พม่าเสียเมืองและเรื่องราวกษัตริย์ ราชินีกระองค์สุดท้าย
พม่าเสียเมืองและเรื่องราวกษัตริย์ ราชินีกระองค์สุดท้าย
คำสามัญที่ประชาชนให้เรียกขนาดกษัตริย์นั้นต่างกันไปในแต่ละอย่างที่ลาวเรียกว่า เจ้ามหาชีวิต หรือเจ้าย่ำชะหม่อม (กระหม่อม) ส่วนที่พม่านั้นมีคำเฉพาะที่บอกถึงความพิเศษนั่นคือ “พระเจ้ามณเฑียรทอง หรือ พระเจ้าปราสาททอง”
คำนี้มีที่มาในสมัยของพระเจ้าแผ่นดินพม่าองค์สำคัญคือ “พระเจ้ามินคง” ได้ทรงสร้างพระราชวังใหม่ขึ้นมาอย่างใหญ่โตสวยงาม ทาทองอร่ามเป็นหน้าตาแห่งแผ่นดิน เรียกเป็นภาษาพม่าว่า “ชเวนันดอร์” แปลได้ว่า พระราชมณเฑียรทอง
ประชาชนทั่วไปจึงเรียกขานพระเจ้าแผ่นดินด้วยพระนามอันแสดงถึง พรบรมเดชานุภาพ ซึ่งความยิ่งใหญ่ของราชวงศ์พม่านั้น เริ่มในยุคของอาณาจักรพุกาม ที่ตั้งราชวงศ์ขึ้นมาเมื่อราว 1,000 ปี ก่อนที่ริมฝั่งน้ำอิรวดี จนมาถึงราชวงศ์ลองพญา (คองบอง) ที่ถือว่าเป็นราชวงศ์สุดท้าย
กษัตริย์วงศ์นี้เองที่ยกทัพหลวงมาตีกรุงศรีอยุธยาเป็นครั้งสุดท้าย และกษัตริย์แห่งราชวงศ์นี้อีกเช่นกัน ที่ยกทัพพม่ามหาศาลถึง 9 ทัพมาหมายจะตี “สยามใหม่” ในรัชกาลที่ 1 ซึ่งนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่พม่ามารุกรานไทยอย่างเป็นทางการก่อนที่จะพ่ายแพ้กลับไปด้วยฝีมือคนไทยและพระกษัตริย์ที่ร่วมกันปกป้องอันเป็นที่รัก
และหลังจากนั้นไม่นาน พม่าก็ต้องประสบกับปัญหาสืบราชสมบัติภายในและยังมีเรื่องของการแทรกแซงจากต่างชาติโดยเฉพาะ “อังกฤษ” ที่ต้องรับมืออย่างหนักหน่วง จนที่สุดราชวงศ์ที่อยู่มายาวนานก็จะต้องล้มสลายลง
เมืองหลวงแห่งสุดท้ายและความล่มสลายแห่งราชวงศ์
ราชวงศ์ของพม่าเพิ่งสิ้นสุดลงเมื่อร้อยกว่าปีมานี้เอง ตกอยู่ในสมัยรัชกาลที่ 5 ของเรา ซึ่งการหมดราชวงศ์ครั้งนี้ก็สิ้นสุดลงพร้อมๆ กับการ “เสียเมือง” คือ เสียเอกราชของชาติพม่าให้กับอังกฤษ ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ 5 ท่านทรงมีวิสัยทัศน์ไกล เราจึงได้รอดพ้นจากการตกเป็นเมืองขึ้น เป็นข้าแผ่นดินของเขามาได้อย่างหวุดหวิด
ดังจะขอเท้าความถึงเหตุการณ์ ก่อนที่พม่าจะเสียเมืองสักหน่อย นั่นคือในสมัยที่ชาติอังกฤษเริ่มเข้ามาหลังจากที่ชายตามองมาจากอินเดียที่ตกเป็นเมืองขึ้นก่อนหน้านั้นแล้ว
พม่าก็เปรียบได้กับเค้กก้อนโตที่ยังไม่มีใครแตะต้อง โดยของที่เป็นสมบัติล้ำค่า ก็จะมีทั้งทรัพยากรธรรมชาติโดยเฉพาะป่าไม้สักอันอุดมสมบูรณ์ นอกจากนั้นยังมีทรัพย์ที่หาค่ามิได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ ราชสมบัติในท้องพระคลังแห่งกษัตริย์พม่า
