(ขุดสัมภาษณ์) ครูเจี๊ยบ นนทิยา commentator คนใหม่ของ KPN คือใคร
เจี๊ยบ นนทิยา จิวบางป่า ครูผู้ปั้นดาว
คุณคงจะเคยได้ยินคำเปรียบเปรยที่ว่า คนเป็นครู ก็เหมือนเรือจ้าง
แต่ในอีกนิยามหนึ่ง ครู อาจจะเปรียบได้เสมือนกับ ช่างเจียระไน
ที่ทำหน้าที่ขัดเกลา ตบแต่ง อย่างบรรจงตั้งใจ ด้วยหวังว่าเพชรเม็ดน้อย
ที่อยู่ในมือ จะกลายเป็นเพชรน้ำงาม
เพื่อรอวันที่จะได้ไปประดับอยู่บนยอดมงกุฎแห่งดวงดาว........
ค่ำคืนของวันที่ 1 พฤษภาคม 2553 ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งร้องไห้ เบื้องหน้าของเธอคือ ภาพของหนุ่มน้อยในชุดสูทสีขาว แม้เธอพยายามสะกดสายตาของตัวเองให้หยุดอยู่ตรงมือที่ถือไมค์ของเค้า แต่ก็ไม่อาจทำให้หัวใจเธอหายจากอาการที่ท่วมท้นไปด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ ทั้งหมดนี้เกิดจากบทเพลง เธอผู้ไม่แพ้ ที่หนุ่มน้อยวัย 19 ในสูทสีขาวกำลังร้อง อาจเพราะเพลงนี้เป็นเพลงที่เธอเชื่อมั่นเหลือเกินว่าความหมายของมันบ่งบอกถึงตัวตน และความเป็นคนที่มีหัวใจนักสู้ ของหนุ่มน้อยคนนี้ได้ดีที่สุด
และนั่นคือบางส่วนจากความทรงจำในค่ำคืนวันที่ 1 พฤษภาคม 2553 ของครูเจี๊ยบ
เมื่อเอ่ยถึงชื่อ เจี๊ยบ นนทิยา จิวบางป่า เชื่อว่าหลายคนคงจะคุ้นเคย รู้จักเป็นอย่างดี ในฐานะ นักร้องยอดเยี่ยมสยามกลการปี 2531 โดยเฉพาะคนที่ชอบฟังเพลงคุณภาพ แต่ชื่อนี้ยิ่งได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ในคืนที่ผู้ได้รับตำแหน่งเดอะสตาร์คนที่ 6 ของเมืองไทยเอ่ยถึง ด้วยความขอบคุณ ในฐานะ ครูสอนร้องเพลงของเค้า
และวันนี้ ชั้นจะไปพูดคุยกับครูผู้ปั้นดาวคนนี้... เจี๊ยบ นนทิยา จิวบางป่า
วันที่ 26 มิถุนายน เรานัดพบกันที่บ้านของครูเจี๊ยบ ชั้นไปถึงก่อนเวลานัดเล็กน้อย ตอนนั้นครูเจี๊ยบยังติดภาระกิจสอนนักเรียนอยู่ ขณะที่นั่งรอชั้นมองไปรอบๆ บ้าน พลางคิดว่า สถานที่แห่งนี้นี่เอง ที่เดอะสตาร์ใช้ฝึกวิชา (เหมือนจะเป็นจอมยุทธไงงั้น) ก่อนที่จะก้าวออกไปคว้าชัยชนะจากเวทีการแข่งขัน เดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว ครั้งที่ 6
ครูเจี๊ยบกลับมาเมื่อขอเวลาไปทำธุระส่วนตัวหลังจากสอนเสร็จ สักครู่หลังจากครูเจี๊ยบหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาสีชมพูหวาน บทสนทนาของเราก็เริ่มขึ้นในห้องที่ครูเจี๊ยบใช้สอนร้องเพลง
• คงต้องถามตั้งแต่ต้นเลยทีเดียวค่ะ ครูเจี๊ยบ เป็นสาวเหนือใช่ไหมคะ
จริงๆ เจี๊ยบเกิดที่โคราชนะ คุณพ่อเป็นนักดนตรีเล่นเบส ได้เจอกับคุณแม่ แล้วก็เกิดปิ๊งกัน แต่งงานกัน ก็มีลูกออกมาเป็นเจี๊ยบนี่แหละ ตอนหลังก็มีคนมาชวนคุณพ่อ ไปทำงานที่เชียงราย ไปเป็นผู้จัดการภัตตาคารที่เชียงราย ก็เลยไปโตที่นั่น ที่เชียงรายเจี๊ยบก็เรียนประถมที่โรงเรียนบ้านสันโค้ง (ถึงตรงนี้ครูเจี๊ยบขอแซวตัวเองว่า โรงเรียนบอกถึงภูมิลำเนามากกกก พร้อมส่งเสียงหัวเราะอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวออกมา) จากนั้นก็มาต่อที่โรงเรียนสตรีประจำจังหวัด คือ โรงเรียนดำรงราชสงเคราะห์
• แล้วเรื่องร้องเพลงล่ะคะ ครูเจี๊ยบชอบร้องเพลงตั้งแต่เด็กๆ เลยหรือเปล่า
ตอนที่เรียนหนังสืออยู่ เจี๊ยบก็ชอบที่จะร้องเพลงนะ ชอบมาก ก็เลยจะได้ร้องทั้งดนตรีไทยของโรงเรียน ร้องโฟล์คซองของโรงเรียน ก็ร้องมาตลอด
• ตอนนั้นรู้ตัวได้ยังไงคะว่าชอบร้องเพลง
