เมื่อผมจะต้องบอกข่าวการตายของพ่อให้แม่รับรู้ !
จวนจะครบ 4 ปีของการ "ไม่มีพ่อ" ของผม...พอใกล้ช่วงนี้ทีไร มันทำให้เรื่องที่นอนนิ่งในใจล่องลอยขึ้นมาให้ห้วงคำนึง...มันเหมือนเหตุการณ์อันยากลำบากที่สุดในชีวิตผมพึ่งผ่านไปอุ่นๆ ยังไงยังงั้น...เรื่องส่วนตัวครับ...แต่พอจะมีเวลาอ่านสิ่งที่ผมเล่าไหมครับ..
มันทรมานจนเกินจะอธิบาย เพราะผมเองก็บอกตัวเองไม่ถูกว่าความรู้สึกนั้นเป็นอย่างไร ถ้าคุณเคยนั่งเฝ้าดูการจากไปของคนที่รัก นั่นแหละ อารมณ์นั้นแหละ! ผมเขียนเรื่องส่วนนี้เพียงเพราะ ผมคิดถึงพ่อเหลือเกิน!
หลังกินข้าวด้วยกันเสร็จ พ่อ ก็ขับรถออกไป มันแปลกๆ ตั้งแต่เช้าแล้ว พ่อโทรมาซ้ำๆ ว่าจะมากินข้าวกับผมให้ได้ เตรียมกับข้าวใส่ห่อไว้แล้ว พอเย็นๆ พ่อก็โผล่มา เรานั่งกินข้าวด้วยกันเงียบๆ ไม่ค่อยพูดคุยเหมือนเดิม...แต่กลับรู้สึกมีความสุขลึกๆ เพราะผมจำไม่ได้แล้วว่านั่งกินข้าวกับพ่อล่าสุดเมื่อไหร่
ไม่นานเกินชั่วโมง แม่โทรมาว่าพ่อเกิดอุบัติเหตุ!! ผมบึ่งรถออกไปทันที พอกำลังกลับรถเพื่อเข้าซอยในหมู่บ้าน แต่รถมอเตอร์ไซด์พ่อเกี่ยวข้างกระบะ แล้วร่างพ่อก็ถูกอะไรไม่รู้กระแทกอย่างรุนแรง...พ่อถูกกู้ภัยส่งตัวไปโรงพยาบาลประจำอำเภอ..ผมตามไปทันได้เห็ยพยาบาลกับน้าๆ ที่ไปถึงก่อนช่วยกันยกร่างพ่อที่มีเลือดออกที่หูกับจมูกลงเตียง หลังจาก X-Ray เสร็จ แล้วเราก็นั่งรอ..รอ..อยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ไม่นานหมอก็เรียกคุยว่า "หนัก" ต้อง Transfer ไปยังโรงพยาบาลประจำจังหวัด ผมขับตามรถพยาบาลไปด้วยจิตใจสับสน งง บื้อๆ พลางพยายามเรียกสติ และคาดการณ์ไปสารพัด!
ผมมองลอดช่องประตูห้องฉุกเฉินที่ถูกแง้มเอาไว้ก็รู้ว่าอาการพ่อคงหนักหนา...แต่ไม่ได้คาดคิดว่าเลยเถิดไปเพียงไหน...
ในห้องฉุกเฉินที่พ่อนอนแน่นิ่ง มีเลือดซึมตามแผลไปทั่ว พ่อไม่มีอาการตอบสนองใดๆ เสียงเครื่องไม้เครื่องมือในห้องฉุกเฉินดังเข้าหูจนทุกวันนี้ยังแว่วในหู ผมเกลียดเสียงนั้นจับใจ! พ่ออยู่ในห้องฉุกเฉินราว 2 ชั่วโมง หมอเรียกคุยครั้งแรก บอกว่าพ่ออาการหนัก...ต้องทำใจ! ผ่านไป 1 ชั่วโมง หมอเรียกคุย บอกพ่อหยุดหายใจไป 2 ครั้งแล้ว ต้องปั๊มหัวใจช่วย..เดี๋ยวสักพักก็จะหยุดหายใจ เพราะสมองพ่อมีเลือดออก ซี่โครงหักทิ่มปอดหลายซี่ เลือดออกไปแล้ว 2 ลิตร!! ผมเข่าอ่อน อยากจะทรุดลงตรงหน้าหมอ..แต่ยังคงพอสติ
คำถามต่อมาของหมอคือ ถ้าพ่อหยุดหายใจอีก จะให้ปั๊มหัวใจไหม เพราะไม่รู้จะช่วยอะไรแกได้ไหม!! อาการแกหนักมาก!