ในสมัยแรกที่อังกฤษเข้ามานั้น พม่ายังประมาทความสามารถของอังกฤษว่าด้อยกว่าตน จนแม้ราชทูตจากราชสำนักที่ขอเข้าเฝ้าพระเจ้ากรุงพม่า ก็ถูกบังคับให้ทอดรองเท้าออกก่อนเข้าไปในท้องพระโรงตามราชประเพณี ทว่าเรื่องนี้ทางราชสำนักเซนต์เจมส์ถือเป็นเรื่องสำคัญ
ตามธรรมเนียมการทูตนั้น เครื่องแบบของทูตถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ เป็นหน้าตาและเกียรติยศของประเทศ หากประเทนั้นมีพระเจ้าแผ่นดินก็เปรียบเสมือนกับเป็นเครื่องแต่งกายของผู้แทนพระองศ์พระเจ้าแผ่นดิน ซึ่งเป็นเครื่องประกอบพระเกียรติ การให้แต่งไม่ครบก็เหมือนกับการเสียเกียรติไปถึงพระเจาแผ่นดินและประเทศของตน
เครื่องแบบเต็มยศของราชทูตจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่อังกฤษไม่พอใจพม่า จะว่าไป เสียเมืองเริ่มด้วยเรื่องรองเท้าก็ว่าได้
แล้วเมื่อมีข้อพิพาทกันเรื่องเมืองพม่าไม่ยอมเปิดให้ อีกทั้งพม่ายังแข็งกร้าว เรียกเอาค่าปรับจำนวนมากจากบริษัททำไม้ของอังกฤษโดยหาว่าผิดสัญญาอีก อังกฤษจึงถือเป็นเหตุให้เข้ายึดพม่าในที่สุด
โดยฝ่ายอังกฤษได้ประเมินสถานการณ์ในพม่าแล้วว่าอยู่ในช่วงที่เปราะบางมาตั้งแต่ช่วงปลายรัชสมัยพระเจ้ามินดงที่มีการชิงราชสมบัติกันภายใน โดยมีเสนาบดีคนสำคัญคอยให้ท้าย
จนที่สุดอำนาจก็ตกอยู่กับฝ่ายที่ปรารถนาอำนาจซึ่งก็ทำการเลือกเจ้าชาย ที่ดูปกครองง่ายขึ้นครองบัลลังก์แทนองค์รัชทายาทตามสิทธิ์เพื่อให้ “ควบคุม” เกมการเมืองทั้งหมดได้โดยใช้กษัตริย์ที่ทรงพระเยาว์เป็นฐานอำนาจ หรือมอมินนีของคนเพื่อจะได้อ้างสิทธิ์อันชอบธรรม
ซึ่งสิ่งนี้จะลวงประชาชนที่หูเบาได้บางกลุ่มเท่านั้น และแผนรวบอำนาจเช่นนี้ก็เป็นวิสัยแห่งนักการเมืองผู้ฉ้อฉลมาแต่ไหนแต่ไร ประวัติศาสตร์ได้เคนซ้ำรอยมานานแล้ว
ดังท่านที่รักจะเห็นว่าเมื่อใดที่คนไม่ดีได้ มีโอกาสเข้ามาแทรกแซงกิจการแผ่นดินจากภายนอก เมื่อนั้นบ้านเมืองก็จะวุ่นวายจนคนภายนอกถือโอกาสเข้ามาย่ำยีได้
เพราะเห็นคนในชาติไม่รักแผ่นดินเห็นแก่ประโยชน์ตัวเองเป็นใหญ่กว่าบ้านเมืองและความจงรักภักดี เจ้าชายที่ถูกฝ่ายยึดอำนาจเลือกขึ้นมาเป็นหุ่นเชิดนี้ที่สุดก็จะกลายเป็นกษัตริย์พระองศ์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ลองพญาของพม่า พระเจ้าแผ่นดินพระองค์นี้มีพระนามว่า “ธีบอ” คนไทยเราเรียกว่า “พระเจ้าสีป่อ”
มโหรีที่ดังก้องกับเสียงร้องขอชีวิตจากท้ายวัง
น่าเสียดายที่แผ่นดินพม่าอันยิ่งใหญ่เรืองรองต้องมาล่มลงด้วยน้ำมือของคนไม่รักชาติเพียงกลุ่มเดียวที่นำโดย พระนางอเลนันดอ พระมเหสีในรัชกาลก่อนซึ่งเป็นผู้บงการให้เลือกพระเจ้าสีป่อขึ้นครองราชย์ แซงหน้าพระโอรสองค์อื่นของพระเจ้ามินดงแล้ว พระนางก็วางหมากให้ลูกสาวของตนขึ้นมาเป็นพระมเหสีด้วย พระมเหสีองค์นี้ดังมากในหน้าประวัติศาสตร์ของพม่า