เรื่องของเรื่องก็คือ ตอนเด็กๆ ชอบพี่ตู่นันทิดา แก้วบัวสาย ชอบมากกกกกกกกก (น้ำเสียงหน้าตา ปลาบปลื้มสุดๆ) คืออยากจะเก่งเหมือนคนๆ นี้ อยากจะไปประกวด แล้วก็ยังชอบอีกหลายๆ คนนะ แหมพูดไปแล้ว จะหาว่าแก่ (หัวเราะเสียงดัง) อย่าง ดาวใจ ไพจิตร งี้ จิตติมา เจือใจ งี้ (หัวเราะดังขึ้น เพราะเห็นสีหน้าคนถามที่ทำหน้าเหวอๆ เมื่อได้ยินชื่อนักร้อง โห ของเค้าเก่าจริงไรจริง 555) ก็ชอบเค้า พยายามร้องเลียนแบบเสียงของเค้า แล้วประกอบกับพ่อของเจี๊ยบเป็นผู้จัดการภัตตาคารใช่มะ ก็เลยจะมีเชิญนักร้องไปร้องเพลงที่ภัตตาคารบ่อย วันหนึ่งพ่อก็เชิญพี่ตู่ นันทิดา มา โอ้!! พระเจ้า (อุทานเสียงแบบเพ้อๆ) ตื่นเต้นมาก ชอบมาก เพราะที่ผ่านมาเราก็พยายามหัดร้องเพลงฝรั่ง หัดร้องเพลงของพี่ตู่ เลียนเสียงพี่ตู่มาตลอด พอมีโอกาสได้เจอตัวจริงก็ไปถามพี่เค้าว่า พี่คะ (ทำเสียงแบบอ้อนสุดๆ) หนูอยากร้องเพลงได้เพราะแบบพี่ อยากทำลูกคอแบบพี่ ทำยังไงคะ พี่ตู่ก็ใจดีมาก บอกลูกกกก (ทำเสียงใจดี) ก็ทำอย่างนี้ซิ อยากทำลูกคอก็ทำ อา อา อา อา อา อา (ทำเสียงสั่นๆ ในลำคอ แล้วก็หัวเราะเสียงดัง) พี่ก็ถามอีกว่า หนูทำไม่ได้ ต้องทำไง พี่ตู่ก็บอกว่า หนูก็นึกถึงตอนนั่งบนรถตุ๊กๆ แล้วมันตกหลุมซิ นั่นแหละ ทำเสียงเหมือนนั่งตุ๊กๆ ตกหลุม น่ะ (คราวนี้เรียกเสียงหัวเราะสนั่นวงสนทนาเลยทีเดียว) ขำมาก
- อย่าบอกนะคะว่า ครูเจี๊ยบเอาเทคนิคนี้มาสอนลูกศิษย์ โดยเฉพาะน้องกัน ต่อ
เปล๊า เปล่า (ปฏิเสธเสียงหลง พร้อมหัวเราะเสียงดัง) ไม่นะ ของเจี๊ยบจะสอนให้ทำลูกคอ โดยให้อ้าปากตะโกนใส่พัดลม อา อา อา อา อา ต่างหาก (หัวเราะกันทั้งวง) ไม่หรอก ล้อเล่น มันต้องมีวิธีสอนซิ
- แล้วตอนเด็กๆ ที่เราร้องเพลง มีคนมาชื่นชมไหมคะว่า เป็นคนที่ร้องเพราะ มี พรสวรรค์
อืมมมมมมมมม ไม่นะเค้าไม่เดินมาชมตรงๆ แต่เป็นเพราะตัวเรามากกว่า คือเราชอบพี่ตู่ พอเห็นเค้าประสบความสำเร็จจากการประกวด เราก็อยากจะประกวดเหมือนเค้า พยายามจะขอคุณพ่อ ไปประกวด แต่คุณพ่อไม่ให้ไป
เครดิตภาพ โดย พี่หน่อย Nu _Nano คนงามค่ะ
• อ้าว!! ทำไมล่ะคะ ในเมื่อคุณพ่อก็เป็นนักดนตรี ก็น่าจะเข้าใจ
ก็เพราะท่านเป็นนักดนตรีไง ท่านถึงได้รู้ว่า งานแบบนี้มันหนัก เป็นงานที่ไม่มีเวลาอยู่กับลูก เชื่อไหม ตอนที่พี่ไปเรียนที่รามคำแหง ไปอยู่วง อาร์ ยู แบรนด์ พ่อก็ไม่รู้นะ พี่ปิดเป็นความลับตลอด เพราะรู้ว่าพ่อจะไม่ยอม คือพ่ออยากให้พี่เรียนให้จบก่อน แล้วจะไปทำอะไรไปทำ ประมาณว่ากลัวลูกจะเรียนไม่จบไง แต่ปรากฏว่า ชีวิตเจี๊ยบตลอดมาก็มีแต่ทำกิจกรรมเรื่องดนตรี เรื่องร้องเพลงตลอด ตอนอยู่โรงเรียนคุณครูก็จะให้เจี๊ยบไปร้องเพลงตลอด เรียกได้ว่ามีงานอะไรก็ต้องเป็นเจี๊ยบที่จะต้องไปอยู่แถวหน้าตลอด จนกระทั่งตอนเอนทรานส์ ก็ไปสอบที่ มอ.ชอ. (มหาวิทยาลัยเชียงใหม่) ก็ไม่ติด ก็เสียใจอยู่พักนึง พอทำใจได้ ก็ฮึดขึ้นมา บอกตัวเองว่าไม่เป็นไร แล้วตัดสินใจมาเรียนต่อที่รามคำแหงเข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ และที่นี่แหละที่ทำให้เจี๊ยบได้เข้ามาอยู่กับ อาร์ ยู แบรนด์
- เข้าไปอยู่ที่ อาร์ ยู แบรนด์ ได้ยังไงคะ
การจะเข้าไปที่อาร์ ยู แบรสด์ได้ ไม่ใช่ง่ายๆ นะ เพราะเค้าจะมีการคัดเลือก ไม่ใช่ว่าคุณอยากจะเข้าก็เข้าได้ คุณต้องไปคัดตัว แล้วคนแข่งมีเป็นร้อย
