ำตา
คดีสังหารโหดโจนเบนท์ แรมซี่ย์ ยังคงเป็นคดีฆาตกรรมปริศนาที่สร้างความตะลึงให้กับอเมริกาทั้งประเทศและทั่วโลก เมื่อภาพแรกของโจเบนท์ได้รับการถ่ายทอดไปทั่วโลก ภาพที่ว่าเป็นภาพสาวน้อยน่ารักในชุดแสดงบนเวที ในขณะที่ผู้สื่อข่าวบรรยายว่า “โจเบนท์ นางงามเด็กหลายสมัยถูกฆาตกรรมเป็นศพในเมืองโบลเดอร์”
หลายฝ่ายแทบสงสารหนูน้อยคนนั้นจับใจ โจเบนท์ถูกฆาตกรรม ในขณะที่อายุเพียง 6 ขวบ วันที่เธอตายนั้นเป็นคริสต์มาส วันที่ทั่วโลกน่าจะมีความสุข แต่ไม่ใช่วันที่ครอบครัวแรมซีย์มีความสุขแน่นอน
แต่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่งที่คดีที่อยู่ในความสนใจของทุกคนมากเช่นนี้ ไม่สามารถคลี่คลายคดีได้ ตำรวจโบลเดอร์เกิดความผิดพลาดในการสืบสวนหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็น การกั้นเขตที่เกิดเหตุ การปฏิบัติต่อผู้ต้องสงสัย และส่อเค้าว่าเรื่องนี้จะไม่จบลงง่าย ๆ
และยิ่งสืบคดีก็พบเรื่องที่สามารถอธิบายไม่ได้ เต็มไปด้วยความซับซ้อน ซ่อนเงื่อน และในที่สุดก็กลายเป็นคดีปริศนาจนถึงปัจจุบัน
โจนเบนท์ แรมซี่ย์ มีชื่อเต็มว่า โจนเบนท์ แพทริเชีย แรมซีย์ เป็นบุตรของจอห์น เบทเนท แรมซี่ย์ (John Bennett Ramsey) กับ แพทริเชีย หรือแพตซีย์ แอน แรมซีย์ (Patricia 'Patsy' Ann Ramsey) เกิดที่เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 1990 ชื่อ "โจนเบนท์ " นั้นเอาชื่อต้นและชื่อกลางของบิดามาประสมกันตั้ง ส่วนชื่อ "แพทริเชีย" นั้นเอาชื่อต้นของมารดาของเธอ และ เมื่อเธออายุได้เก้าเดือน ครอบครัวย้ายรกรากไปเมืองโบลเดอร์ รัฐโคโลราโด
ครอบครัวของโจนเบนท์มีฐานะร่ำรวย จอห์น เบทเนท แรมซี่ย์ เป็นผู้บริหารสำคัญของบริษัทเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ บริษัท แอ็คเซลส์ กราฟิกส์ ส่วนแม่ของโจนเบนท์ แพตซีย์ เป็นอดีตนางงาม ทั้งคู่แต่งงานกับในปี 1980 ต่อมา วันที่27 มกราคม 1987 ทั้งคู่ก็ให้กำเนิด เด็กชาย เบิร์ค แฮมิลตัน แรมซี่ย์ ต่อมาวันที่ 6 สิงหาคม 1990 เด็กหญิง โจนเบนท์ ก็เกิด
แม้ภายนอกครอบครัวของโจนเบนท์จะมีความสุข แต่ในปี 1993 ครอบครัวแรมซีย์ได้รับข่าวร้ายอีกครั้ง เมื่อแพทย์ตรวจพบว่า แพตซี่เป็นมะเร็งในรังไข่ ซึ่งข่าวนี้นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงของครอบครัวแรมซีย์ จอห์นกลายเป็นคนเคร่งเครียดแก่เร็ว ส่วนแพตซี่กลายเป็นเจ้าอารมณ์
ในช่วงเวลานี้แพตซี่เริ่มให้โจเบนส์ประกวดหลายเวที ซึ่งในแถบตอนใต้ของสหรัฐอเมริกานั้น ผู้คนส่วนใหญ่นิยมประกวดนางงามมาก พวกนี้ส่วนใหญ่มักเป็นชนชั้นคนผิวขาว มีหลายฐานะ เพราะพวกเขาต้องการเงินรางวัล ใครชนะก็เท่ากับยกฐานะวงศ์ตระกูลตัวเองทีเดียว ได้ทั้งเงินและชื่อเสียง แถมตำแหน่งนางงามยังเป็นสะพานเชื่อมไปสู่หน้าที่และการงานในอนาคตดีๆ อีกด้วย
แพตซี่เองก็ไม่พลาดในเรื่องนี้ เธอฝังใจกับการประกวดนางงามเมื่อตอนเป็นวัยรุ่นไม่หาย เธอจับโจนเบนท์ ขึ้นเวทีประกวดความงาม ทั้งที่มีอายุไม่กี่ขวบ
ทั้งจ้างโค้ช ช่างแต่งหน้า ชั้นยอด เธอทุ่มเงินเป็นเพื่อให้ลูกสาวเป็นดาวเด่น เธอสั่งตัดชุดหลายชุด บางตัวมีราคากว่าร้อยดอลลาร์ แต่ละชุดใส่หนเดียวและทิ้ง
แน่นอนผลจากลงทุนก็ได้รับการตอบแทนแสนคุ้มค่า โจนเบนท์ครองตำแหน่งนางงาม กวาดรางวัลหลายเวที ไล่ตั้งแต่ นางงาม ลิตเทิ้ล มิสโคโลราโด ,โคโลราโด สเตท ออส สตาร์ คัฟเวอร์ เกิร์ล,อเมริกา รอยัล ลิตเทิ้ล มิส และ เนชันนัล ไทนี่ มิส บิวตี้