เรียกว่าถ้าพูดถึงพระเจ้าสีป่อแล้วไม่คุยถึงพระราชินีนี่ถือว่าขาดตอนสำคัญไปทีเดียว โดย พระราชินีองค์นี้มีพระนามว่า“พระนางศุภยาลัต” มีเรื่องราวเกี่ยวกับพระนางศุภยาลัตตอยู่มากมายที่ถูกบันทึกไว้ แต่ส่วนใหญ่เป็นไปในทางลบ ซึ่งต่อมาภายหลังมีนักข่าวไปสัมภาษณ์พระนางถึงเรื่องนี้ เมื่อมีพระชนม์มากแล้ว แต่พระนางก็ปฏิเสธในเรื่องราวต่างๆ
ด้วยเรื่องราวของพระเจ้าสีป่อนี้ เริ่มขึ้นด้วยความโกลาหลวุ่นวาย ตั้งแต่ในการครองราชสมบัติจนเมื่อเป็นพระเจ้าแผ่นดินแล้วก็ทรงถูก “ครอบ” ไง้ด้วยผู้ที่มีอำนาจฝ่ายพระมเหสีองค์ก่อน (พระราชมารดาของพระนางศุภยาลัต)จนเป็นเหตุให้เกิดการนองเลือดครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ เป็นการสังห่รหมู่ราชวงศ์
เพราะพระเจ้าสีป่อทรงขึ้นครองราชย์อย่างไม่ถูกตามกฎมณเฑียรบาล ด้วยเป็นพระโอรสองค์รองลงมามาก ดังนั้นฝ่ายที่เชิดพระองค์จึงวางแผน “กำจัด” เสี้ยนหนามผู้ที่อาจเป็นภัยในภายหลังได้เสีย ซึ่งก็คือพระราชวงศ์ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก โดยวางแผนอย่างแยบยลให้มีการจัดงานฉลองใหญ่ในพระราชวัง ให้มีการระดมวงมหรสพและมโหรีมาเล่นดนตรีถวาย โดยให้เล่นอย่างดังในงานประหารหมู่
เพราะการสังหารหมู่ราชวงศ์ครั้งมโหฬารครั้งนั้นเป็นเรื่องที่น่าสังเวชใจยิ่ง โดยบรรดาพระราชวงศ์ที่เป็นพระโอรสพระธิดาของกษัตริย์พระองค์ก่อนต่างถูกจับมัดมือให้เดินเป็นหมู่ไปยังลานหลังพระราชวังที่ได้ขุดหลุมใหญ่รอเอาไว้
มิไยที่พระราชวงศ์หลายพระองค์ที่ยังเยาว์พระชันษาจะร้องไห้ดิ้นรนหรือพระมารดาของโอรสธิดาเหล่านั้นจะคร่ำครวญร่ำไห้สักปานใดก็ตาม แต่เพชฌฆาตก็ทำหน้าที่ของตนอย่างเลือดเย็น ด้วยการทุบด้วยท่อนจันทน์แล้วผลักลงไปรวมกันในหลุมก่อนจะกลบทั้งคนตายและคนที่ยังไม่ตายนับร้อยๆ คนไปพร้อมกันยังเกิดเสียงร้องอันน่าขนลุก เสียงร้องขอชีวิตของคนหมู่มากนั้นดังไปถึงที่ประทับ
และเมื่อนั้นนางศุภยาลัตก็จะถลึงตาไปยังวงมโหรีพม่าสักทีหนึ่ง แล้วเสียงประโคมดนตรีอันดังสนั่นหวั่นไหวก็จะบังเกิดขึ้น ซึ่งหากท่านใดได้เคยไปฟังวงดนตรีแบดั้งเดิมของพม่าสักครั้งหนึ่งก็จะเข้าใจได้ทีเดียวว่าเสียงนั้นดังครึมโครมสักเพียงใด
ข้างพระเจ้าสีป่อที่ประทับพระองค์สั่นอยู่เคียงข้างยามได้ยินเสียงพระญาติร้องครวญครางมาตามสายลมก็จะถูกถวายน้ำจัณฑ์ให้เสวยเสียทุกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เป็นการปลงพระชนม์เจ้านายพม่าครั้งใหญ่ที่สุดจนทำให้เชื้อพระวงศ์พม่าเหลืออยู่น้อยมาในปัจจุบัน
