หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ทำไม? “ความรัก…ทำให้คนตาบอด” มาดูกันว่า เมื่อคนเรา “ตกหลุมรัก” “สมอง” ทำงานอย่างไร?

โพสท์โดย ไก่อ้วน
 

Brain in love

ทำไม ? “ความรัก…ทำให้คนตาบอด”   มาดูกันว่า เมื่อคนเรา “ตกหลุมรัก” “สมอง” ทำงานอย่างไร ?

          หลายๆ คน อาจจะเคยหัวใจเต้นแรงเวลาที่ได้อยู่ใกล้คนที่ชอบ หรืออาจเคยได้ยินประโยคติดหูที่ว่า ความรัก..ทำให้คนตาบอด และเราอาจจะเคยเห็นกันบ่อยๆ ว่าคนเราสามารถทำอะไรที่ดูพิลึกพิลั่น มีพฤติกรรมที่ผิดเพี้ยนไปจากปกติที่เคยเป็น หรือแม้กระทั่งกล้าทำสิ่งที่บ้าบิ่นเกินมนุษย์มนา เมื่อมีความรัก แต่นั่น เป็นอิทธิพลของความรักใช่หรือไม่ ? “สมอง” ส่วนที่คิดพิจารณาเหตุผล และสามารถควบคุมการกระทำของคนเรา มีลักษณะการทำงานเป็นอย่างไรเมื่ออยู่ในห้วงความรัก และ ความเกี่ยวข้องกันระหว่างความรักและการมีเพศสัมพันธ์ หรือ “เซ็กส์” ของมนุษย์เป็นอย่างไร จริงหรือไม่ ที่ความรัก และ เซ็กส์ เป็นคนละเรื่องกัน?

          โดยลักษณะทางกายภาพ สมองของคนเรา แบ่งเป็นสองซีก คือซีกซ้ายและซีกขวา สมองซีกซ้าย รับผิดชอบในเรื่องการใช้ภาษา การเขียน การอ่าน ทักษะด้านตัวเลข การใช้เหตุผล ทักษะการพูดทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์รวมทั้งควบคุมการทำงานของมือขวา ส่วนสมองซีกขวา จะทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับความเข้าใจลึกซึ้งในเรื่องต่างๆ ในด้านศิลปะ ในการเห็นภาพสามมิติ การจินตนาการ ทักษะด้านดนตรี และการทำงานของมือซ้าย ซึ่งถึงแม้ว่าหน้าที่ของทั้งสองซีกสมองนั้นจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่อย่างไรก็ตามสมองทั้งสองซีกก็ทำงานเสริมกันเพื่อให้ความคิดของเราสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

brain-love-300x245

          “ในภาวะที่เรา ตกหลุมรักใครสักคน สมองจะหลั่งสารเคมีแห่งความสุข และกระตุ้นปฏิกิริยาออกมาทางกายภาพ” ดร.แพท มัมบี ผู้ช่วยผู้อำนวยการคลินิก Loyola Sexual Wellness และอาจารย์ภาควิชาจิตเวชและประสาทวิทยาเขิงพฤติกรรม คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย โลโยลา ชิคาโก้ สหรัฐอเมริกา “สารเคมีนี้ เป็นเหตุให้เกิดอาการหน้าแดง เหงื่อออกที่ฝ่ามือ และหัวใจเต้นแรง” โดยระดับของสารเหล่านี้ อันได้แก่ โดปามีน (Dopamine) อะดรีนาลีน(Adrenaline) และ นอร์อิพิเนฟริน(Norepinephrine) จะหลั่งออกมาจำนวนมากเมื่อตกอยู่ในภวังค์แห่งความรัก โดย โดปามีน จะทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้ม ในขณะที่อะดรีนาลีนและนอร์อิพิเนฟริน ทำให้หัวใจเต้นรัว กระสับกระส่าย และลุ่มหลงซึ่งอาการจะเป็นไปในลักษณะเดียวกับการที่ร่างการได้รับสาร “โคเคน” (cocain) เลยทีเดียว

           “ความรัก ทำให้ฮอร์โมนที่ชื่อว่าเซโรโทนิน (Serotonin) ลดระดับลง ซึ่งฮอร์โมนนี้มักจะพบว่ามีระดับสูงในผู้ที่มีอาการย้ำคิดย้ำทำ ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุที่เรามักคิดเล็กคิดน้อยกับผู้อื่นมากกว่า เมื่อเทียบกับคนที่เรารักในช่วงแรกๆ ” ดร.แมรี่ ลินน์  ผู้ช่วยผู้อำนวยการคลินิก Loyola Sexual Wellness และอาจารย์ภาควิชาสูตินรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย โลโยลา ชิคาโก้ สหรัฐอเมริกา ที่ว่ากันว่า “ความรัก ทำให้คนตาบอด” นั้น จริงๆ แล้ว มาจากการที่คนเรามีแนวโน้มที่จะจินตนาการและมองแต่ในส่วนที่อยากเห็นจากคนที่เรารัก ในช่วงแรกของความสัมพันธ์ แต่คนสำหรับภายนอกจะมองคู่รักนั้นอย่างใช้เหตุผลมากกว่า เพราะฉะนั้น สำหรับคู่รักที่อยู่ในช่วงแรกๆ จึงทำให้อะไร ๆ ก็มักจะดูหอมหวานไปซะหมดนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตาม ระดับเซโรโทนินจะกลับสู่สภาพปกติภายใน 12 – 18 เดือน