โจนเบนท์ แรมซี่ย์ เป็นเด็กที่สวยมาก ๆ มีเสน่ห์ และฉลาด ช่างพูด ร้องเล่นเต้นรำบนเวทีเก่ง เธอทำได้ราวจนเป็นมืออาชีพ ใคร ๆ ก็ชื่นชม โดยหารู้ไม่ว่าเด็กผู้หญิงผู้นี้จะถูกฆาตกรรมอย่างโหดร้ายในเวลาต่อมา
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในวันคริสต์มาส 26 ธันวาคม 1996 วันนั้นทุกคนในบ้านแรมซี่ย์กำลังสนุกสนานกับงานเลี้ยงคริสต์มาสที่บ้านของฟลีท ไวท์ จูเนียร์ อดีตผู้บริหารบริษัทน้ำมันที่ปัจจุบันเกษียณอายุแล้ว ครอบครัวแรมซี่ย์ กลับมาถึงบ้านประมาณ 4 ทุ่ม จอห์น แรมซี่ย์ เป็นคนพาหนูน้อย โจนเบนท์เข้าที่นอน
เวลา 05.45 น. สถานีตำรวจเมืองโบลเดอร์ได้รับโทรศัพท์จากนางแรมซีย์ ว่าเด็กหญิงโจนเบนท์หายตัวไปจากบ้านของเธอ และเมื่อตำรวจไปถึงนางแรมซีย์ก็นำจดหมายเรียกค่าไถ่ฉบับหนึ่งความยาวสองหน้าครึ่ง ซึ่งเธออ้างว่าเธอเห็นมันวางอยู่บนกระไดครัว
จดหมายที่ว่าเขียนในกระดาษตีเส้นบรรทัด สามแผ่น เขียนด้วยลายมือที่สะกดผิดถูก เนื้อหาจดหมายเรียกเอาเงินหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นแปดพันดอลลาร์สหรัฐแลกกับการปล่อยตัวบุตรของนางอย่างปลอดภัย
คุณแรมซีย์...
ฟังให้ดี! เราคือกลุ่มคนซึ่งเป็นตัวแทนชาวต่างด้าวกลุ่มย่อย เราย่อมเคารพธุรกิจของคุณ แต่ไม่เคารพประเทศที่คุณทำธุรกิจด้วย เวลานี้ เราได้ลูกสาวของคุณไว้ในครอบครองของเราแล้ว เธอปลอดภัยไม่เจ็บไม่ไข้ และถ้าคุณยังอยากให้เธอได้อยู่ชมปี 1997 ต่อแล้วก็ คุณต้องทำตามที่เราสั่งในจดหมายนี้
คุณจงถอนเงิน 118,000.000$ จากบัญชีคุณ โดยให้เงิน 100,000$ เป็นแบงก์ 100$ ส่วนที่เหลืออีก 18,000$ ให้เป็นแบงก์ 20$ จงตรวจตราให้ดีว่า คุณนำเงินมาตามขนาดที่ถูกต้องแล้ว เมื่อคุณถึงบ้าน จงใส่เงินในถุงกระดาษสีน้ำตาล พรุ่งนี้ตอนแปดโมงถึงสิบโมงเช้า เราจะโทร.มาบอกคุณว่า ให้คุณส่งเงินมาอย่างไร
คุณจะต้องใช้พลังงานมากในการส่งเงิน ดังนั้น เราขอแนะนำให้คุณพักผ่อนให้เต็มที่ ถ้าเราจับตาดูพบว่า คุณได้เงินมาเร็ว เราก็อาจโทร.หาคุณเร็ว เพื่อนัดหมายส่งมอบเงินกันให้เร็วขึ้น และคุณก็จะได้ลูกสาวกลับไปเร็วขึ้นนั่นเอง
ขัดคำสั่งเรานิดเดียว ลูกคุณจะถูกฆ่าทันที และคุณจะไม่ได้ศพเธอไปฝังตามประเพณีด้วย สุภาพบุรุษสองท่านที่คอยพิทักษ์รักษาลูกสาวคุณไม่นิยมคุณอย่างหนัก ดังนั้น เราขอเตือนคุณว่า อย่าไปแหย่ท่านทั้งสองนั้นทีเดียว บอกเรื่องของคุณให้ใครก็ตามรู้ อย่างตำรวจ, เอฟบีไอ ฯลฯ ลูกคุณจะถูกกุดหัวตอบแทน ถ้าเราจับได้ว่า คุณบอกหมารองบาทพวกมันรู้ เธอชะตาขาดแน่
ถ้าคุณส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่แบงก์รู้แล้วก็ เธอจบชีวิตแน่ ถ้าทำเครื่องหมายหรือเล่นตุกติกอย่างใด ๆ กับเงิน เธอจะไม่รอด คุณจะถูกสแกนตรวจหาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และถ้าเจอแม้แต่ชิ้นเดียว เธอจบเห่ คุณจะลองเล่นตลกกับเราก็ได้ แต่รู้ไว้เสียด้วยว่า เราเจอมาตรการดัดหลังและกลเม็ดเด็ดพรายของพวกบ้านเมืองมาโชกโชนแล้ว ถ้าคุณคิดจะชิงไหวชิงพริบกับเรา โอกาสที่ลูกสาวคุณจะถูกเชือดมี 99% จงเชื่อฟังคำสั่งเรา แล้วคุณจะมีสิทธิได้เธอคืนไป 100%
เราเฝ้ามองคุณ และครอบครัวคุณ รวมถึงพวกเจ้าหน้าที่อยู่เป็นระยะ ๆ อย่าคิดอวดฉลาด จอห์น เศรษฐีเงินถุงเงินถังแถวนี้มีถมเถไป อย่าคิดว่าฆ่าใครสักคนเป็นเรื่องยากสิ อย่าประเมินเราต่ำไปนะจอห์น ใช้สามัญสำนึกแบบคนใต้ที่คุณมีให้ดี ๆ ล่ะ ตอนนี้จะทำอย่างไรก็แล้วแต่คุณแล้ว จอห์นเอ๋ย!