ผมออกมาปล่อยโฮ ที่ห้องน้ำโรงพยาบาล..บ้าไปแล้ว ไม่ได้เตรียมตัวมาฟังเรื่องบ้าๆ แบบนี้เลย แต่มันกลับโหมเข้าเร็วเกินไป...ผมโทรถามความเห็นน้อง ขณะที่มันกำลังขับรถตามมาสมทบจาก กทม. สุดท้ายผมก็คิดว่า ถ้าพ่อจะไปผมก็ขอให้พ่อไปด้วยการตัดสินใจจากลูกดีกว่าให้หมอมาบอกว่าแกไปแล้วเฉยๆ!!! (ขออนุญาติน้ำตาซึม) หลังเซ็นต์เอกสาร "ยินยอมให้พ่อไป" แล้ว เขาก็ย้ายพ่อไปยังเตียงรวมหน้าห้องพยาบาล ตึกอุบัติเหตุ ผมนั่งกำมือพ่อพลางลูบหัวเบาๆ เหมือนไม่รู้จะทำอะไรดี เวลาผ่านไปนานมาก พอยังคงหายใจเบาๆ ผ่านเครื่องช่วยหายใจ ผมกระซิบบอกพ่อว่า ผมเองแหละที่ตัดสินใจไม่ให้ใครมากดหน้าอกพ่ออีก แล้วบอกพ่อว่าไปเหอะพ่อ แล้วผมก็เริ่มสวดมนต์ด้วยความสับสน วกวนไปมาข้างหูพ่อ จนตี 3 กว่า พ่อก็ไปจริงๆ...
ผมรวบรวมสติสตังที่เหลือกลับมาอาบน้ำที่บ้านหลัง ส่งพ่อไปห้องดับจิต ร้องให้คนเดียวให้หนำใจ จากนั้นก็วางแผนที่จะบอกแม่..เพราะแม่โทรเข้ามาตลอด ในขณะที่พ่อไปแล้ว ผมก็บอกแม่ว่า อาการพ่อหนัก เสร็จแล้วก็เพิ่มดีกรีความแรงให้แม่ว่า คงทำใจ แต่ยังไม่บอกความจริง แล้วขับรถไปบ้านแม่ในตอนเช้าตรู่พร้อมน้องชาย โดยยังไม่บอกข่าวการจากไปของพ่อให้ใครรู้ (ก่อนแม่) เราแวะร้านสะดวกซื้อ เพื่อซื้อยาดม ยาหม่อง ยาหอม เพื่อเตรียมการบอกข่าวแม่ พร้อมกำชับน้องว่าห้ามร้องให้ก่อนการบอกข่าว...มันทรมานมากๆ กับการต้องบอกข่าวนี้กับแม่...
แม้จะโปรยข่าวให้แม่มีพลังบ้าง ทำใจไว้บ้าง แต่แม่ก็ยังแทบทรุดลงพื้น ผมบอกแม่เบาๆ ว่า พ่ออาการหนักมาก ให้แกพักผ่อนนะแม่ เท่านั้นแหละผมก็กลั้นโฮไว้ไม่อยู่...
ถ้าใครไม่มีประสบการณ์ อาจไม่รู้ว่าความทรมานนี้มันมีอาการอย่างไร...
แม้เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว แต่อยากขอระบายสิ่งที่อยู่ในใจว่า.....
ผมคิดถึงพ่อมาก...สุขสันต์วันพ่อครับ
ขอบคุณกระทู้จากคุณ YUNANUN สมาชิกเว็บพันทิป (เว็บโพสท์จังได้ขออนุญาตเรียบร้อยครับ)