          นักวิทยาศาสตร์และใครหลาย ๆ คน ต่างสงสัยว่า สมองที่มีความรักกับสมองที่มีความต้องการทางเพศนั้น เหมือนกันหรือไม่? คำตอบคือ ไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะจากการศึกษาด้วยการสแกนสมองของผู้ร่วมทดลองที่ดูภาพวาบหวิว พบว่าสมองที่ถูกกระตุ้นคือส่วนของไฮโปทาลามัส (hypothalamus) และอะไมกดาลา (amygdala) ซึ่งโดยทั่วไป ไฮโปทาลามัส จะกระตุ้นความหิวและกระหายน้ำ ส่วนอะไมกดาลาจะทำหน้าที่กระตุ้นการตื่นตัวเมื่อมีสิ่งเร้า “แต่ในภาวะที่สมองมีความรักนั้น เราไม่พบการกระตุ้นของสมองบริเวณสองส่วนดังกล่าวเลย ดังนั้น สรุปได้ว่า ระบบสมองเมื่อมีความรักและเมื่อมีความต้องการทางเพศนั้นทำงานไม่เหมือนกันนั่นเอง” ดร.ฟิชเชอร์ นักมนุษยวิทยาและผู้แต่งหนังสือ Why we love – the Nature of Chemistry and Romantic of Love แต่ในบางมุมทั้งสองสิ่งนั้นก็มีความเกี่ยวข้องกันอยู่ เพราะเมื่อคนเราตกหลุมรัก ระดับโดปามีนจะขึ้นสูงจนไปกระตุ้นการผลิตเทสโทสเทอโรน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่กระตุ้นให้มีความต้องการทางเพศไม่ว่าจะเป็นในเพศชายหรือเพศหญิง และนี่เป็นเหตุที่ทำให้คนเรามักจะดูเซ็กซี่ขึ้น เมื่อมีความรัก

men-and-womens-brains

          แล้วถ้าเปรียบเทียบกันระหว่าง สมองของผู้ชาย และสมองของผู้หญิง ล่ะ? ดร.ฟิชเชอร์ กล่าวว่า “สมองผู้ชายจะมีการทำงานประสานกับระบบการมองเห็นมากกว่าผู้หญิงเล็กน้อยด้วย จึงไม่น่าสงสัยเลยว่าทำไมผู้ชายจึงเป็นกลุ่มลูกค้าสำคัญที่สนับสนุนอุตสาหกรรมสื่อลามกทั้งหลาย และผู้หญิงก็ต้องพยายามทำตัวให้ดูดีตลอดเวลา” นอกจากนี้ สมองของผู้ชาย ยังสามารถคาดเดาขนาดของผู้หญิงถึงความสามารถในการมีบุตรได้ แต่อย่างไรก็ตาม สมองของผู้หญิงนั้นมีการทำงานที่ซับซ้อนกว่าผู้ชายในเรื่องความทรงจำ ในการเลือกคู่ครอง ผู้หญิงไม่สามารถคาดเดาจากการมองเห็นว่าชายผู้นั้นมีบุตรได้หรือไม่ แต่เมื่อใดก็ตามที่หล่อนคิดจะศึกษาผู้ชายคนนี้จริงจังละก็ ความจำของเธอเกี่ยวกับพฤติกรรมทั้งหมดของผู้ชายคนนั้นจะถูกนำมาพิจารณาถึงความเหมาะสมในการเป็นคู่ที่ดีหรือแม้แต่การเป็นพ่อที่ดีได้เลยทีเดียว ด้วยความจำอันดีเลิศ ทั้งในเรื่องดีและไม่ดีของผู้ชาย บางครั้งหล่อนจึงดูจู้จี้จุกจิก ซึ่งในความเป็นจริงนั้นมันเป็นไปตามแนวทางการวิวัฒนาการมนุษย์ของ ชาร์ลส์ ดาร์วิน หรือพูดง่ายๆก็คือ หล่อนสามารถเลือกพ่อพันธุ์ที่มีคุณภาพ เพื่อการมีบุตรที่ดีต่อไปได้นั่นเอง

 

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ไก่อ้วน's profile


โพสท์โดย: ไก่อ้วน
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
20 VOTES (4/5 จาก 5 คน)
VOTED: ปุ้ม, แย้มศรี, ฮั่วชวี่ปิ้ง
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
อีกหนึ่งวิธีการนำ ปลาหมอคางดำ มาใช้ประโยชน์ ก็คือการนำมาทำเป็น น้ำหมักชีวภาพ นั่นเอง
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
อุทยานพระพิฆเนศร้าง จ.ชลบุรี : ความศรัทธาท่ามกลางซากปรักหักพัง
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
9 เหตุผลที่คุณไม่ควรชาร์จโทรศัพท์จนเต็ม 100% อีกต่อไป4 อาหารที่แสนธรรมดา แต่อาจอันตรายถึงตายได้ หากคุณเก็บพวกมันไว้ในตู้เย็นคันฝ่ามือบอกอะไร? มีโชคลาภจริงหรือคนมีผมขาวหรือผมหงอกได้เฮ เพราะผลการวิจัยล่าสุด มีความหวังให้ผมกลับมามีสีปกติเหมือนก่อนหน้านั้น ได้อีกครั้ง
ตั้งกระทู้ใหม่