กษัตริย์และราชินีพระองค์สุดท้ายแห่งแผ่นดินพม่า
พระราชาผู้ทรงทศพิธธรรมจะเป็นสง่าแห่งแคว้นและทำให้ชาติอื่นเกิดความยำเกรงในพระบรมเดชานุภาพ แต่เมื่อรัชกาลแห่งพระเจ้าสีป่อเริ่มด้วยเรื่องอันไม่เป็นมงคลอย่างนี้แล้ว ก็ราวกับเป็นลางร้ายที่นำมาก่อนที่พม่าจะมีเรื่องราวขัดแย้งกับอังกฤษครั้งใหญ่ต่อมาเรื่อยๆ
จนกระทั่งฟางเส้นสุดท้ายของฝ่ายอังกฤษขาดลงเมื่อพม่าให้สัมปทานกับฝรั่งเศสซึ่งเป็นชาติคู่แข็ง แถมยังเรียกเอาค่าปรับจากอังกฤษอีกเป็นเงินจำนวนมหาศาล
รัฐบาลอังกฤษได้ส่งสัญญาณให้กองทัพเข้ามาบุกพม่า ซึ่งก็ปรากฏว่าอังกฤษผ่านเข้ามาได้อย่างสะดวกโยธินแทบจะเรียกว่าปราศจากการต่อต้านจนถึง เมืองหลวงมัณฑะเลย์ ทัพอังกฤษที่นำโดย นายพลแฮรี เพรนเดอกาสต์ จึงได้บุกเข้าไปถึงในพระราชวังที่ประทับของพระเจ้าสีป่อและพระนางศุภยาลัต
ก่อนจะมีคำสั่งให้ “สละพระราชสมบัติ” และเสด็จออกนอกประเทศ ซึ่งบัดนี้นายพลชาวต่างชาติได้มายืนอยู่ตรงหน้าพระพักตร์ของกษัตริย์และราชินีโดยที่ไม่ต้องกระทำตามราชประเพณีอีกต่อไป
อนิจจา ราชวงศ์พม่าที่เคยยิ่งใหญ่เป็นที่น่ายำเกรงของนานาประเทศน้อยใหญ่ มานับแต่สมัยพระเจ้าบุเรงนอง ถึงตอนนี้ด้วยความที่คนในชาติไม่รักกันก็พาให้แผ่นดินที่เคยเกรียงไกรต้องถึงแก่อวสานลงอย่างน่าเสียดาย
ทางอังกฤษได้มีคำสั่งให้พาเสด็จพระเจ้าแผ่นดินของพม่าออกไปนอกประเทศ โดยพาหนะที่นายพลเพรนเดอกาสต์จัดถวายนั้น ก็คือ เกวียนบรรทุกของที่เทียมด้วยโคหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นการตั้งใจหลู่พระเกียรติในแบบของผู้ชนะ โดยในระหว่างทางนั้นก็มีประชาชนชาวพม่ามายืนดูขบวนเสด็จที่น่าเศร้านี้กันอยู่ 2 ข้างทาง ถือเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ประชาชนของพระเจ้าสีป่อจะได้เห็นพระองค์หลังจากที่ทรงอยู่แต่ในพระราชวัง หลังจากนี้ไปมัณฑะเลย์ก็เป็นเพียงอดีตเมืองหลวงแห่งสุดท้ายของราชวงศ์พม่าเท่านั้น
ฝ่ายอังกฤษได้เตรียมเรือกลไฟไว้รอรับกษัตริย์และราชินีเพื่อที่จะส่งพระองค์ไปอยู่ที่ประเทศอินเดีย ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาเพียงชั่วข้ามคืนเท่านั้น แล้วดินแดนพม่าที่เก่าแก่มานับพันปีมีพระราชวงศ์ปกครองกันมาหลายชั่วคนก็ตกเป็น “เมืองขึ้น” ของประเทศอังกฤษอย่างสมบูรณ์
โดยเรื่องราวแห่งพระชนม์ชีพของพระเจ้าสีป่อกับนางศุภยาลัตต่อจากนั้นเป็นเรื่องราวที่น่าเศร้าใจ เพราะพระองค์ทรงอยู่กันอย่างเงียบๆ กับข้าราชบริพารเพียงไม่กี่คนในที่ประทับที่อังกฤษจัดให้พร้อมกับเงินปีที่ถวายเพียงไม่มาก และยังลดลงอีกเรื่อยๆ ในปีหลังๆ