โชคดีมีชัย!
เอส.บี.ที.ซี.
(คัดลอกจากวิกิพีเดีย)
แม้คำสั่งในจดหมายเรียกค่าไถ่ว่า ห้ามแจ้งคนอื่นทราบ แต่นางแรมซีย์โทรศัพท์ร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานตำรวจและบอกญาติมิตรพร้อมสรรพ โดยคนที่แรมซี่ย์โทรไปคือครอบครัวฟลีท ไวท์เพื่อนสนิทของจอห์นนั้นเอง
ฝ่ายตำรวจ พออ่านจดหมายก็เชื่อสนิทใจว่าเป็นการเรียกค่าไถ่ แต่พวกเขาไม่ตรวจค้นบ้าน ยกเว้นสำรวจทางเข้าออก ซึ่งไม่พบร่องรอยบุกรุกหรือลักลอบเข้ามาอันผิดสังเกต จากนั้นก็วางสายดักสัญญาณ เมื่อใดที่คนร้ายโทรมา ก็รู้ทันทีว่ามันโทรมาจากที่ใด
ในระหว่างนั้นได้เกิดบรรยากาศตรึงเครียดกับครอบครัวแรมซี่ย์ ระหว่างการรอการติดต่อจากคนร้าย จอห์น แรมซี่ย์ออกจากบ้านเบิกเงินสดที่ธนาคารใกล้ ๆ ตามคำสั่งคนร้าย ส่วนแพตซี่เครียดจัด ร้องไห้สะอึกสะอื้น ควบคุมตัวไม่อยู่ พวกเพื่อน ๆ และตำรวจต้องบรรเทาปลอบโยนเป็นการใหญ่
เวลาล่วงเลยไปเรื่อย ๆ
ทุกคนกำลังรอคอยโทรศัพท์ของคนร้าย แต่ไม่มีวี่แวว จนกระทั่งบ่ายโมงห้านาที จอห์น แรมซีย์ กับ พลัท ไวท์ ชวนกันเดินสำรวจบ้าน เพื่อหาสิ่งผิดปกติ พวกเขาทำการตรวจค้นห้องน้ำ ห้องรถไฟ จนมาตรวจห้องใต้ดินที่เป็นห้องเก็บไวน์ และนั้นเองพวกเขาก็พบร่างของโจนเบนท์นอนอยู่บนพื้น
เด็กหญิงนอนหงาย มีผ้าห่มคลุมทับชุดนอนสีขาว และสวนกางเกงในลายดอกกุหลาบตูมปักคำว่า "เว้นเดย์" แหวนทองยังสวนอยู่ที่นิ้ว กำไลยังอยู่ที่ข้อมือ และรอบคอมีสร้อยทองคำ ศีรษะของเธอบาดเจ็บ ปากมีเทปแถบหนาเหนียวปิดคาดไว้แน่น มีสายเชือกสีขาวรัดแน่นอยู่ลำคอ มันมีแท่งไม้เสียบคล้ายขันชะเนาะ รอบข้อมือขวาก็มีเชือกแบบเดียวพันกันอยู่ ริมฝีปากของเด็กน้อยเป็นสีเขียวคล้ำ ร่างทั้งร่างแข็ง กลิ่นเหม็นเริ่มโชยออกมาบ้างแล้ว ที่รูจมูกมีน้ำมูกแห้งกรังเกาะอยู่
จอห์นพ่อของเด็กหญิงตัวน้อยแผดเสียงลั่นเมื่อเห็นร่างลูกสาว เขาเหวี่ยงผ้าห่มออกจากตัวเธอ และกระชากแผ่นเทปที่ปิดปากทิ้ง รวบตัวเด็กขึ้นจากพื้นห้องแล้ววิ่งไปหาทุกคน
ทุกคนที่นั่งรอโทรศัพท์คนร้ายในห้องโถงถึงกับตกตะลึง! แพตซี่เมื่อได้ยินข่าวถึงกับรับไม่ได้ ร้องไห้คร่ำครวญ สวดมนต์และเริ่มอาเจียน
คดีพลิกผันในบัดดล จากคดีจับตัวเรียกค่าไถ่กลายเป็นคดีฆาตกรรม
หลังจากพบศพของโจนเบนท์มีเรื่องน่าสงสัยมากมาย เกี่ยวกับพฤติกรรมน่าสงสัยของครอบครัวแรมซีย์ในวันที่เกิดเหตุ เป็นต้นว่า ทำไมจอห์นถึงไม่เรียกตำรวจมาข้างล่างตอนพบศพโจนเบนท์
ทำไมเวลารอรับโทรศัพท์จากคนร้าย พ่อแม่ของโจนเบนท์ถึงได้แยกห่างจากกัน ซึ่งตามปกติแล้วพ่อแม่คนใดคนหนึ่งเวลามีปัญหาร้ายแรงเกิดขึ้นกับลูกมักอยู่ติดกันแจเสมอ และในขณะฟลีท ไวท์ร้องเรียกเรียกรถพยาบาลนั้น แขกทุกคนในบ้านต่างวิ่งเป็นเกรียว แต่แพทซี่กลับนั่งเฉยไม่ขยับเก้าอี้แต่อย่างใดหลังจากสวดมนต์เหมือนผีเข้าเมื่อครู่ แต่ก็หยุดลงหลังจากนั้น ราวกลับว่าเธอรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ ลูกเธอตายแล้ว
