เปลือยชีวิตพี่โจ้ ทายาทหมื่นล้าน ช.การช่าง ซ่อนรูปดูล่ำเฟิร์มน่ากัดแขนเล่นเบาๆ
โจ้ ณัฐวุฒิ ตรีวิศวเวทย์ หนุ่มหล่อวัย 32 คนนี้เป็นลูกชายคนสุดท้องของครอบครัว จบปริญญาตรี และปริญญาโทเกียรตินิยม สาขาการเงิน จากมหาวิทยาลัยแสตมฟอร์ดที่อเมริกา เข้ามาช่วยงานที่ช.การช่างได้ประมาณ 2 ปี เขาเคยใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศประมาณ 16 ปี เคยทำงานในบริษัทการเงินที่นิวยอร์ก อยู่ 6 ปี ก่อนตัดสินใจกลับมาช่วยธุรกิจครอบครัวเหมือนพี่ๆ อีก 2 คน
ซึ่งเขาได้รับความไว้ใจจากคุณพ่อให้คุมงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ดูแลได้ประมาณ 1 ปีก็ไปดูสายสีเขียวต่อซึ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้น ทำให้เขาได้เรียนรู้ระบบการทำงานครบทุกกระบวนการ
จากการจัดอันดับของ ฟอร์บส์ บริษัทช.การช่าง มีมูลค่าทรัพย์สิน 1.44 หมื่นล้านบาท เป็นเศรษฐีอันดับที่ 36 ของไทย และพี่โจ้เข้ามาช่วยงาน ในตำแหน่ง ผู้จัดการฝ่ายวางแผนและกลยุทธ์ บริษัท ช.การช่าง ตั้งแต่ปี 2556
พี่โจ้มักออกงานสังคม ปาร์ตี้ อีเว้นท์ต่างๆ บ่อย แต่ที่คนปิ๊งมากที่สุดก็หลังไปออกเดอะเฟสซีซั่น 2 ตอนล่าสุด ที่เป็นกรรมการร่วม
ที่เมืองไทยนอกจากจะช่วยงานคุณพ่อแล้ว เขายังมีโอกาสได้รับงานถ่ายแบบนิตยสาร โฆษณาหลายชิ้นที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดีก็คือ เอสบีเฟอร์นิเจอร์ ช็อกโกแลตแฟร์เรโร รอชเชอร์
พี่โจ้บอกว่า เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่เราจะได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ ดูบ้าง ผมถือว่าเป็นสีสันไม่ได้คิดรับงานจริงจังอะไรมาก แล้วแต่จะมีคนติดต่อมา ผมก็ต้องดูว่างานที่จะรับนั้นมีความเหมาะสมหรือเปล่า เพราะเราเองก็มีภาพลักษณ์เป็นถึงผู้บริหาร อาจมีผลต่องานบริหารในอนาคตได้
“ตอนที่อยู่นิวยอร์กก็หางานด้วยตัวเอง ผมคิดว่าครั้งหนึ่งเราต้องลองสู้ชีวิตด้วยตัวเองสักครั้งว่าเราจะไปได้ไกลขนาดไหน เพราะคุณพ่อคุณแม่อุตส่าห์ส่งเราไปเรียนอเมริกาจนจบปริญญาโท ถ้าเราไม่ได้ความรู้ที่จะทำให้เรายืนได้ด้วยตัวเองก็เหมือนเราเสียเวลาเรียนไปเปล่าๆ”
โจ้ไปเรียนต่อที่สหรัฐตั้งแต่มัธยมปลาย หลังเรียนจบปริญญาตรีก็สอบชิงทุนเรียนต่อจนจบปริญญาโทด้านการเงินที่อเมริกา ตอนนั้นเขาเลือกที่จะเรียนจนจบปริญญาเอกก็ทำได้ แต่อยากใช้เวลาในการเก็บประสบการณ์ทำงานเพื่อพิสูจน์ว่าสามารถยืนได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาทางบ้านมากกว่า จึงเริ่มงานทำในบริษัทการเงินที่นิวยอร์ก ทำอยู่ประมาณ 6 ปีจนคิดว่าตัวเองได้ความรู้มากพอ อีกทั้งตัวเขาเองก็อาศัยอยู่ต่างประเทศมาประมาณ 16 ปีคงถึงเวลาที่ต้องกลับมาช่วยงานที่บ้าน นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผู้บริหารหุ่นหล่อล่ำขนาดนี้ถึงเพิ่งปรากฏตัวต่อสาธารณชนคนไทย