ต่อมาไม่นานพระเจ้าสีป่อก็เสด็จสวรรคตในประเทศอินเดียนั้นเอง ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่ 6 ของไทยเรา ทิ้งอดีตพระมเหสีให้ใช้ชีวิตอยู่พระองค์เดียวอีกนานหลายปีก่อนที่อังกฤษจะอนุญาตให้พระนางกลับคืนสู่พม่าที่เมืองย่างกุ้ง
ในบั้นปลายแห่งพระชนม์ชีพของพระราชินีที่กุมชีวิตคนไว้ทั้งประเทศนั้น พระนางศุภยาลัตทรงอยู่อย่างเงียบเหงาโดยเลี้ยงสุนัขเป็นเพื่อนและพระอนามัยส่วนพระองค์ก็ไม่ค่อยดีนัก โดยว่ากันว่า ทรงเสียพระทนต์เกือบทั้งหมดก่อนที่จะสิ้นพระชนม์เมื่ออายุได้ 65 พรรษา เป็นอันสิ้นสุดกษัตริย์และราชินีองค์สุดท้ายแห่งพม่าอย่างแท้จริง
นพ.กฤษดา ศิรามพุช
ประธานสมาคม ตามไปตำหนินักกีฬา ถึงกับร้องไห้โฮ ในซีเกมส์ครั้งที่ 33
วิเคราะห์หวย AI น่าจะออกรางวัลงวด 16 ธันวาคม 2568
สถานทูตไทยทั่วโลก เปิด "สมรภูมิโซเชียล" ขย้ำ ฮุน เซน
หลวงพ่อใหญ่ วัดดังชลบุรี ให้โชค ชาวบ้านถูกหวยคนละ 50,000 บาท ก่อนปีใหม่
ประธานกรรมการสิทธิฯ เขมร เย้ยกองทัพไทย ต้องพึ่งเครื่องบินรบ ถ้าไม่มี F-16 ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้เขมร
จอมขมังเวทย์ฝั่งไทยเอาจริง! สู้ศึกอาคมเขมร..ประกอบพิธีใหญ่ ใส่ของไปไม่ยั้ง
โต้กลับ! "Tokyogurl" เคลื่อนไหวครั้งแรก ปฏิเสธข้อกล่าวหาโกงซีเกมส์ ยัน "ตื่นสนามจนแพนิก"
โดรนพลีชีพหลักแสนจากรัสเซีย แพ้ทาง “ตะข่ายหลักร้อย” ฝีมือไทย! ทหารรับจ้างในเขมรถึงกับอุทาน Amazing Thailand
ถ้า T-Rex ไม่ได้โหดแต่เป็น “ไก่ยักษ์ขนฟู” จะยังกลัวกันอยู่ไหม
อวสานตั๋วผี "ขายรถจำนำทอง" กว้านซื้อบัตรคอนเสิร์ต เจ๊งเหยียบ 1 ล้าน
สิ่งของที่ไม่ควรใส่ ไม่ควรซัก ในเครื่องซักผ้า
🎓 สาวเนิร์ดจากรั้วมหา'ลัยดังญี่ปุ่น สู่เส้นทาง AV เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังความต้องการ 'สุดโต่ง' 💥
หลนปูเค็ม
จอมขมังเวทย์ฝั่งไทยเอาจริง! สู้ศึกอาคมเขมร..ประกอบพิธีใหญ่ ใส่ของไปไม่ยั้ง
วงการอีสปอร์ตสะเทือน! “Drama-addict” จี้ฟ้องอาญา หลังโปรเพลเยอร์สาวไทยถูกตัดสิทธิ์เซ่นปมโกงซีเกมส์
โต้กลับ! "Tokyogurl" เคลื่อนไหวครั้งแรก ปฏิเสธข้อกล่าวหาโกงซีเกมส์ ยัน "ตื่นสนามจนแพนิก"
ถ้า T-Rex ไม่ได้โหดแต่เป็น “ไก่ยักษ์ขนฟู” จะยังกลัวกันอยู่ไหม
ถ้า T-Rex ไม่ได้โหดแต่เป็น “ไก่ยักษ์ขนฟู” จะยังกลัวกันอยู่ไหม
หนุ่มมาลีปีนตึก 4 ชั้นกลางปารีส เสี้ยววินาทีที่เปลี่ยนจากผู้อพยพไร้ตัวตน สู่ฮีโร่ของทั้งประเทศ
แพ้หมากรุกแค่ตาเดียว แต่คิดยาว 4 ชั่วโมงกลางฝน ผู้ชายเหอเป่ยที่สอนเราว่า “แพ้ได้ แต่อย่าแพ้แบบงง ๆ”
พุทธานุสสติในฐานะ "สุญญตาวิหาร" – ทางสู่ความสุขสงบในชีวิตประจำวัน (สร้างกับ เอไอ)