จดหมายเรียกค่าไถ่ก็น่าแปลก เพราะกระดาษที่ใช้เขียนฉีกมาจากสมุดภายในบ้านเอง ตำรวจพบในโรงครัว ปากกาที่ใช้เขียนก็วางอยู่ด้วยกันอีกต่างหาก
จำนวน 118,000 ดอลลาร์ ในจดหมายก็เท่ากับจำนวนเงินโบนัสวันคริสต์มาสของจอห์น แสดงให้เห็นว่าคนร้ายรู้จำนวนเงินในสมุดธนาคารของจอห์นแบบใกล้ชิด และยิ่งกว่านั้นอักษรย่อ S.B.T.C น่าจะมาจาก Subic Bay Training Centre มันเป็นหน่วยที่จอห์นฝึกตอนอยู่ในกองทัพเรือ ค.ศ. 1960
หลังจากศพถูกย้ายไปชันสูตร จอห์นกับแพตซี่ก็ไม่เคยกลับหรือย่างกรายเข้าไปบ้านสุดหรูหราสไตร์ทิวเดอร์อีกเลย!
ทางด้านตำรวจเองก็ผิดพลาดหลายอย่างซึ่งส่งผลเสียร้ายแรงต่อการสอบสวน เช่น ไม่ได้ขึงป้ายห้ามคนนอกเข้าที่เกิดเหตุ ทั้งเมื่อร้องทุกข์คนถูกลักพาแล้ว ยังปล่อยให้ญาติมิตรเข้าออกบ้านตามใจชอบได้อีก
จากการชันสูตรหนูน้อยโจนเบนท์พบว่าหนูน้อยน่ารักรายนี้เสียชีวิตก่อนเที่ยงคืน 25 ธันวาคม เพราะขาดอากาศหายใจ อันเนื่องจากการรัดคอ
จากการชันสูตรยืนยันความจริงที่น่ากลัวว่า ก่อนที่หนูน้อยรัดคอนั้น
ในช่วงระหว่างที่เธอมีชีวิตอยู่นั้นศีรษะของเธอถูกกระแทกอย่างรุนแรงจนบาดเจ็บจากการถูกฟาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายครั้งอย่างโหดร้าย อาจถูกทุบด้วยไฟฉาย หรือไม้กอล์ฟ แต่มันไม่สะใจพอ ทั้ง ๆ ที่กะโหลกของเธอแตก มันจึงใช้การรัดคอ แต่มันกลัวไม่แน่นพอ จึงขันให้ตึงด้วยด้ามพู่กันรัดมาขันชะเนาะ แต่ทั้งนี้ ไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่า โจนเบนท์ถูกข่มขืนกระทำชำเราก่อนตาย แต่ไม่อาจยืนยันได้ว่า ถูกกระทำอนาจารหรือไม่
เจ้าพนักงานค้นบ้านเกิดเหตุอย่างถี่ถ้วนหลายวัน และพบปลายพู่กัน (ซึ่งด้ามใช้ขันเชือกรัดคอจอนเบอเนต) ในถังใส่อุปกรณ์วาดเขียนของนางแรมซีย์ ผู้เชี่ยวชาญว่า เงื่อนแบบที่ใช้รัดคอนั้นไม่ใช่ผูกกันง่ายๆ ต้องอาศัยความรู้ความชำนาญเป็นพิเศษทีเดียว
ขณะที่ผลการชันสูตรพลิกศพยังเปิดเผยด้วยว่า โจนเบนท์ทานสับปะรดสองสามชั่วโมงก่อนถูกฆ่า ภาพถ่ายบ้านตระกูลแรมซีย์ในวันเกิดเหตุนั้นปรากฏว่า มีสับปะรดชามหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะในครัว มีช้อนเสียบอยู่ และเจ้าพนักงานตำรวจแจ้งว่า ตรวจพบลายนิ้วมือของเบิร์ก พี่ชายวัยเก้าปีของผู้ตาย ที่ชามนั้น อย่างไรก็ดี ทั้งนายและนางแรมซีย์ว่า จำไม่ได้ว่า วางชามสับปะรดดังกล่าวไว้ในครัว หรือให้โจนเบนท์รับประทานสับปะรด นอกจากนี้ ยังว่า เบิร์กหลับอยู่ตลอดเวลาขณะเกิดเหตุ มาตื่นเอาเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจมาที่บ้านแล้วสองสามชั่วโมง
จากการตรวจสอบไม่ปรากฏว่า มีรอยเท้าเข้าสู่ชายคาบ้านจากลานหิมะนอกบ้าน และมีรายงานอีกฉบับว่า หิมะรอบ ๆ ประตูบ้านถูกกวาดทิ้ง เจ้าพนักงานตำรวจว่า ไม่มีร่องรอยบุกรุกเข้าบ้าน แต่ปีถัดมากลับว่า ในวันเกิดเหตุ บ้านไม่น่าจะปลอดภัย เพราะหน้าต่างชั้นใต้ดินแตกมาก่อนวันคริสต์มาส และประตูบ้านยังเปิดทิ้งไว้ด้วย
