ทันทีที่ผู้หญิงคนนี้ถูกไฟไหม้เสียโฉมทั้งตัว ผู้ชายคนนี้ก็รีบวิ่งไปซื้อแหวนมาขอเธอแต่งงาน
สาวหน้าเสียโฉมคนนี้ ชื่อทูเรีย ผู้ชายหล่อคนนี้คือสามีของเธอ ชื่อไมเคิล พวกเขาคือคู่รักชาวออสซี่ ที่คลีโอเราไปอ่านเจอเรื่องราวช็อกซึ้งกระแทกหัวใจ และอยากให้ผู้หญิงไทยทุกคนรู้ว่า ที่เรียกว่า รักแท้สุดๆ จะแท้ คือความรักที่ไมเคิลมีให้ทูเรีย แบบนี้เท่านั้น!!
สี่ปีที่แล้วทูเรีย พิทท์ประสบอุบัติเหตุไฟไหม้รุนแรงทั้งตัว นับแต่นั้นเป็นต้นมาเธอกับไมเคิล ฮอสกิ้น แฟนหนุ่มของเธอก็พยายามช่วยกันปะติดปะต่อชีวิตที่แหลกสลายของทูเรียให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ตอนนี้ทั้งคู่กำลังจะแต่งงานกัน!!
ท่ามกลางทะเลสีฟ้าสดใส เขาขอเธอแต่งงานด้วยแหวนเพชรวงที่เขาซื้อเมื่อสี่ปีก่อน มันคือการขอแต่งงานที่เพอร์เฟคและโรแมนติกที่สุดสำหรับทูเรีย เธอกับไมเคิลตกลงแต่งงานกันระหว่างล่องเรือเที่ยวที่เกาะมัลดีฟส์ และ
ถ้าจะมีอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่าชัยชนะเหนืออุบัติเหตุที่เป็นต้นเหตุให้ชีวิตแทบพังของทูเรียแล้วล่ะก็ มันคือความรักของคู่รักคู่นี้นี่แหละ
ไมเคิลเป็นเพื่อนนักเรียนที่ทูเรียเคยแอบปลื้มอยู่เงียบ ๆ เธอบอกว่าเขาเป็นคนที่ทำให้เธอเข้มแข็งและมีพลังใจดำเนินชีวิตต่อหลังจากเกิดเหตุไฟไหม้รุนแรงระหว่างวิ่งอัลตร้ามาราธอน และตอนนี้ก็คงไม่มีใครแฮ้ปปี้มากไปกว่าทูเรียอีกแล้ว
เธอให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ The Weekly บนเรือ Ocean Divine ที่ทั้งคู่ท่องเที่ยวด้วยกันอยู่ว่า “ฉันตื้นตันมากกับความรักที่เขามีให้ในตอนนี้ มันเป็นความรู้สึกที่น่าเหลือเชื่อมากค่ะ ไมเคิลคือคู่ชีวิตของฉัน ฉันรู้มานานแล้วล่ะค่ะ และเราก็คุยกันเรื่องแต่งงานมานานตราบเท่าที่ฉันจำได้ แต่พอเขาขอแต่งงานจริง ๆ มันก็ยังเป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์มากค่ะ”
ชักอยากรู้รายละเอียดแล้วสิว่าเขาขอเธอแต่งงานตอนไหนยังไง ความสวยงามของเรื่องนี้อยู่ในรายละเอียดนี่แหละ ไมเคิลวางแผนการขอแต่งงานอย่างละเอียดถี่ยิบ ก็เขามีเวลาตั้งสี่ปีเลยนี่
ไมเคิลเเล่าว่า “ตอนที่ทูเรียอยู่ในห้องไอซียูหลังประสบอุบัติเหตุ ผมก็ออกไปซื้อแหวนเพชรมาวงหนึ่ง ผมเอาแหวนให้พ่อดูตอนที่เรายืนเฝ้าอยู่ข้างเตียงของเธอแล้วบอกพ่อว่าถ้าเธอรอดชีวิตมาได้ ผมจะขอเธอแต่งงาน พ่อมองผมแล้วบอกว่า “ดีแล้วล่ะลูก”
การขอแต่งงานเกิดขึ้นในยามโพล้เพล้บนเรือ Ocean Divine ทั้งสองคนอยู่ในห้องตอนที่ลูกเรือประกาศว่ามีปลากระเบนตัวยักษ์กำลังว่ายน้ำมาเทียบเรือ ไมเคิลรู้สึกว่านี่แหละคือโมเม้นต์ของเขา ก็เลยคว้าแหวนเพชรที่เขาซ่อนไว้ตลอดทั้งทริปไปด้วย ขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ และขอเธอแต่งงานใต้แสงดาว
ทูเรียเล่าต่อว่า “จากนั้นเราก็ใส่แว่นตาดำน้ำและสนอร์กเกิล แล้วก็ลงว่ายน้ำกับเจ้าปลากระเบนตัวนั้นอยู่ร่วมชั่วโมง มันเป็นอะไรที่วิเศษมากค่ะ” ทุกคนที่รู้จักสองคนนี้ดีจะรู้ว่านี่คือช่วงเวลาแห่งความสุขที่พีคที่สุดของทั้งคู่เลย