- ถ้าอย่างนั้นครูเจี๊ยบคิดยังไงละคะถึงได้ตัดสินใจไปสมัคร
เรื่องของเรื่องก็คือเราชอบ คือจริงๆเราก็ตั้งใจไปเรียนหนังสือนั่นแหละ แต่วันที่จะขึ้นไปเรียนที่ตึก มันได้ยินเสียงดนตรี จากที่จะขึ้นตึกไปเรียน ก็เป๋เลย เดินเลี้ยวตามเสียงดนตรีไปเลย (หัวเราะขำตัวเอง) คือได้ยินเสียง ปู้ดๆ ป้าดๆ (หมายถึงเสียงแซกโซโฟน) เราก็จะเฮ้ย! อยู่ตรงไหนวะ แทนที่จะเรียนหนังสือ กลับเดินเลี้ยวขึ้นตึกตามเสียงไปซะงั้น ใครฟังก็คิดว่า เจี๊ยบพูดขำๆ นะ แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ แล้วพอเข้าไปเห็นเนี๊ยะ อู้ยยยย กลัวอ่ะ
- กลัวอะไรคะ
ก็เห็นแต่ละคนเค้าเก่งๆ กันทั้งนั้นเลยอะ ก็คิดว่าเค้าจะรับชั้นเหรอ อ้วนก็อ้วน ดำก็ดำ (ประโยคนี้เรียกเสียงหัวเราะทั้งวงได้อีกครั้ง) ไก่กามาก แต่บังเอิญเจี๊ยบไปรู้จักรุ่นพี่อยู่คนนึง เค้าอยู่ชมรมประวัติศาสตร์ ก็ไปเล่าให้เค้าฟัง ว่าเจี๊ยบจะสมัคร พี่เค้าก็เหรอ จริงเหรอเจี๊ยบ พอถึงเวลา ที่เราไปคัดเลือก เค้าก็ยกพวกไปเชียร์กัน แล้วเราก็ได้ (ยิ้มปลื้ม) พอได้แล้ว ก็ทำตัวเป็นนกหลายหัวมาก ไปเกาะอยู่ชมรมการแสดงบ้างไรบ้าง ไปทั่ว
- แล้วไปประกวดที่เวทีสยามกลการได้ยังไงคะ
ก็ตอนอยู่ที่ อาร์ ยู แบรนด์ ได้ประมาณ 3 ปี ก็มีพี่ในวงไปประกวด เราก็ตั้งใจจะไปประกวดกับเค้า แต่ตอนนั้นมันต้องซื้อใบสมัคร จำได้ว่า ประมาณพันกว่าบาท แต่เราไม่มีตังค์ ขอใครเค้าก็ไม่ให้ ขอยืมใครเค้าก็ไม่ให้ยืม พี่ไม่มีตังค์ ก็ไปแบบขอยืมหน่อยจิ จะไปประกวด (ทำเสียงลูกแมวอ้อน พร้อมทำท่าแบมือขอตังค์ น่ารักมาก) ทำยังไงก็ไม่มีใครให้ยืม (เสียงสลดน่าสงสาร)
สุดท้ายก็เลยได้แต่นั่งมองเพื่อนประกวด ร้องไห้อยู่หน้าทีวี เห็นเพื่อนได้รางวัล ก็คิดว่า ทำไมไม่เป็นเรา หลังจากที่ปีนั้นไม่ได้ประกวด ก็พอดีได้เจอเพื่อนพ่อ คือเค้ามาทำวง ก็เลยมาชวนเราไปร้อง เราก็คิดว่า เอ่อ! ดีเหมือนกัน ได้เงินด้วย จะได้ไม่ต้องกวนพ่อ ก็ไปร้อง ร้องได้สักพักก็เริ่มมีเงินใช้ จากที่ต้องอาศัยอยู่บ้านญาติ ก็มีโอกาสได้ออกมาเช่าห้องอยู่เอง
•เรียกได้ว่า เริ่มดูแลตัวเองได้
ก็ไปแบบอีหลุกขลุกขลัก แต่ตอนนั้นเจี๊ยบทิ้งเรียนไปเลยนะ
• ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่คุณพ่อกลัวมาตลอด
แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ (น้ำเสียงเศร้า)
• แล้วไปประกวดอีกครั้งได้ยังไงคะ
ก็ปีนึงเต็มๆ ที่รอ ก็ฝึกฝนตัวเองไปเรื่อยๆ คือ ที่ผ่านมาเราได้พื้นฐานการร้องเพลงที่ อาร์ ยู แบรนด์อยู่แล้ว นอกเหนือจากนั้นก็ยังได้พื้นฐานจากพี่โรจน์ หรือ รุ่งโรจน์ ดุลยพันธ์ หรือครูโรจน์ ที่ใครๆ รู้จักนี่แหละ (ครูโรจน์เป็นครูสอนร้องเพลงของพี่เบิร์ด และนักร้องดังอีกหลายๆ คน ของแกรมมี่ในปัจจุบัน) ตอนนั้นพี่โรจน์เป็นรุ่นพี่ที่ อาร์ ยู แบรนด์ เจี๊ยบพูดได้เต็มปากเลยนะว่า เจี๊ยบเป็นลูกศิษย์คนแรกที่พี่โรจน์อยากจะสอนมาก พี่โรจน์ไปได้หนังสือ เป็นตำราเล่มนึง ก็มาบอกว่า เจี๊ยบลองทำตามแบบนี้ซิ แล้วก็ยกคีย์บอร์ดมาตัวนึง สอนให้ไล่เสียง (ทำเสียงไล่ตัวโน้ตให้ฟัง ด่า ดา ด่า ด้า เพราะมากกกกกกกกกก) ไล่โน้ตทุกวัน นอกนั้นก็มีออกกำลังกาย วิ่ง ว่ายน้ำ แล้วเจี๊ยบก็มีเพื่อนเป็นพวกนางโชว์ เป็นสาวประเภทสองเยอะ เค้าก็มาช่วยคิดเพลงให้ บอกว่า แกจะต้องร้องเพลงแรงๆ เพลงนั้นเพลงนี้ (หัวเราะ) ก็ช่วยกันเลือก