ตอนทำงานสายการเงินผมมีความสุขอยู่กับตัวเลข ผมเป็นคนชอบคณิตศาสตร์ ชอบการคำนวณมาตั้งแต่เด็ก เวลาที่ได้ทำงานกับตัวเลขทำให้ผมมีความสุข แต่พอคุมงานก็เป็นความสุขในอีกแบบที่เป็นการทำงานนอกออฟฟิศ ทำให้เราได้เดินทางไปดูงานสถานที่ต่างๆ พบปะติดต่อทางธุรกิจ ได้เห็นว่าบริษัทของคุณพ่อ ท่านสร้างสะพานแขวน รถไฟฟ้าลอยฟ้า สร้างสิ่งต่างๆ ที่มีส่วนในการพัฒนาประเทศ ผมถือว่าเป็นช่วงที่ผมต้องเรียนรู้งานต่างๆ อีกมากจากคุณพ่อและพี่สาว เพื่อพร้อมรับกับการทำงานในตำแหน่งที่สูงขึ้นในอนาคต”
"ผมเริ่มเล่นฟิตเนสตั้งแต่ตอนเข้าเรียนปริญญาโท ประมาณปี 2004 จุดแรกของความสนใจ คือ ต้องการมีกิจกรรมกับเพื่อนๆ เพื่อเข้าสังคมช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ มีเวลาว่างไปกับเพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกสนานกันไป อีกอย่างคือ มันเป็นภาพลักษณ์ของสังคมตะวันตกที่ว่าหนุ่มๆ ต้องมีกล้ามเนื้อ ต่างจากทางฝั่งโลกตะวันออกที่หนุ่มๆ อาจจะชอบผอมๆ เพรียวๆ จริงๆ แล้วตอนนั้นผมผอมตัวเล็กมาก เล่นแป๊บเดียวเห็นผลก็เลยติดใจเล่นมาเรื่อยๆ อีกอย่างแอบภูมิใจในตัวเองว่าสามารถเปลี่ยนภาพลักษณ์ตัวเอง จากผอมแห้งแรงน้อยเป็นหนุ่มมีกล้ามเนื้อได้ ดูสุขภาพดีได้"
หนุ่มโจ้เปิดฉากเล่าถึงต้นเหตุแห่งที่มาของกิจกรรมสุดโปรดของเขา พร้อมกับย้ำถึงความชอบของตัวเองว่า นับตั้งแต่เล่นฟิตเนสมานาน 10 ปีเขายังไม่เคยหยุดเล่นเกิน 1 อาทิตย์เลย
ผมเป็นคนที่เวลาทำอะไรแล้วตั้งใจทำและเต็มที่กับมัน
"ผลที่เห็นชัดเจนคือทำให้เราแข็งแรง มีบุคลิกภาพดี มั่นใจในตัวเอง แต่สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะบอกคือ ทำให้สดชื่น พอเล่นเสร็จสมองปลอดโปร่ง อาจจะเป็นเพราะพอได้เล่นร่างกายหลั่งสารอะดรีนาลีนแล้วเรามีความสุข คิดโน่นคิดนี่ มีจินตนาการ มีความคิดสร้างสรรค์ได้ดี โปรเจกท์ใหม่ๆ บางครั้งปิ๊งไอเดียตอนขณะเล่นฟิตเนส ตอนที่ดูเรื่องออกบูธ ออกงาน ต้องการครีเอทีฟบ้าง เพราะต้องไปจัดนิทรรศการ บางทีเล่นๆ อยู่ความคิดทางด้านนี้ก็ปิ๊งขึ้นมา จริงๆ แล้วผมชอบเล่นเองคนเดียว มันทำให้ผมได้คิดโน่นคิดนี่ กินกาแฟ ยกเวตหนักๆ บางทีก็ได้ไอเดียใหม่ๆ ตอนเล่นฟิตเนส ที่สำคัญมันเป็นโมเมนต์ที่ผมรู้สึกว่าได้อยู่กับตัวเอง ผมไม่ชอบเล่นฟิตเนสกับเทรนเนอร์ ไม่ชอบเล่นกับคนอื่น"
หลักของการสร้างกล้ามอย่างถูกต้องนั้น ใช่ว่าแค่เล่นยิมเพียวๆ อย่างเดียว แต่ต้องมีเรื่องไลฟ์สไตล์ควบคู่ไปด้วย
เพราะอาหารไทยไม่ค่อยเน้นโปรตีนมีแต่แป้งมากกว่า ผมเองจึงต้องหมั่นเสริมในจุดนี้เอง บางทีก็มีหมูย่าง เมนูไข่ก็พยายามครีเอทมากขึ้น กินแต่ไข่ขาวอย่างเดียวก็เบื่อ บางครั้งก็เอาใส่ก๋วยเตี๋ยวแทนเส้นเป็นการลดแป้งไปในตัว ไข่ขาวถือว่าเป็นโปรตีนชั้นเยี่ยมเพราะไม่มีไขมัน ส่วนไข่แดงกินแค่วันละ 2 ฟองเท่านั้นพอ ซึ่งเรื่องพวกนี้ผมใช้วิธีการศึกษาเองจากเว็บไซต์บ้าง จากหนังสือบ้าง ยูทูบบ้าง
จากประวัติเบาๆ นี้ พอจะรีเฟอร์ได้ว่า สิ่งที่พี่โจ้ชอบคือ
1. คณิตศาสตร์ คิดคำนวณ เป็นคนละเอียด รอบคอบ
2. ชอบเอาท์ดอร์ พบเจอผู้คนใหม่ๆ งานที่ท้าทาย
3. ฟิตเนส
4. ถ่ายแบบ งานบันเทิง
5. เอาใจใส่สุขภาพ ทานคลีนและโปรตีนเพิ่มกล้าม