โฮอิชิ ไร้หู
ในประเทศญี่ปุ่น สมัยคามาคูระเมื่อหลายร้อยปีก่อน มีนักขับลำนำตาบอดนามว่า โฮอิชิ โดยนอกจากจะขับลำนำได้ไพเราะแล้ว ยังเล่นพิณบิวะได้อย่างเชี่ยวชาญ ทุกครั้งที่ขับลำนำเขาจะเล่นบิวะคลอไปด้วย ซึ่งทุกคนที่ได้ฟังการขับลำนำของโฮอิชิต่างก็เคลิบเคลิ้มหลงใหลกันทั้งสิ้น
ลำนำเรื่องที่โฮอิชิขับร้องได้ไพเราะที่สุด คือ ลำนำเรื่อง สงครามแห่งดันโนอูระ อันบอกเล่าถึงการรบระหว่างทัพเรือของตระกูลไทระที่เคยปกครองญี่ปุ่นกับตระกูลมินาโมโตะซึ่งเป็นศัตรู ผลของสงครามทำให้ตระกูลไทระพ่ายแพ้ สมาชิกทั้งหมดของตระกูลล้วนจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถและกลายเป็นโศกนาฏกรรมที่ผู้คนในยุคนั้นต่างรู้กันดี
ด้วยฝีมือในการขับร้องและบรรเลงพิณของโฮอิชิ ทำให้นักบวชเจ้าอาวาสแห่งอารามอะมิทาจิเชิญให้เขามาพำนักที่อาราม และในคืนแรกที่โฮอิชิมาพักที่อารามแห่งนี้ ก็มีซามูไรคนหนึ่งมาเชิญเขาไปยังคฤหาสน์ของเจ้านาย
แม้จะมองไม่เห็น แต่โฮอิชิก็ได้ยินเสียงผู้คนมากมายดังรอบตัว ยามที่เขารู้สึกว่าตนเองได้ย่างเท้าเข้าไปในคฤหาสน์ของเจ้านายของซามูไรผู้นั้น
โฮอิชิได้ยินเสียงห้าวๆแฝงไปด้วยอำนาจของชายผู้หนึ่งที่เขาเดาว่า น่าจะเป็นเจ้านายแห่งคฤหาสน์นี้ ดังขึ้นว่า
“ฟังมาว่า เจ้าเป็นนักขับลำนำผู้มีฝีมือ โดยเฉพาะลำนำเรื่อง สงครามแห่งดันโนอูระ ข้าจึงให้คนเชิญเจ้ามาเพื่อขับลำนำเรื่องนั้นให้ข้าฟัง”
โฮอิชิรู้ดีว่าไม่ควรขัดใจขุนนางผู้มีอำนาจ เขาจึงเริ่มขับลำนำตามคำบัญชาทันที นักดนตรีตาบอดเล่าถึงภาพกองทัพและการเข้าประจัญบานของทั้งสองฝ่าย เขาเล่าถึงความสิ้นหวังยามที่ทัพของไทระกำลังจะพินาศ เหล่าซามูไรถูกปลิดชีพขณะที่สตรีทั้งหลายพากันโดดลงทะเลเพื่อฆ่าตัวตาย เสียงบิวะบรรเลงขับขานในหลายท่วงทำนอง บางครั้งก็บรรเลงเป็นเสียงคลื่นทะเลที่พัดกองเรือเข้าหากัน บางครั้งก็บรรเลงเป็นเสียงลูกธนูหวีดหวิวยามพุ่งปลิวเข้าปลิดชีพนักรบ ตลอดเวลาที่โฮอิชิขับร้องและบรรเลงพิณนั้น เขาได้ยินเสียงร่ำไห้ของสตรี เสียงสบถด้วยความเจ็บแค้นของบุรุษดังเป็นระยะ ดุจดังว่าคนเหล่านั้นหลงคิดว่าตนเองได้อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย
เมื่อการบรรเลงจบลง โฮอิชิได้ยินเสียงถอนหายใจ ตามมาด้วยความเงียบ จากนั้นเสียงปรบมือก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงของขุนนางเจ้าของคฤหาสน์ที่กล่าวว่า
“เจ้าขับลำนำได้ไพเราะสะเทือนใจข้ามาก ราวกับเหตุการณ์นั้นได้เกิดขึ้นตรงหน้าอีกครั้ง ข้าจักให้คนตบรางวัลแก่เจ้าและจากนี้ไป ข้าจะส่งคนไปรับเจ้ามาขับลำนำให้ข้าฟังทุกวัน”
โฮอิชิก้มคำนับและตอบรับ จากนั้นซามูไรก็พาเขากลับมาส่งที่วัด