• มิน่าดูจากเพลงที่ใช้ประกวดจะเป็นเพลงแนวๆ ที่สาวประเภทสองใช้แสดง
ถูกต้อง แล้วเพื่อนก็บอกนะ ว่า อ้วนอย่าได้แคร์ (หัวเราะสนั่นทั้งวง) ไปแบบที่อ้วนๆ นั่นแหละ สุดท้ายก็เข้ารอบแรกไปได้
• จำได้ไหมคะว่าปีนั้นรอบแรกมีคนเข้าแข่งขันกี่คน
อืมมมม คือตอนแรกเค้าจะให้ส่งเทปไปก่อนนะ พอผ่านรอบเทป ก็จะเหลือ 100 คน ก็ต้องไปร้องให้เค้าฟังจริงๆ ทั้งร้อยคน จากนั้นก็คัดเหลือ 20 คน
จาก 20 ก็คัดเหลือ 10 คน ตอนเข้าไปถึงรอบที่เหลือ 20 คนก็ใจโตแล้วนะ จำได้ว่า ตอนที่รู้ว่าได้เข้ารอบ นั่งรถเมล์กลับบ้านนี่ นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว (น้ำเสียงมีความสุขมากเมื่อเล่าถึงตรงนี้) แต่ว่าตอนเข้าถึงรอบ 20 คน ก็ต้องมาคิดเรื่องชุด คือมันต้องใช้ชุด ชุดแรกเจี๊ยบลงทุนรองเท้าบู้ทจากประตูน้ำชิ้นเดียว ที่เหลือ ยืมเค้า ไปร้อง สุดท้ายก็เข้ารอบอีก คราวนี้ พระเจ้า!! แล้วจะทำยังไงต่อไปล่ะ ชั้นจะร้องเพลงอะไรต่อไปเนี๊ยะ (หัวเราะ)
• ตอนนั้นคุณพ่อ รู้หรือยังคะ
จะไปเหลือเหรอ รู้ตั้งแต่มาร้องอาชีพแล้วค่ะ คือไม่ว่าอะไรแล้ว (หัวเราะ)
• อย่างนั้นพอเข้ารอบ 10 คนสุดท้าย ต้องเตรียมตัวยังไงคะ
ก็ต้องมีการลงทุนชุดแล้วล่ะ ตอนนั้นก็ไม่มีเงิน ทำไงดีล่ะ ก็ไปขอกับทางโรงแรมที่เราทำงานร้องเพลงนั่นแหละ ถือโบรชัวร์ที่เราประกวดไปให้เค้าดู บอกว่า หนูไปประกวดอันนี้ค่ะ (ทำเสียงลูกแมวอ้อนอีกครั้ง พร้อมหน้าตาอ้อนสุดชีวิต) แล้วเข้ารอบ ขอเงินตัดชุดซัก 5000 ได้ไหม คือจะให้เค้าเป็นสปอนเซอร์ น่าสมเพชเวทนามาก แต่ก็ไม่ได้ ไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร (ทำเสียงแบบตัดใจ) สุดท้ายก็เลยตัดสินใจว่า เดือนนั้นไม่ส่งเงินให้กับที่บ้าน ก็เอาเงินนั่นแหละไปตัดชุดสองชุด ในราคา 2000 บาท ก็ไปเจอเพื่อน ไปเดินซื้อผ้าด้วยกัน เพื่อนเป็นสาวประเภทสองก็มาช่วยออกแบบ บอกว่า เพลงทองเนี๊ยะนะ หล่อนต้องใส่ชุดสีทอง (จีบปากจีบคอเล่าทำเสียงแบบสาวประเภทสอง) ส่วน Big spender เนี๊ยะนะ ต้องแรงสุด ต้องเป็นแม่สี แม่สีก็ต้องแดงไปเล้ยยยยยยย (หัวเราะ) ก็เมาท์กันอยู่สองคนในตลาด แต่พอมาถึงแบบ ก็นึกไม่ออก เพื่อนก็พาไปหาพี่ไฝที่สยาม ไปขอให้พี่เค้าช่วย พี่ไฝใจดีมาก ร่างสดๆ ให้เลย กะผ้าให้เสร็จ แล้วก็ไปต่อรองกับคนตัดให้ด้วยว่า เอาถูกๆ นะ เด็กมันไม่มีตังค์ ก็ไปตัดที่ร้านอรุณี ถือแบบไป ผ้าไป เค้าก็คิดราคา สองพันห้า แต่งบมีอยู่ สองพัน (หัวเราะ) ก็ต่อรองจนเค้ายอม แต่ชุดที่สองต้องไปปักเอง คือ เค้าจะร่างแบบไว้ให้ เอามุกเอาเลื่อมอะไรให้ แต่เราต้องไปปักเอง ประหยัดไง ก็มานั่งปักกับเพื่อนกันอยู่สองคน ได้เป็นชุดนี้ออกมา (ชี้ไปที่ภาพชุดสีแดง ที่ใส่ในวันที่ชนะการประกวด แววตาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ) แล้วอย่างนี้ลองคิดดูซิ ว่าเราจะชนะได้ไหม รองเท้าก็ประตูน้ำ ทุกวันนี้รองเท้าก็ยังอยู่ไม่กล้าทิ้ง คู่ร้อยกว่าบาท (หัวเราะ)
• จำได้ไหมคะ ว่าปีนั้นต้องแข่งกับใครบ้าง
อืมมม เป็นนักร้องอาชีพทั้งหมดเลยนะ เพราะปีนั้นเป็นปีแรกที่ไม่จำกัดอายุ
• ได้ดูภาพการประกวด ดูตอนที่ครูเจี๊ยบร้อง Big spender ดูมีความมั่นใจมาก
มั่นใจเพราะคิดว่าตัวเองจะไม่ได้ไง คือ ตอนนั้นมีคนมาบอกว่า อย่าไปประกวดเล้ยยย ยังไงก็ไม่ได้ เค้ามีคนที่ชนะเตรียมไว้แล้ว
• ประมาณว่ามีการล็อคแชมป์ไว้ล่วงหน้า
