10 อันดับ หนังสงครามที่ควรดู

เริ่มต้นกันที่อันดับ 10 ผลงานแห่งความสำเร็จ 4 รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมที่เขียนขึ้น เป็นบทภาพยนตร์จากประสบการณ์จริงของผู้กำกับ โอลิเวอร์ สโตน คือภาพยนตร์ที่เข้มข้นทรงพลัง และเป็นความทรงจำเสมือนฝันร้ายที่ไม่มีวันสลัดทิ้งไปได้ของทหารทุกคนที่ต้องสูญสิ้นความสภาพจิตใจของพวกเขาไปในป่ารบของเวียดนาม หลังจากมาถึงเวียดนามได้ไม่นาน คริค เทย์เลอร์ (ชาร์ลี ชีน) ทหารหนุ่มอเมริกันใสซื่อผู้ค้นพบว่าเขาไม่เพียงแต่ต้องสู้รบกับพวกเวียดกงเท่านั้น แต่ยังต้องต่อสู้ความหวาดกลัวที่ค่อยๆกัดกินหัวใจ ความเหนื่อยล้าสาหัส และอารมณ์เกรี้ยวกราดที่พร้อมระเบิดได้ทุกเมื่อ ขณะเดียวกันหัวหน้าทั้งสองของเขา (ทอม เบอเรนเจอร์ และ วิลเล็ม เดโฟ สองนักแสดงที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ด้วยกันทั้งคู่) ต่างต้องห้ำหั่นทั้งฝ่ายศัตรูและก่อสงครามกันเองอีกต่างหาก

หนังสงครามสุดมันระห่ำอันดับ 9  เรื่องราวอันห้าวหาญของกลุ่มทหารชั้นยอดของ สหรัฐฯ ที่ถูกส่งตัวไปยังโมกาดีชู ประเทศโซมาเลีย ในเดือนตุลาคม ปี 1993 ในฐานะส่วนหนึ่งของปฏิบัติการรักษาความสงบของสหประชาชาติ ภารกิจของพวกเขา ก็คือ การลักพาตัวนายทหารผู้นำสองนายของผู้นำ โซมาเลีย โมฮาเม็ด ฟาร์ราห์ ไอดิด โดยภารกิจครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่ง ของแผนการยุติสงครามการเมือง และความอดอยากที่กำลังสร้างความเสียหายให้กับประเทศแห่งนี้

มาที่อันดับ 8  ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝ่ายญี่ปุ่นสามารถเจาะเข้ารหัสลับ ของกองทัพอเมริกันได้อย่างต่อเนื่อง สร้างความล่าช้าให้กับการบุก ของกองกำลังทหารอเมริกันเป็นอย่างมาก ในที่สุดเมื่อปี 1942 กองกำลังอเมริกันนาวาโฮ (Navajo) หลายร้อยนาย ได้ถูกเกณฑ์เข้าสู่นาวิกโยธิน หน่วยนี้มีฉายาว่า เจ้าหน้าที่รหัส (code talkers) พวกเขาถูกมอบหมายให้พัฒนารหัสลับของกองทัพ ซึ่งมีพื้นฐานมาจากภาษาท้องถิ่นเดิมของพวกเขา นาวิกโยธิน โจ เอนเดอส์ (นิโคลัส เคจ) และ อ็อกซ์ แอนเดอร์สัน (คริสเตียน สเลเตอร์) ถูกกำหนดให้เป็นผู้ปกป้องเจ้าหน้าที่รหัส เบน ยาซี (อดัม บีช) และ ชาร์ลี ไวท์ฮอร์ส (โรเจอร์ วิลลี่) ให้รอดชีวิตในสงครามครั้งนี้ให้ได้

มาดูหนังสงครามจากประเทศเกาหลีกันบ้าง อันดับ 7  เมื่อ จินซก (วอนบิน) ได้รับแจ้งจากทีมนักโบราณคดีว่า ได้ขุดพบซากศพที่ในอดีตเคยเป็นสนามรบ และเหมือนว่าซากดังกล่าวจะเป็นของพี่ชาย จินแต (จางดองกัน) ซึ่งหายสาบสูญระหว่างออกรบ ซึ่งในหนังได้เล่าถึงเมื่อประมาณ 50 ปีก่อน พูดถึงความเลวร้ายของสงคราม ที่ได้ผลักดันสองพี่น้องที่เคยรักใคร่กลมเกลียว ให้กลายเป็นศัตรูกัน....

ถัดมาในอันดับ 6  ที่มาของภาพ ถ่ายอันสร้างแรงบันดาลใจที่ถูกบันทึกไว้ในเวลานั้น กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะของประเทศที่เริ่มอ่อนล้าต่อสงคราม และสร้างความเป็นวีรบุรุษให้กับ 6 ทหารอเมริกันที่อยู่ตรงเสา บางคนอาจเสียชีวิตอีกไม่นานหลังจากนั้น โดยไม่มีวันรู้ว่าพวกเขาจะกลายเป็นอมตะ ทว่า เหล่าผู้เชิญธงที่รอดชีวิตมาได้ไม่เคยใส่ใจว่าจะกลายเป็นสัญลักษณ์และไม่คิด ว่าตนเองเป็นวีรบุรุษ พวกเขาต้องการเพียงอยู่ในแนวหน้าร่วมกับเหล่าเพื่อนทหารถืออาวุธ ที่กำลังต่อสู้และตายไปโดยไม่มีแตรสรรเสริญหรือชื่อเสียง