เหตุการณ์ดำเนินไปเช่นนี้ถึงสามคืนติดต่อกัน ยามนั้นท่านเจ้าอาวาสเกิดสงสัยว่า โฮอิชิหายไปไหนทุกคืน พอถึงคืนที่สี่ ท่านจึงแอบสะกดรอยตามไป และเห็นโฮอิชิเดินถือบิวะเข้าในสุสานร้างที่ใช้ฝังร่างของสมาชิกตระกูลไทระ จากนั้นนักขับลำนำตาบอดก็เริ่มบรรเลงบิวะและขับลำนำเรื่อง สงครามแห่งดันโนอูระ ทว่าสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวคือรอบกายของโฮอิชิมีลูกไฟปีศาจสีเขียวเรืองสลัวมากมายลอยวนเวียนอยู่ไปมา
ท่านเจ้าอาวาสรู้ทันทีว่า ชายหนุ่มกำลังเผชิญกับวิญญาณของบรรดาสมาชิกตระกูลไทระผู้ประสบชะตากรรมน่าสังเวชและหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป สุดท้าย ปีศาจเหล่านั้นจะมาเอาชีวิตของโฮอิชิไปอยู่ด้วย
ครั้นพอรุ่งเช้า ท่านเจ้าอาวาสจึงบอกกับชายตาบอดว่า เขากำลังเผชิญกับสิ่งใด โฮอิชิหวาดกลัวเป็นอันมากเมื่อทราบเรื่องจากท่านนักบวช แต่แรกเขาคิดจะหนี แต่เจ้าอาวาสบอกว่าถึงหนีไป ปีศาจพวกนั้นก็จะตามไปอีก
“ท่านขอรับ ได้โปรดช่วยข้าจากหายนะนี้ด้วยเถิด” เขาขอร้องด้วยหวาดกลัวเมื่อทราบดังนั้น
ท่านเจ้าอาวาสจึงบอกว่าจะช่วยเขา โดยการเขียนยันต์อักษรคันจิลงให้ทั่วร่างของโฮอิชิ ซึ่งยันต์นี้จะทำให้ปีศาจมองไม่เห็นตัวเขา จากนั้นท่านเจ้าอาวาสก็ใช้เวลาเกือบตลอดวันนั้นเขียนยันต์ลงบนร่างชายตาบอด จากนั้นในยามค่ำคืน โฮอิชิก็นั่งรอซามูไรปีศาจด้วยใจระทึก
เสียงฝีเท้าดังมาใกล้ก่อนหยุดลง จากนั้นเสียงห้าวๆก็ดังขึ้น
“เจ้าคนขับลำนำ มันหายไปไหนกัน แล้วนี่เราจะไปบอกกับนายท่านอย่างไร”
ทันใดนั้น อีกเสียงก็เอ่ยขึ้นว่า”ตัวมันไม่อยู่ก็จริง แต่เจ้าดูนั่นสิ หูของมันลอยอยู่ตรงนั้น น่าแปลกนัก”
โฮอิชิถึงกับสั่นสะท้าน เมื่อได้ยินดังนั้น ท่านเจ้าอาวาสพลาดเสียแล้ว ที่ลืมเขียนยันต์บนหูของเขา
“ในเมื่อ ตัวมันไม่อยู่ เหลือเพียงหู เช่นนั้น เราก็นำหูของมันกลับไปให้เจ้านายเถิด เพื่อที่ท่านจะได้เห็นว่าพวกเราทำตามคำสั่งอย่างดีที่สุดแล้ว”เสียงหนึ่งว่า
จากนั้นเอง โฮอิชิก็รู้สึกว่ามีมือกำยำจับหูทั้งสองของเขาและกระชากอย่างแรก เสียงเนื้อฉีกขาดดังชัดเจนในโสตประสาท เลือดอุ่น ๆไหลอาบสองข้างใบหน้า
แม้จะเจ็บปวดเหลือที่จะกล่าว แต่ชายตาบอดก็ไม่ได้ร้องออกมาแม้แต่คำเดียว ด้วยกลัวปีศาจจะได้ยิน จากนั้น เสียงฝีเท้าก็จากไป
เมื่อเจ้าอาวาสออกมาเจอสภาพของนักขับลำ ท่านก็ตกใจเป็นอันมากและกล่าวโทษตนเองในความสะเพร่าจนทำให้โฮอิชิต้องเสียหูทั้งสองข้างไป ท่านสั่งคนให้เอายาที่ดีที่สุดมารักษาแผล จนหาย และแม้ว่าโฮอิชิจะเสียหูทั้งสองไป แต่เขาก็รักษาชีวิตเอาไว้ได้ จากนั้น พวกปีศาจของตระกูลไทระก็ไม่ได้กลับมาหาเขาอีกเลย และโฮอิชิก็ได้รับสมญาจากคนทั่วไปว่า