(พยักหน้า) ประมาณนั้น แต่เราก็คิดว่ายังไงก็จะไป จะไปร้อง และจะร้องให้มีความสุขด้วย จะได้หรือไม่ได้ไม่เป็นไร
• เวทีนี้เป็นเวทีแรกในชีวิตด้วยใช่ไหมคะ
ใช่ เวทีแรก เวทีเดียว และดันทะลึ่งชนะด้วย (หัวเราะ) คือที่ชนะ เจี๊ยบคิดว่า ตอนนั้นมันไม่สนไง ว่าจะเป็นยังไง คือเราไม่กลัวว่าจะแพ้หรือชนะ แต่เราอยากจะไปร้อง แล้วก็อยากจะร้องให้มีความสุขด้วย เหมือนตอนที่ลูก คือเจ้ากัน (หมายถึงน้องกันเดอะสตาร์ 6) ประกวดก็เหมือนกันนี่แหละ วันที่ลูกอยู่ในบ้าน เห็นลูกเครียดมาก ก็จะฝากไปบอกเค้าว่า ลูกขา ร้องเพลงให้มีความสุขนะลูก จะแพ้ชนะลูกอย่าไปสนใจเอาคำนี้ไปบอกลูก ขอให้ลูกร้องอย่างมีความสุข ถ้าลูกมีความสุข เราทำสิ่งที่เรารักและมีความสุข มันจะออกที่สีหน้า แววตา แล้วรับรองว่าจะไม่มีใครทำอะไรลูกได้ อย่างน้อยลูกชนะตัวเอง ร้องให้มีความสุขนะลูก จบ
คือเจี๊ยบเชื่อว่าถ้าเรามีความสุข แล้วเราส่งให้คนดู มันหยุดไม่ได้ ไม่มีใครหยุดเราได้หรอก สำหรับเจี๊ยบตอนนั้นมันรู้ได้ เพราะเราคิดว่ายังไงก็ไม่ชนะ ก็เลยตั้งใจว่าจะทำให้เต็มที่ ทำให้กลายเป็นว่าเราร้องอย่างมีความสุข
• แล้วอย่างนี้พอประกาศว่าผู้ชนะคือ นนทิยา จิวบางป่า
บ๊ะ จ๊ะ บะ หู้ (คำอุทานของครูเจี๊ยบ) มันบรรยายไม่ถูก เราชนะเหรอเนี๊ยะ
• ความรู้สึกของครูเจี๊ยบวันนั้นน่าจะคล้ายๆ ตอนน้องกันชนะ นะคะ
(พยักหน้า) แต่เสียดายมาก วันที่ลูก (หมายถึงน้องกัน) ประกวดรอบสุดท้ายไปไม่ได้ ได้มีโอกาสไปแค่คืนวันเสาร์ ตอนหัวค่ำไปเชียร์ลูกที่มูนสตาร์ ก็ไปนั่งร้องไห้อยู่ข้างเวที
• ตอนนั้นทำไมถึงร้องไห้ล่ะคะ
มันตื้นตันใจอ่ะ นึกถึงเด็กคนนึงที่หัวเกรี๋ยนๆ (หัวเราะน้ำเสียงเอ็นดูคนที่ถูกพูดถึง) เด็กนักเรียน รด.น่าสงสาร ลูกเดินเข้ามาที่บ้านครู แดดเผา ลูกไป รด. มา ไปฝึก รด. มาตัวดำ (เน้นเสียงคำว่าดำมากกกกกกกกกกกก) แล้วดูวันนี้ซิ (ชี้ไปที่รูปน้องกัน ที่ติดอยู่ในห้อง) ทำไมถึงดูดีได้ขนาดนี้ ตายแล้ว นึกถึงตอนที่เค้าลำบาก เค้ามาเรียนกับเรา เค้าอยู่สวนกุหลาบ เค้านั่งรถเมล์มา (บ้านครูเจี๊ยบอยู่คนละมุมโลกกะวัดเลียบเลยคะ) มาหาครู เรียนเสร็จบางทีฝนตก บอกให้รอก่อน บอกไม่ได้ครับ เดี๋ยวรถหมด เดี่ยวกลับวัดไม่ทัน เราก็บอกเดี๋ยวๆ ไปส่ง รอครูก่อน บางทีก็ให้คุณตาออกไปส่ง (บ้านครูเจี๊ยบอยู่ในหมู่บ้าน จากจุดที่รถเมล์จอด เข้าไป ถึงบ้านครูเจี๊ยบ ไกลมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก) ก็บอกเดี๋ยวลูกไม่สบาย ก็ไปส่ง (ถึงตอนนี้ คนที่นั่งฟังอยู่ด้วย บางคนเริ่มแอบร้องไห้) คือ เค้าเป็นคนแบบนี้ น้องกัน เค้าเป็นคนเงียบๆ ยิ้มๆ ยิ้มอย่างเดียว ตามประสา เค้าเรียนกับครู เวลาครูแหย่ก็จะมีเผลอหัวเราะ ก๊ากกกๆๆๆ ออกมาบ้าง แต่พอรู้ตัวก็จะเป็นแบบเค้าเหมือนเดิม
• ก่อนที่จะร้องไห้กันไปมากกว่านี้ (หัวเราะกันทั้งวง ทั้งน้ำตา) ขอกลับไปที่เหตุการณ์หลังจากที่ชนะการประกวดค่ะ ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง
โห ทุกสิ่งทุกอย่าง ตู้มๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (ทำท่าเหมือนกับมีสิ่งของมากมายเข้าพุ่งชนตัวเอง) มีคนมารัก ได้มีประสบการณ์มากมาย อะไรที่ไม่เคยได้ทำก็ได้ทำ แล้วเจอคนเยอะมาก แล้วคนชอบถามว่าจำได้ไหม ตอนแรกเราก็จะเล่นมุขจำได้ จำได้ แต่พอเค้าถามว่า เจอกันที่ไหน เราก็แป๊ก