มาถึงอันดับ 5  กองทัพเยอรมันและรัสเซียต่างส่งกองทหารเข้าสู้รบกันในอภิมหาศึกสงครามโลกที่สตาลินกราด ขณะที่คนทั้งโลกกำลังรอคอยผลของการต่อสู้ด้วยความกลัว ทหารปืนลอบสังหารผู้มีชื่อเสียงจากรัสเซีย วาซิลี เซทเซฟ (จูด ลอว์) ค่อยๆ ลอบสังหารศัตรูพวกนาซีทีละคนๆ ในไม่ช้า ชื่อเสียงของเขาก็ผลักดันให้เขาเข้าสู่การต่อสู้ส่วนตัวครั้งสำคัญ กับนักแม่นปืนที่เก่งที่สุดของเยอรมันคือ พันตรี โคนิจ (เอ็ด ฮาร์ริส) เรื่องนี้เป็นหนังสงครามที่มีการดวลไรเฟิลกันมันส์มากๆขอบอก

ผมก็ขอสาบานว่า เมื่อเราเข้าสู่สมรภูมิรบ ผมจะเป็นคนแรกที่เข้าไป และจะเป็นคนสุดท้ายที่ออกมา ผมไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นหรือตาย เราทั้งหมดจะกลับบ้านด้วยกัน ประโยคเด็ดจากในหนังเรื่องนี้ของลุง เมล กิ๊บสัน เป็นอันดับ 4 ของทีมงาน toptenthailand เมื่อพันเอก ฮัล มัวร์ (เมล กิ๊บสัน) ได้กล่าวไว้ต่อหน้าเหล่าทหาร สงครามครั้งนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในสงครามที่ดุเดือดที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา และถือเป็นการปะทะกันครั้งแรก ระหว่างทหารฝ่ายเวียดนามเหนือ และสหรัฐอเมริกาอีกด้วย

หนังสงครามที่อเมริกันชนทุกคนควรดู อันดับ 3 อดีตวีรบุรุษจากสงครามฝรั่งเศสและอินเดียน แดง เบนจามิน มาร์ติน (เมล กิ๊บสัน) ประกาศเลิกรบตลอดชีวิต เพื่อให้ครอบครัวของเขาอยู่อย่างสุขสงบ ถึงแม้ในอดีต เขาจะเคยเป็นนายทหารผู้ชำนาญการรบ เจ้าเล่ห์ และโหดร้าย แต่เมื่อการจลาจลปะทุขึ้น คราวนี้เป็นความขัดแย้งที่เลี่ยงไม่ได้ ในเมื่อศัตรูคือ "อังกฤษ" หนทางเดียวที่จะปกป้องครอบครัวของเขาได้ ก็คือ การต่อสู้เพื่ออิสรภาพของประเทศชาติที่เพิ่งก่อตั้งได้ไม่นานของเขา เรื่องนี้กะรันตีความมันส์โดยลุงเมล กิ๊บสัน เจ้าเดิม

หนังสงครามปนรักโรแมนติกเรื่องเยี่ยมเป็นอันดับ 2 เรื่องราวของสองนักบินหนุ่ม ราฟ แม็คคอว์ลีย์ (เบน แอฟเฟล็ค) และ แดนนี่ วอล์คเกอร์ (จอช ฮาร์ทเน็ทท์) ซึ่งเติบโตสนิทสนมกันราวกับเป็นพี่น้อง พวกเขาได้รับการฝึกฝน ให้ขับเครื่องบินกำจัดแมลงศัตรูพืช และในยามที่ชาติต้องการ พวกเขาก็พร้อมเข้าร่วมเป็นนักบิน ประจำกองทัพอากาศสหรัฐฯ ราฟหลงรัก เอเวลีน จอห์นสัน (เคท เบ็คคินเซล) นางพยาบาลสาวสวยจิตใจห้าวหาญ ที่ทำงานในกองทัพเรือสหรัฐฯ ทันทีที่ราฟได้รู้จักกับเอเวลีน เขาก็ตกหลุมรักเธอเข้าอย่างจัง แต่ข้างฝ่ายเอเวลีน กลับไม่แน่ใจว่าเขารักเธอจริง

อันดับ 1ภาพยนตร์ที่มีครบทุกรสชาติ ความมันส์ระห่ำ ความซาบซึ้งและตราตรึงใจ เป็นหนังสงครามที่มิอาจลืมเลือนของผู้คนทั่วโลก Saving Private Ryan เรื่องราวของเหตุการณ์ในช่วงสงครามโลก ที่เริ่มเปิดฉากการบุกในวันดี-เดย์ เคลื่อนพลขึ้นชายหาดตามหลังกองทหารอเมริกันที่ยกพลขึ้นบก ก่อนที่ปฏิบัติการพิเศษสุดนรกจะได้รับมอบหมายให้ ร้อยเอกจอห์น มิลเลอร์ (ทอม แฮ็งค์) รับภารกิจนำเหล่าทหารฝีมือเยี่ยมเจาะหลังแนวข้าศึกเพื่อไปตามหาพลทหาร เจมส์ ไรอัน (แม็ท เดม่อน) ให้ปลดประจำการจากกองทัพ เพื่อรักษาผู้สืบทอดตระกูลคนสุดท้ายของครอบครัวไรอัน เรื่องนี้กะรันตีความยอดเยี่ยมของหนังด้วย 5 รางวัลออสการ์แห่งปี 1998 จากสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, เสียงประกอบยอดเยี่ยม, ตัดต่อยอดเยี่ยม และบันทึกเสียงยอดเยี่ยม