ข่าวการตายของหนูน้อยโจนเบนท์ แชมป์นางงามเด็กเป็นข่าวดังมาก ส่งผล ช็อกคนทั้ง โคโรราโด และสะเทือนแผ่นดินอเมริกา แน่นอนว่าข่าวได้นำเสนอประวัติชีวิตของเด็กน้อยโจนเบนท์ ทำให้หลายคนตั้งสังเกตว่า เด็กสาวดังกล่าวไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนเด็กปกติมากนัก
เพราะนางแรมซีย์มักส่งบุตรเข้าแข่งขันหลายอย่างในหลาย ๆ รัฐโดยออกค่าใช้จ่ายเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประกวดนางงาม, ไต่ภูเขา และเล่นไวโอลิน ซึ่งถือว่าหนักมากสำหรับเด็กวัยขนาดนี้ ภายหลังสื่อมวลชนพากันกลั่นกรองและประณามนางแรมซีย์ในเรื่องเหล่านี้เป็นอันมาก
ต่อมาผลการชันสูตรก็พบเรื่องน่าตกใจอีก เมื่อผลจากการชันสูตรพบในช่องเพศเด็กมีรอยแผลเก่า รอยแผลใหม่เต็มไปหมด โจนเบนท์เป็นเหยื่อแห่งการทารุณกรรมทางเพศมาเนิ่นนาน นับเดือนนับปีเสียด้วยซ้ำ มีความเป็นไปได้ว่าจอห์น แรมซี่ย์ ใช้โจนเบนท์ บำบัดความใคร่ เพราะแพตซี่เป็นมะเร็งต้องผ่าตัดมดลูก ไม่สามารถให้ความสุขทางกามให้เขาได้ อย่างไรก็ตามข้อสันนิษฐานนี้ถูกหักล้าง เพราะมีการยืนยันว่า โจนเบนท์ไม่เคยแสดงออกถูกอาการหรือร่องรอยถูกทำร้ายทางเพศ ส่วนสาเหตุที่อวัยวะเพศเป็นอย่างนี้เพราการติดเชื้อในอวัยวะเพศ และการสับสนเรื่องอารมณ์
แต่อย่างไรก็ตาม ผลชันสูตรชี้ชัดแล้วว่าโจนเบนท์ถูกกระทำทารุณทางเพศติดต่อกันหลายปีแน่นอน เยื่อบุช่องคลอดมีทั้งรอยแดง แผลเก่า แผลใหม่ แล้วยังแสดงให้เห็นว่ามีการสอดใส่บางสิ่งเข้าไปช่องน้อยที่คับแคบนั้น และมันทำให้เลือดของเธอออก
นอกจากนั้น ดร.เมเยอร์ เสริมอีกว่า เด็กคนนี้ถูกของแข็งไม่มีคมแหลม ทิ่งแทงเข้าช่องเพศอย่างรุนแรง และปรากฏคราบอสุจิและรอยเลือดที่แคมใหญ่ แต่คราบอสุจิและเลือดถูกใครบางคนใช้ผ้าเช็ดออกไปอย่างหมดจด แต่ตำรวจค้นที่บ้านก็ไม่พบผ้าชนิดนั้น
แน่นอนว่าหลักฐานและรูปคดีมากมายบ่บอกว่าการเสียชีวิตของโจนเบนท์นั้น ครอบครัวแรมซีย์ถือว่าตกเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง ข่าวลือชักหนาหู จอห์นแลแพตซี่ถูกสังคมตราหน้า ว่าเป็นฆาตกรสังหารลูกสาวตนเอง และนอกเหนือจากนั้นก็มี เบิร์ค ก็เข้าข่ายฆ่าน้องสาว
อย่างไรก็ตาม จอห์นและแพตซี่ยังอยู่รอดปลอดภัยเนื่องด้วยสภาพทางสังคม หน้าที่ การงาน และกฎหมาย ตำรวจเกลงใจพวกเขา ไม่มีการสืบสวนอย่างที่ควรจะเป็นในฐานะผู้ต้องสงสัยหมายเลขหนึ่ง และหลักฐานไม่ได้ช่วยมัดตัวทั้งคู่มากนัก
ทางด้านจอห์นและแพตซี่ แรมซีย์ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในสังคมอเมริกา ทั้งคู่ออกข่าว ออกทีวี เพื่อพูดคุยกับความรู้สึกเกี่ยวกับการตายของลูกสาวของพวกเขา ทั้งคู่ยังคงเศร้าโศกเสียใจจากการตายของลูกสาว พร้อมตั้งรางวัลห้าหมื่นดอลลาร์สำหรับข้อมูลและเบาะแสที่จะจับฆาตกรมาลงโทษให้ได้ ยังเตือนชาวเมืองโบลเดอร์ว่าฆาตกรที่ฆ่าโจนเบนท์ยังคงลอยนวลและอาละวาดอยู่