ตอนหลังเราก็เลย ไม่เอาละ จำไม่ได้ก็จะขอโทษ ยกมือไหว้ อย่าโกรธหนูนะ หนูจำไม่ได้ บางครั้งเอาแค่ว่า จะเข้าห้องน้ำ ปวดท้องมาก เข้าไป เจอคนมาทักว้ายยยยยยยยยยยยย คุณเจี๊ยบ (ทำเสียงแจ๋ๆ ประกอบการเล่า) ชวนคุย เราก็อู้ยยยยยยยยย มันปวดท้องอ่ะ แต่ก็เกรงใจ ทนเอา ค่ะ ค่ะ (เล่าพร้อมทำท่าทางประกอบแบบอดทนอดกลั้นสุดฤทธิ์ เรียกเสียงหัวเราะรอบวงได้อีกครั้ง) แต่ตอนหลังก็เริ่มเรียนรู้มากขึ้น ถ้าเจอแบบนี้ก็จะแบบ ค่ะ แต่เดี๋ยวนะค่ะ แป้ปปปปปปปป นึง เดี๋ยวออกมาคุยกันใหม่ (ทำหน้าจริงจังประกอบ น่ารักมาก)
• ฟังดูเหมือนกับเหตุการณ์ที่น้องกันเจออยู่ตอนนี้เลยนะคะ
เจี๊ยบอยากจะบอกว่า (เงียบไปครู่หนึ่งเหมือนใช้ความคิด) อืมมมม การเข้าไปเป็นคนดังแบบข้ามวันเนี๊ยะ เจี๊ยบสอนลูก (น้องกัน) ไปเยอะนะ เชื่อไหม เจี๊ยบสอนลูกให้หัดเซ็นชื่อว่า กัน เดอะสตาร์มาเป็นปี ก่อนหน้าที่จะไปประกวด น้องกันก็จะแบบแนวเค้าแหละ เอ่อ! ครูครับ เดอะสตาร์เลยเหรอครับ (ทำหน้าแบบเจียมเนื้อเจียมตัวแบบน้องกัน) เอ้า! ก็ลูกอยากเป็นเดอะสตาร์ไม่ใช่เหรอ ลูกจะไปประกวดไม่ใช่เหรอ ถ้าลูกจะเป็นเซ็นไปลูก กัน เดอะสตาร์
พอเค้าเซ็นมาก็ ไม่สวยๆ ทำไมไม่เขียนภาษาอังกฤษล่ะ พอเขียนมาตัวเล็ก ก็เขียนใหญ่ๆ ซิลูก เขียนเล็กๆ เมื่อไหร่มันจะดังล่ะลูก สอนให้เค้าเขียน ให้เค้ารู้ว่า เค้าอยากจะเป็นอะไร เค้าต้องเชื่อก่อน แล้วก็สอนเค้า บอกเค้าให้รู้ว่า การจะเป็นคนดังในชั่วข้ามคืน มันต้องแลกนะลูก ว่าชีวิตความเป็นส่วนตัวลูกมันจะหาย พยายามจะบอกเค้าหลายๆ อย่าง ตั้งแต่หัวจรดเท้า ให้เค้าระมัดระวัง แต่ด้วยวัยอะนะ น้องกันชนะตอนอายุ เ19 แต่ครูชนะตอนอายุ 21 ครูอายุมากกว่า เพราะฉะนั้นต้องให้เวลาเค้า
ก็อยากจะฝากบอกคนที่รักเค้าว่า เค้าเหนื่อยมากนะ เค้าน่าสงสาร ก็อยากจะให้เห็นใจเค้าหน่อย ถ้าเรานึกถึงสิ่งๆ หนึ่ง เหมือนเรามองเด็กคนนี้นะ เราโหวตเค้ามาจนเค้าชนะ เหมือนเราช่วยประคองเค้ามาตลอด เพราะฉะนั้นถ้าเค้าจะล้มจะพลาด ก็ต้องช่วยกัน มันไม่เหมือนกับเจี๊ยบ เพราะเจี๊ยบไม่มีการโหวต มาจากกรรมการ มาจากจังหวะชีวิต แต่ของลูก ทุกๆคนเลี้ยงเค้ามา ช่วยกันเลี้ยงเค้าจนเค้าโต แต่ก่อนที่เค้าจะโตก็ต้องให้เวลาเค้าบ้าง
• ไม่ควรไปคาดหวังใช่ไหมคะ
คาดหวังได้นะ แต่ถ้าไม่ได้เป็นอย่างหวัง ก็อย่าลงโทษ คนๆ เดียวจะสามารถเป็นทุกอย่างตามใจคนเป็นหมื่นเป็นแสนคน เป็นไปไม่ได้ (ถึงตรงนี้ครูเจี๊ยบพูดแบบซีเรียสมาก) มันต้องมี part นึงที่เค้าไม่ไหวแล้ว เป็นช่วงเวลาที่เค้าไม่สามารถพยุงความรู้สึกของใครไว้ได้ แม้แต่ของตัวเอง ถึงเวลานั้นก็ต้องเข้าใจเค้านะ
ขอบคุณเจ้าของภาพด้วยนะคะ
• ครูเจี๊ยบเคยเจอประสบการณ์แบบนี้ไหมคะ
ของเจี๊ยบไม่เป็นขนาดนี้นะ ของเจี๊ยบไปเรื่อยๆ ไม่หวือหวา มีเวลาให้เราปรับตัว ไปของเราไปเรื่อยๆ อืมม จะมีช่วงนึงที่เป็นมากๆ ที่คิดว่าน่าจะคล้ายกัน คือ การเป็นแชมป์ ขึ้นชื่อว่าแชมป์ ไปเวทีไหนก็ต้องมีคนคาดหวัง ใช่มะ คาดหวังว่าเราจะต้องร้องได้เพราะ ได้ดี แสดงออกได้น่าประทับใจ เหมือนเราพลาดไม่ได้ อันนี้ความรู้สึกน่าจะมีคล้ายๆ กัน เชื่อไหมเจี๊ยบเคยร้องเพลงแบบทั้งวัน ทั้งคืน ขับรถไปร้องเพลงเอง ทำอย่างนี้อยู่พักนึง จนกระทั่งเสียงมันพัง มีช่วงนึงที่เจี๊ยบซัพเฟอร์มากก็คือ เสียงพัง (พูดเล่าด้วยการทำเสียงแหบๆ แบบไม่มีเสียงให้ดูเป็นตัวอย่าง) ไปหาคุณหมอ คุณหมอคะ เสียงหนูเป็นอะไร หมอบอกว่า มีตุ่มขึ้นที่เส้นเสียง คุณหมอสั่งให้ (ทำท่าแบบรูดซิปที่ปาก) ห้ามใช้เสียง หมอยื่นกระดาษปากกาให้เลย ห้ามพูด 1 เดือนเต็มๆ ให้เขียน และถ้าโชคดี หมอให้ยาแล้วตุ่มนี่ยุบ ก็ไม่ต้องผ่า แต่ถ้าโชคร้ายก็ต้องผ่า ซึ่งหมายความว่า เจี๊ยบจะกลับมาใช้เสียงอย่างเดิมไม่ได้แน่นอน ตอนนั้นนั่งน้ำตาไหล ร้องไห้ 1 เดือนหลังจากนั้น โอ้! พระเจ้า (ทำท่ายกมือไหว้ขอบคุณ ไปบนฟ้า) ตุ่มมันยุบ ไม่ต้องผ่า หลังจากนั้นก็ไปเรียนเพิ่มเรื่องการใช้เสียง คือหลังจากประกวดเจี๊ยบเรียนกับอาจารย์หลายท่านมาก ทางสยามกลการน่ารักมาก ให้โอกาสในการเรียนรู้ทุกอย่าง เรียนภาษาอังกฤษ เรียนเต้น เรียนการร้อง คุณแม่หญิง พรทิพย์ ณรงค์เดช ท่านน่ารักเหลือเกิน รักในการดนตรี และลูกทุกคนที่ประกวดเข้ามา คุณแม่หญิงจะรู้สึกว่าทุกคนเป็นเพชร ที่ท่านเจอ ท่านจะเจียรไนอย่างดี ชุดทุกชุด เครื่องสำอาง รองเท้า เครื่องแต่งตัว ท่านจะเตรียมไว้ให้อย่างดี ตั้งแต่หัวจรดเท้า แม่หญิงดูแลทุกอย่าง การเรียนรู้ทำให้เจี๊ยบความรู้และได้พัฒนาตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ
• ออกอัลบั้มแรกคืออัลบั้มอะไรคะ
จริงๆ แล้วเจี๊ยบจะมีโอกาสออกอัลบั้มกับหลายที่มาก แต่อาจจะเพราะชะตาชีวิตอาจจะลิขิตไว้ว่า สูงสุดของเจี๊ยบคือการได้เป็นแชมป์ ทำให้ต้องมีปัญหา หลายอย่าง ทำให้เจี๊ยบพลาดโอกาส จนกระทั่งหมดสัญญา ตอนหลังตั๊ก ลีลาก็ชวนไปหาพี่แจ้ ก็ได้ออกอัลบั้ม กับเบ๊กกี้ (ริสา หงส์หิรัญ) กับ พี่วินิจ (ดีเจวินิต เลิศรัตนชัย) คือ อัลบั้มลีลา 4 เคยออกอัลบั้มเดี่ยวนะ ใครถามว่า เจี๊ยบมีเพลงของตัวเองไหม มีค่ะ แต่มันไม่ดัง ไม่ประสบความสำเร็จ พอจบจากอัลบั้ม ดอกไม้หวาน สายธารควร หวลลมรัก ก็เจอกับพ่อของลูกและแต่งงานกัน
• ตอนนั้นอายุเท่าไหร่คะ
30 นะ แต่งงานก็ท้องเลย แจกการ์ดท้องเลย นักข่าวถามทำไมถึงแต่ง ก็ตอบ อ๋อ หนูท้องค่ะ (หัวเราะกันลั่น)
• โห นี่เองผู้นำแทรนด์
อ๊ะ ไม่ได้ นี่เลย นนทิยาเลย (หัวเราะ) แต่งงานตอนที่ตั้งท้อง ลูกใกล้คลอด ก็มีข่าวดีว่า ได้ออกอัลบั้มอีกชุดนึง เพราะอัลบั้มชุดดอกไม้หวาน สายธารควร หวลลมรัก ได้รางวัลพระพิฆเนศ ก็เลยได้ออกอัลบั้มอีกอัลบั้ม เรียกว่าลูกให้โชค ตอนเข้าไป รับพระราชทานรางวัล ก็เป็นปีเดียวกับที่พี่เบิร์ดได้ด้วย พี่เบิร์ดก็จะประคอง เมียผมครับ เมียผมครับ (ทำเสียงนุ่มๆ แบบพี่เบิร์ด) เดินดีๆ นะจ๊ะเมียจ๋า ตลอด (หัวเราะ) หลังจากนั้นก็มาทำอีกอัลบั้ม คลอดเสร็จก็โปรโมทอัลบั้ม จบแค่นี้ (หัวเราะเสียงดัง)
• แล้วมาเป็นครูสอนร้องเพลงได้อย่างไรคะ
ก็ตอนที่เจี๊ยบป่วย ก็เลยมีความรู้สึกว่า เราจะทำยังไง ให้ร้องเพลงให้ถูกวิธี ร้องยังไง ไม่ทำให้เสียงมีปัญหา ก็ไปเรียนรู้กับครูโรจน์อีกครั้ง แล้วพอมาถึงจุดที่จะเป็นครูก็เลยคิดว่า น่าจะมีคนเจอปัญหาเหมือนเรา ที่อยากจะร้องเพลงให้ถูกวิธี ไม่ใช่มีเท่าไหร่ ก็ใส่ไปให้หมด แล้วสุดท้ายก็ไม่ไหว อย่างลูก (พูดถึงน้องกัน) ตอนนี้กำลังเป็นอย่างนี้เลย คือทำงานหนักมาก ไม่ได้หลับได้นอน ใช่เสียงตลอด สงสารมาก (สีหน้าและน้ำเสียงสลดลงอย่างเห็นได้ชัด) เป็นห่วงมาก เอาล่ะ กลับมาเรื่องที่ว่าเจี๊ยบมาสอนได้ยังไงต่อ ก็เมื่อก่อนจะอยู่บ้านทาวเฮาส์ มี 3 ชั้น ก็สอนบนห้องนอน นี่แหละ เพราะไม่มีที่ (หัวเราะ) ก็สอนกันมา พอลูกได้ประมาณขวบครึ่ง