11 สถานการณ์ที่คุณไม่ควรใส่กางเกงในจีสตริง
สาวๆส่วนใหญ่มักจะสวมกางเกงในจีสตริงเพื่อป้องกันการมองเห็นขอบกางเกงชั้นในและหลีกเลี่ยงสถานการณ์อื่นๆที่อาจทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจ อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าไม่ควรสวมใส่ตลอดเวลาเนื่องจากไม่ดีต่อสุขภาพเท่าไหร่นัก นั่นเป็นเพราะเนื้อผ้าบริเวณเป้านั้นแคบมาก ฉะนั้นเมื่อคุณต้องเคลื่อนไหวตลอดทั้งวันเนื้อผ้าก็จะเลื่อนไปมาอยู่ตรงกลางระหว่างช่องคลอดกับช่องทวารหนักได้โดยง่าย ข่าวร้ายคือเนื้อผ้าอาจเป็นพาหะนำเชื้อแบคทีเรียของไวรัสซึ่งทำให้ช่องคลอดหรือกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ เนื่องจากกางเกงในที่มีขนาดเล็กหรือใหญ่เกินไปจะยิ่งทำให้เนื้อผ้ามีโอกาสเลื่อนไปมาได้ง่ายขึ้น
1. เพราะจีสตริงไม่ใช่กางเกงในผ้าฝ้าย แต่เป็นผ้าสังเคราะห์อย่างเช่นไนล่อนจะที่กักเก็บความชื้น ทำให้เหม็นอับ ขณะที่ผ้าฝ้ายจะช่วยระบายอากาศรอบๆช่องคลอด รักษาสภาพความเป็นกรดที่ดีต่อสุขภาพซึ่งป้องกันการติดเชื้อได้ หากคุณต้องการรู้สึกเบาสบายควรเลือกสวมกางเกงในแบบบิกินี่เพื่อหลีกเลี่ยงความรู้สึกอึดอัดที่อาจเกิดขึ้น
2. อย่าใส่จีสตริงขณะที่ใส่ชุดออกกำลังกาย เสื้อผ้ารัดรูปอย่างเลกกิ้งสแปนเด็กซ์จะขัดขวางระบบการไหลเวียนของอากาศ แต่เสื้อผ้ารัดรูปที่เปียกชื้นจะให้ผลลัพธ์ที่แย่กว่านั้นอีกเนื่องจากมันจะบ่มเพาะการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและทำลายสุขภาพของช่องคลอด ดังนั้นควรเปลี่ยนกางเกงในตัวใหม่ทุกครั้งหลังออกกำลังกาย
3. หลีกเลี่ยงจีสตริงขณะสวมใส่กระโปรงสั้น หากกระโปรงของคุณรั้งขึ้นเมื่อนั่งลง เช่น บนที่นั่งรถไฟใต้ดิน คุณควรเลือกสวมกางเกงในแบบบิกินี่แทนที่จะเป็นแบบเปลือยก้นเนื่องจากร่างกายของคุณอาจสัมผัสกับเชื้อแบคทีเรียและไวรัสที่มากพอๆกับในสุขาเคลื่อนที่
4. คุณมีแนวโน้มที่จะเป็นช่องคลอดอักเสบจากเชื้อราหรือแบคทีเรีย หากคุณเป็นแฟนพันธุ์แท้กางเกงในจีสตริงตัวยงและไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย นั่นแปลว่าระบบภูมิคุ้มกันของคุณน่าจะแข็งแรงผิดธรรมชาติ แต่ถ้าคุณมีอาการช่องคลอดอักเสบหรือเป็นติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะก็ควรเปลี่ยนไปใส่กางเกงในแบบบิกินี่แทน
5. ถ้าคุณเป็นคนขี้เกียจอาบน้ำควรหลีกเลี่ยงจีสตริง การอาบน้ำถูสบู่ทุกวันจะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคทางผิวหนังและช่องคลอดอักเสบได้
6. ควรหมั่นเปลี่ยนผ้าอนามัยแบบสอดบ่อยๆ อย่างแรกคุณควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุกๆ 4-6 ชั่วโมง แต่ถ้าคุณขี้ลืมก็ไม่ควรใส่กางเกงในจีสตริงในช่วงที่มีประจำเดือน เนื่องจากเป็นไปได้ว่าสายของผ้าอนามัยแบบสอดจะไปสัมผัสถูกช่องทวารหนักและเลื่อนไปโดนช่องคลอดซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้
7. หลีกเลี่ยงแผ่นอนามัยขณะใส่จีสตริง (รวมถึงรุ่นที่ถูกออกแบบมาเพื่อกางเกงในจีสตริงด้วย) จะทำให้ปริมาณเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะถ้าคุณไม่หมั่นเปลี่ยนเป็นประจำ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อช่องคลอดและกระเพาะปัสสาวะของคุณ
8. อย่าใช้ผลิตภัณฑ์ดับกลิ่น เนื่องจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะทำลายค่าความเป็นกรดตามธรรมชาติและความสมดุลของเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด ดังนั้นเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ คุณควรเลือกสวมกางเกงในแบบเต็มตัว
9. ผู้ที่เป็นโรคปัสสาวะเล็ดควรหลีกเลี่ยงจีสตริง ผู้หญิงอายุต่ำกว่า 60 ปีทุกๆ 2 ใน 5 คนจะประสบกับปัญหาปัสสาวะเล็ดทั้งจากการออกกำลังกายหรือกลั้นปัสสาวะนานเกินไป ปัสสาวะแม้เพียงหยดเดียวที่ไหลมาตามสายกางเกงในจีสตริงอาจทำให้เกิดการระคายเคืองกับผิวที่บอบบางและผดผื่นจนทำให้คุณต้องกลับมาใส่ผ้าอ้อม ทางที่ดีคุณควรปรึกษาแพทย์หากมีอาการปัสสาวะเล็ดบ่อยครั้ง
10. เมื่อยามคุณไม่สบายไม่ควรใส่จีสตริง ซึ่งหมายความว่าระบบภูมิคุ้มกันของคุณกำลังถูกบุกรุกและเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อต่างๆซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกแย่กว่าเดิม
11. ควรเลือกชุดว่ายน้ำแบบธรรมดา ในกรณีนี้คุณควรสวมกางเกงว่ายน้ำแบบบิกินี่เพราะคุณจะปลอดภัยจากเชื้อโรคที่ผู้หญิงคนอื่นๆเอามาทิ้งไว้
Blogger : Elizabeth Narins
Source : seventeen.com