ไมเคิลบอกว่า “ผมก็ประหม่าเหมือนกันนะครับ ไม่เคยคิดเลยว่าการขอผู้หญิงแต่งงานจะยากขนาดนี้ ผมซ่อนแหวนไว้ในกระเป๋าเป้ แต่ก็กังวลตลอดว่าจะทำแหวนหายจนถึงขั้นเอาเป้มานอนหนุนแทนหมอนเลย ผมดีใจมากที่เธอตอบตกลง และก็โล่งใจด้วยที่ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี”
อีกคนที่โล่งใจกับข่าวดีนี้ด้วยก็คือแกรี่ พ่อของไมเคิล ก่อนที่ไมเคิลจะสวมแหวนให้เธอ ทูเรียไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขาซื้อแหวนมาเก็บเอาไว้แล้ว หลังจากซื้อแหวนมาจากร้านเพชรในเมืองที่ทั้งสองคนอาศัยอยู่ก่อนเกิดอุบัติเหตุ ไมเคิลก็ฝากแหวนให้พ่อของเขาเก็บไว้
“ผมไม่อยากขอเธอแต่งงานจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม ผมไม่อยากรีบหลังเกิดอุบัติเหตุ ในช่วงปีที่ผ่านมา พ่อจะแย้บถามกับผมเรื่องแหวนตลอด พ่อจะพูดถึงเจ้าของขวัญชิ้นเล็ก ๆ ที่อยู่ในเซฟเพื่อเมคชัวร์ว่าผมไม่ลืม
แต่มันก็ไม่ถึงเวลาที่ใช่สักทีจนตอนนี้ล่ะครับ เราเคยคุยกันถึงเรื่องแต่งงานก่อนทูเรียจะประสบอุบัติเหตุ แต่สี่ปีที่ผ่านมาก็เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมากในชีวิตของเราทั้งสองคน เพิ่งจะหกเดือนหลังนี่เองที่ผมรู้สึกว่าเรากลับมาใช้ชีวิตตามปกติเหมือนอย่างที่เคยเป็น มันเป็นเวลาที่ดีของเราครับ
เราตั้งตารองานแต่งที่จะจัดในปีหน้า มันคงเป็นการเฉลิมฉลองมากกว่าเป็นงานที่โรแมนติกอะไรแบบนั้น และเป็นโอกาสที่เราจะได้ขอบคุณเพื่อนและครอบครัวที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางของความรักเราในช่วงหลายปีที่ผ่านมา”
เพชรทรงเหลี่ยมเม็ดงามบนแหวนได้มาจากเหมืองเพชร Argyle ในเมือง Kimberley ที่ทูเรียทำงานเป็นวิศวกรก่อนประสบอุบัติเหตุระหว่างวิ่งอัลตร้ามาราธอนเมื่อเดือนกันยายนปี 2011
ร่างกายมากกว่าร้อยละ 65 ของเธอถูกไฟคลอก ตอนแรกหมอไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าเธอจะรอดมั้ย แต่เธอก็รอดมาได้ ไมเคิลบอกว่ามันเป็นเพราะพลังใจของเธอล้วน ๆ เลย
คู่รักที่น่าอิจฉาคู่นี้เพิ่งใช้วันหยุดพักผ่อนเล่นเซิร์ฟและดำน้ำรอบเกาะต่าง ๆ ของมัลดีฟส์ในมหาสมุทรอินเดีย และตอนที่บทความเรื่องนี้ถูกตีพิมพ์ ทูเรียก็กำลังเดินตามรอยอินคาในประเทศเปรูอยู่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานระดมทุนให้กับ Interplast องค์กรการกุศลเกี่ยวกับศัลยกรรมตกแต่งที่เธอเป็นทูตอยู่
ทูเรียบอกว่า “แต่ตอนนี้ก็มีเพียงไมเคิลกับฉันบนเรือของเราเท่านั้น ลูกเรือจัดดินเนอร์ส่วนตัวให้เราเมื่อคืนนี้ ฉันรู้สึกว่าตัวเองโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่แล้วค่ะ ฉันมีคู่หมั้น ฉันว่าฉันคงต้องเริ่มทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่กับเค้าซักที
เมื่อเราไปถึงสิงคโปร์ ฉันคงต้องหาซื้อสร้อยมาห้อยแหวนไปพลาง ๆ ก่อนค่ะ มันหลุดออกจากนิ้วฉันหลายครั้งแล้ว ฉันเลยเอาแหวนเก็บไว้ในกล่องเหมือนเดิมก่อน แต่ก็อดเอามันออกมาชื่นชมไม่ได้ ไม่น่าเชื่อเลยค่ะว่าไมเคิลเก็บแหวนวงนี้ไว้ตั้งสี่ปี มันเป็นแหวนที่พิเศษมากจริง ๆ”