เมื่อชาวเมืองโบลเดอร์ได้ยินข่าวว่ามีฆาตกรสังหารเด็กลอยนวลอยู่ ก็เกิดเหตุจลาจลย่อย ๆ ขึ้น หนังสือพิมพ์ประโคมข่าว "ฆาตกรสังหารเด็กลอยนวลอยู่โปรดระวังภัย" จนนายกเทศมนตรีออกยืนยันว่า ไม่มีฆาตกรลอยนวลดังกล่าว
แน่นอนว่าผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าโจนเบนท์นั้นมีหลายราย ซึ่งหลักๆ ตำรวจตั้งเป้าสงสัยว่าสมาชิกครอบครัวของโจนเบนท์นั้นแหละที่เป็นคนฆ่า
เบิร์ค แรมซี่ย์ จากหลักฐานฆาตกรที่รัดคอแล้วหาแท่งไม้มาขันชะเนาะย่อมแสดงว่าฆาตกรไม่มีแรงพอ ถ้าเป็นผู้ใหญ่ละก็ไม่ต้องเสียเวลาหาอะไรมาขันชะเนาะ แค่ลำคอเด็ก 6 ขวบ มือข้างเดียวก็เพียงพอแล้ว
ทำให้สันนิษฐานกันว่า เบิร์ค ฆ่าน้องสาวตนเอง เพราะ ริษยาโจนเบนท์ ผู้ การมีตัวตนอยู่น้องสาวทำให้เขากลายเป็นหมาหัวเน่า ไม่มีใครเห็นหัวเขาเลย หลังเขาฆ่าโจนเบนท์ พ่อแม่ก็ได้ปกปิด พรางคดี เพื่อไม่ให้ลูกชายของตนเองติดคุก
จอห์น แรมซีย์ หลายฝ่ายเชื่อว่าเด็กน้อยแสนสวยเป็นเหยื่อทางอารมณ์ทางเพศของบิดาหรืออาจรวมทั้งเพื่อน ๆ ที่มาทำกับลูกสาวของเขาด้วยซ้ำ และที่น่ากลัวคือวันที่โจนเบนส์เสียชีวิต
เป็นช่วงที่พวกผุ้ใหญ่สนุกกับเกมซาดิสต์ ขันชะเนาะได้ทำให้โจนเบนท์ตายโดยไม่ได้ตั้งใจ
หลักฐานก็คือผลจากการชันสูตรพบในช่องเพศเด็กมีรอยแผลเก่า รอยแผลใหม่เต็มไปหมด แสดงว่าเธอโดนประจำและเป็นเวลานานแล้ว และยังเจอน้ำเชื้ออสุจิที่ช่องเพศด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม อย่างที่รู้กันอยู่คนที่ชอบร่วมเพศกับเด็กมักสะสมรูปภาพลามกที่มีเด็กเป็นนายแบบ นางแบบ แต่จากการตรวจค้นบ้านไม่พบสิ่งเหล่านี้เลย เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาย้ายมันออกไปหมดแล้ว
แพตซี่ แรมซี่ย์ ข้อสันนิษฐานนี้มาจากผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ลายมือพบว่าลายมือพบว่าลายมือของแพตซี่เหมือนมาก ๆ กับจดหมายเรียกค่าไถ่ฉบับนั้น
ประเด็นแรก เรื่องเงินที่ผู้ร้ายเรียกมา 118000 ดอลลาร์ มันเป็นเงินค่าไถ่ที่ประหลาดมาก ไม่จำนวนน้อยที่โจรเรียกค่าไถ่ระบุเงินเป็นเศษอย่างนั้น ปกติโจรเรียกค่าไถ่จะเขียนไม่ยาว ไม่เพ้อเจ้อ แต่นี้พล่ามมาก มีการบรรยายไร้สาระ บางประโยคแสดงถึงความเย่อหยิ่งสูง
เนื่องจากแพตซี่เป็นคนเคร่งศาสนา เป็นไปได้ไหมว่าแพตซี่จะใช้โจนเบนท์เป็นเครื่องบูชายัญเพื่อชดใช้บาปของเธอ
อีกทฤษฎีหนึ่ง แพตซี่ไม่ได้ฆ่าโจนเบนท์ แต่เธอนั้นแหละที่เขียนจดหมายจริง ๆ เพื่อปกปิดฆาตกรไว้เพื่อไม่ให้คนอื่นรู้ว่ามันคือใคร
ผู้บุกรุกจากภายนอก แน่นอนว่าตำรวจไม่ตัดทฤษฏีผู้บุกรุกจากภายนอก เนื่องด้วยโจนเบนท์เป็นแชมป์นางงามเด็กหลายเวที ทำให้มีหลายคนอิจฉา โดยเฉพาะคนชั้นกลางที่หมั่นไส้ขนาดหนักต่อสองแม่ลูกนี้ เป็นไปได้ไหมว่าฆาตกรต้องการแก้แค้นด้วยการฆ่าหนูน้อยโจนเบนส์
อย่างไรก็ตาม เป็นได้ยาก เพราะตัวฆาตกรเองต้องรู้ทางเข้าออกในบ้านหรูนั้น ที่ใหญ่ราวเขาวงกต อย่างน้อยมันต้องรู้ตำแหน่งว่าแพตซี่ตื่นแล้วต้องลงบันไดนั้ (บ้านแรมซี่มีบันไดเยอะมากไม่ใช่มีอันเดียว) มันถึงวางจดหมายไว้อย่างเหมาะเหม็งที่เดียว
และนอกจากนี้บริเวณรอบบ้านมีหิมะตกอย่างนี้ แต่กลับไม่มีรอยเท้าที่น่าสงสัยเลย เพราะฉะนั้นฆาตกรน่าจะเป็นคนในบ้านมากกว่าคนนอกบ้าน
เรื่องของการบุกรุกจากภายนอกนี้ แม้ว่าเพื่อนบ้านแรมซีย์รอบๆ จะมีเหตุถูกลักทรัพย์ในยามวิกาลมากกว่าหนึ่งร้อยครั้งในหลายเดือนติดต่อกันก่อนที่โจนเบนท์จะถูกฆ่าก็ตาม
หากแต่เมื่อทำการตรวจสอบผู้เคยกระทำความผิดเกี่ยวกับเพศจำนวนสามสิบแปดคนอาศัยอยู่ในรัศมีสามกิโลเมตร (สองไมล์) จากบ้านตระกูลแรมซีย์ อันเป็นย่านชุมนุมชนส่วนใหญ่ของเมืองโบลเดอร์ กระนั้น ไม่หลักฐานของผู้กระทำความผิดเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับคดีโจนเบนท์แต่อย่างใด
แน่นอนว่าน้ำหนักจึงไปอยู่ที่ตระกูลแรมซี่ย์หมด แต่จอห์นและแพตซี่ย้ำว่าไม่ได้ฆ่าโจนเบท์ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องเรื่องนี้เลย
ต่อมามีการประกาศอย่างเป็นทางการว่า จอห์น แอนดรูว์ และเมลินด้า พ้นจากข้อสงสั และมีการแถลงการณ์ว่าทั้งจอห์นและแพตซี่ไม่ได้เป็นคนเขียนจดหมายเรียกค่าไถ่นั่น โดยมีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ลายมือที่จ้างมาพร้อมหลักฐานมายืนยันต่อสาธารณชน
คดีของโจนเบนส์ไม่หมดอายุความ แน่นอนทางตำรวจเองก็พยายามใช้เทคโนโลยีการสอบสวนสมัยเข้ามาสอบสวน ในเดือนธันวาคม 2003 พนักงานสอบสวนฝ่ายนิติวิทยาศาสตร์สกัดสารจากตัวอย่างโลหิตคละ (mixed blood sample) ซึ่งพบที่กางเกงชั้นในของโจนเบนส์ จนได้ดีเอ็นเอของฆาตกรได้ ซึ่งเมื่อไปเทียบฐานข้อมูลดีเอ็นเอมากกว่าหนึ่งล้านหกแสนชนิดที่สกัดมาจากนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ พบว่า ดีเอ็นเอข้างต้นเป็นของชายนิรนาม เพราะไม่พ้องกับบรรดาที่มีอยู่ในฐานข้อมูล แต่อย่างไรก็ตาม ดีเอ็นเอที่ว่าเป็นหลักฐานเดียวที่จะบ่ชี้ฆาตกรที่ฆ่าหนูน้อยโจนเบนท์ที่จริง
ต่อมาแพตซี่ต้องต่อสู้กับโรคมะเร็งร้ายอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้มันได้เล่นงานเธอย่ำแย่ รอวันตายเท่านั้น เพื่อนสนิทมิตรสหายหวังว่าขณะใกล้ตาย เธออาจสำนึกบาป และสารภาพเรื่องที่เกิดขึ้นในวันคริสต์มาสของหนูน้อยโจนเบนท์เป็นครั้งสุดท้าย หากสุดท้ายก็ไม่มีคำสารภาพอะไรเกี่ยวกับโจนเบนท์หลุดปากของแพตซี่แม้แต่น้อย แพตซี่เสียชีวิตในวันที่ 24 มิถุนายน 2006 รวมอายุ 49 ปี ในบ้านของพ่อของเธอโดนมีสามีอยู่เคียงข้าง
คดีของโจนเบนท์เงียบหายไปพักใหญ่ จนกระทั่งวันที่ 16 สิงหาคม 2006 จอห์น มาร์ก คาร์ (John Mark Karr) หรือบัดนี้เปลี่ยนชื่อเป็น อเล็กซีส เรค อดีตครูวัยสี่สิบเอ็ด ถูกจับที่เขตสาทร กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย โดยเจ้าพนักงานตำรวจไทย ในข้อหาใช้เด็กผลิตสื่อลามก