ก็เริ่มกลัวว่าลูกจะตกบันได ก็ไปจองบ้าน ที่รัตนาธิเบศร์ พอจองไปแล้วก็เกิดปัญหาน้ำท่วมแล้วมีข่าวว่ามีจระเข้หลุดออกมา เราก็ไปถามทางโครงการฯ เค้าก็บอกว่า ท่วมนิดหน่อย ระบายได้ เราก็ถามว่า ได้ข่าวมีจระเข้หลุด เค้าก็ โอ้ยยย ไม่เป็นไรครับ แค่ลูกๆ มัน อ้าว! แล้วลูกจระเข้กินหญ้าหรือไง (หัวเราะกันทั้งวง) อยู่ๆ วันดีคืนดี มันไม่มางาบลูกชั้นเหรอ ก็เลยย้ายมาอยู่ที่นี่ (หมายถึงบ้านหลังปัจจุบัน) ก็มาปรับบ้านใหม่ ต่อห้องเป็นห้องเรียน ก็สอนตั้งแต่นั้นมา ตอนสอนใหม่ๆ ก็ไปหาพี่โรจน์
• ฟังดูแล้ว ครูโรจน์อยู่ในทุกช่วงชีวิตของครูเจี๊ยบเลยนะคะ
เค้าเป็นคนที่ให้ชีวิตกับพี่เลยนะ วันที่พี่ชนะหน้าแกแบบมีความสุขมาก แล้วจะบอกใครต่อใครเสมอว่า นี่ลูกศิษย์ผมนะ ไปร้องเพลงด้วยกัน ครูโรจน์ก็จะเล่นแบ๊คอัพให้ ไม่ยอมมายืนข้างหน้ากับลูกศิษย์ เจี๊ยบก็จะบอกว่า นี่ครูของเจี๊ยบนะ เจี๊ยบมายืนตรงนี้ได้ก็เพราะครูโรจน์ พูดจนพี่โรจน์เขิน บอกไม่ต้องพูดแล้วนะ พอเจี๊ยบจะเป็นครู ครูโรจน์ก็ให้วิชาความรู้มาสอนอีก การที่เราได้มีครูที่ดีอย่างนี้ ทำให้เราปฏิญาณตนไว้ว่า วันหนึ่งถ้าเราเป็นครูก็จะเป็นแบบครูโรจน์นี่แหละ มีเงิน ไม่มีเงิน ก็จะสอน พูดตรงๆ ว่าถ้าเจี๊ยบไปร้องเพลง เจี๊ยบได้เงินมากกว่า มานั่งสอน แต่เจี๊ยบก็อยากสอน เลือกที่จะสอน เพราะเราเคยมีครูดี เราก็เลยอยากจะเป็นครูที่ดี ทุกวันนี้สอนลูกศิษย์ก็จะคอยเป็นห่วงว่า ใครมาเรียนกินข้าวหรือยัง ถ้ายัง ก็กินก่อน เข้าครัวไปเลย อย่ากินให้อิ่มมากนะ เดี๋ยวมาเรียนจะเรอใส่ครู เค้าก็หัวเราะ เป็นครู ต้องเป็นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน อย่างครูโรจน์ตอนเจี๊ยบชนะได้เงิน ได้รถ ก็ไม่ได้ให้ครูเลยนะ เพราะเจี๊ยบเอาไปขาย ใช้หนี้ให้พ่อหมด เพราะตอนนั้นมีปัญหาบ้านจะโดนยึด ครูก็ไม่เคยว่าอะไร ครูมีแต่ให้จริงๆ
• ชีวิตการเป็นครูสอนร้องเพลงเป็นยังไงบ้างคะ
ก็สอนตั้งแต่เด็กตัวเล็กๆ ไปจนถึง ร้องอาชีพ พอมีปัญหาก็เข้าไปหาครู ไปขอคำปรึกษา ครูก็สอนเรามาอีกที เหมือนเราได้เรียนรู้จากลูกๆ อีกทีเหมือนกัน (ครูเจี๊ยบจะเรียนลูกศิษย์ทุกคนว่าลูก)
• จนถึงวันนี้สอนมากี่ปีแล้วค่ะ
โห (อึ้งไปพักใหญ่) อืมมมมมมมมมม ประมาณ สิบสองปีได้แล้วนะ
• พอจะจำได้ไหมคะว่ามีลูกศิษย์ผ่านมือกี่คน
โห (คราวนี้ร้องดังกว่าเดิม) จำไม่ได้นะ เยอะมาก คือเราจำไม่ได้ แต่จะมีลูกศิษย์มาทักตลอด บอกตรงๆ ตอนแรกๆ ก็ต้องลองผิดลองถูกมากเลยนะ แรกๆ เหมือนจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่หลังๆ เราก็เรียนรู้ไปเรื่อยๆ จนถึงเดี๋ยวนี้ ถ้าร้องเพลงให้เจี๊ยบฟังท่อนนึง เจี๊ยบก็รู้แล้วว่า จะต้องแก้ไขตรงไหนให้กับลูก แล้วเจี๊ยบสอนหมดนะ ไม่ใช่สอนแค่ร้องเพลง เรื่องของการประสบความสำเร็จก็เหมือนกัน จะบอกเสมอว่า ลูกจะโด่งดัง จะประสบความสำเร็จแค่ไหน เท้าลูกก็ต้องติดดินนะลูก ต้องจำให้ได้ว่าลูกมายังไง ลูกเริ่มยังไง อย่าหลงระเริง เพราะถ้าตกลงมา มันไม่มีเบาะรองให้นะ มันเจ็บ เพราะฉะนั้นยืนให้มั่นไว้ดีกว่า
• ตอนที่น้องกันเริ่มมาเรียนกับครู น้องอายุเท่าไหร่คะ
ประมาณ 17 ได้นะ
ขอบคุณเจ้าของภาพด้วยนะคะ
ขอรีวิวบทความที่ "คุณต้น แม่ปันดี" ได้ไปสัมภาษณ์ ครูเจี๊ยบ นนทิยา จิวบางป่า ซึ่งเป็นครูคนแรก อีกครั้งนะคะ เผื่อยังมีคนไม่ได้อ่านหรือ มีคนคิดถึงบทความนี้