นายคาร์เกิดที่เมืองแฮมิลตัน รัฐอลาบามา ซึ่งทุกคนในเมืองนั้นจำเขาได้ว่าเป็นเด็กฉลาด ชอบทำกิจกรรมต่างๆ โดยไม่หยุดนิ่ง รวมไปถึงเข้าร่วมในวงดนตรีของโรงเรียนมัธยมปลาย เมื่อโตเป็นหนุ่ม นายคาร์ได้เขียนประวัติตัวเองลงในเว็บไซต์ว่าเป็นนายหน้าขายที่ดินและบ้านเก่านานหลายปี ก่อนจะเริ่มเป็นครู1996 ซึ่งเป็นปีเดียวกับนางงามน้อยโจเบนท์ถูกฆ่าตาย แต่ถูกไล่อหลายครั้ง เพราะมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
นอกจากนั้นชีวิตสมรสของคาร์ก็ไม่ราบรื่นนัก เพราะผ่านการหย่าหลายครั้ง โดยสาเหตุที่หย่าเพราะภรรยาสุดท้นที่สามีมีพฤติกรรมฝักใฝ่หลงใหลในเด็กมากเกินไป
หลังจากหลบคดีหลายคดีในสหรัฐ นายคาร์ได้ใช้ชีวิตเร่ร่อนตระเวนเป็นครูสอนภาษาอังกฤษในหลายประเทศใน 3 ทวีป อาทิ เกาหลีใต้ ไต้หวัน ญี่ปุ่น เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ อิตาลี ออสเตรเลีย ฮอนดูรัสและคอสตาริกา โดยจะลงประวัติลงในเว็บไซต์หลายเวบไซต์ว่าพร้อมจะเป็นครูสอนภาษาอังกฤษให้แก่เด็กๆ ไม่ว่าจะเป็นสอนตามโรงเรียนหรือตามบ้านเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตอันสดใสของเด็กเหล่านั้น แน่นอนเป็นเรื่องโกหก เพราะต่อมาเขาก็ถูกจับได้ในไทยในข้อหาทำอนาจารเด็ก
สาเหตุที่หลายฝ่ายเชี่ยมโจรคาร์กับคดีโจนเบนท์อันเนื่องมากจาก เขาหลงใหลคดีของโจนเบนท์มาก ถึงขั้นศึกษาอย่างละเอียด และมีช่วงหนึ่งเขาส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์เกี่ยวกับคดีโจนเบนท์ ไปหาไมเคิล เทรซีย์ อาจารย์คณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยโคโลราโ) และขณะถูกสอบสวนที่เทศมณฑลโซโนมา รัฐแคลิฟอร์เนีย เนื้อหาบอกว่าว่าเขาอยู่กับโจนเบนท์เธอตาย แต่ความตายของเธอนั้นเป็นอุบัติเหตุ
นอกจากนี้สื่อมวลชนตั้งข้อสังเกตว่า พยานหลักฐานที่เชื่อมโยงคาร์กับฆาตกรรมโจนเบนส์มีมากมาย เป็นต้นว่า ซ้ำลายมือของคาร์ยังเหมือนกับลายมือในจดหมายเรียกค่าไถ่ และคาร์เขียนอักษร E, T และ M ด้วยรูปแบบเฉพาะตัวเป็นอันมาก
อย่างไรก็ดี ดีเอ็นเอของคาร์ไม่ตรงกับที่พบบนตีวศพโจนเบนส์ ทำให้หลายคนเชื่อว่าคาร์โกหกเรื่องโจเบนท์เพราะต้องการมีชื่อเสียง ต่อมาตำรวจก็กาชื่อคาร์ออกจากผู้ต้องสงสัย เพราะไม่พบพยานหลักฐานว่า คาร์ได้อยู่ใกล้เมืองโบลเดอร์ในช่วงเกิดเหตุเลย เพราะครอบครัวของนายคาร์มีหลักฐานว่า นายคาร์ร่วมฉลองคริสมาสต์กับครอบครัวที่เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ในช่วงเกิดเหตุฆาตกรรม
จนถึงทุกวันนี้คดีของโจนเบนท์ยังไม่ได้รับการคลี่คลาย และยังรอหลักฐานใหม่ๆ ที่เป็นกุญแจไขปริศนาการตายของหนูน้อยโจนเบนท์ คดีประวัติศาสตร์ของอเมริกาต่อไป
อ้างอิง วิกิพีเดียไทย
She's so lucky, she's a star
But she cry, cry, cries in her lonely heart, thinking
If there's nothing missing in my life
Then why do these tears come at night
https://www.youtube.com/watch?v=4vvBAONkYwI