หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

5 อารยธรรมสุดโหด ที่ถูกบันทึกลงบนหน้าประวัติศาสตร์

โพสท์โดย ตัวเดืยวอันเดืยว
วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ “5 อารยธรรมสุดโหด ที่ถูกบันทึกลงบนหน้าประวัติศาสตร์” กันครับ ซึ่งในสมัยก่อนที่ผู้คนนิยมทำสงครามกันนั้นก็เพื่อทำการขยายอาณาจักรของตน เองให้ยิ่งใหญ่ และสร้างความเจริญให้กับอารยธรรมของตนเอง ซึ่งเป็นการสู้รบที่โหดดุเดือดเลือดสาดมาก กว่าจะชนะสงครามและยึดเมืองของศัตรูได้ และเหล่าเชลยที่ถูกจับ ถ้าไม่ถูกนำมาใช้เป็นแรงงาน ก็ถูกฆ่าทิ้งเท่านั้น

เดอะเซลท์ (The Celts)

เนื่อง จากชนกลุ่มนี้มักจะมีปัญหากับชาวโรมันอยู่เสมอๆ ในประวัติศาสตร์ได้ทำการบันทึกไว้ว่า หากชนกลุ่มนี้รบชนะคู่ต่อสู้แล้วก็จะทำการตัดหัวของคู่ต่อสู้มาทำการประดับ บ้าน ทั้งในและนอกบ้าน เรียกกันว่าเข้าไปชนกลุ่มนี้เมื่อไหร่ ได้เห็นหัวคนห้อยระโยงรยางค์เต็มไปหมด ยิ่งบ้านไหนมีมากแสดงว่าเป็นบ้านของนักรบที่เก่งกาจ

ชาวแอซแทค (The Aztecs)

จาก การบันทึกทางประวัติศาสตร์ทำให้เราได้ทราบว่าวิธีกำจัดศัตรูของชาวแอซแทคว่า หฤโหดเกินจินตนาการแค่ไหน โดยวิธีการของเขาก็คือจะนำเอาศัตรูมาอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายก่อน จากนั้นก็จะนำเสื้อคลุมของเทพดวงอาทิตย์มาใส่ให้จากนั้นก็นำขึ้นไปบนหอคอย สูงประมาณสัก 30 เมตร แล้วก็ให้นักบวชชาวแอซแทคจับแขนขาไว้คนละข้างทำการยึดเอาไว้ จากนั้นก็จะมีนักบวชอีกคนค่อยๆ ใช้หินมีดผ่าเปิดหน้าอกช้าๆ (ศัตรูคงร้องและดิ้นร้นน่าดูเลย) แล้วจึงดึงหัวใจที่กำลังเต้นออกมาแล้วทำการชูไปที่ดวงอาทิตย์ พร้อมถีบศพทิ้งมาลงตามบันได้ ให้คนควักเอาตับ ไต ไส้พุง รวมถึงอวัยวะต่างๆ กินกันดิบๆ อย่างนั้นเลย

บางครั้งพวกนักบวชจะถลกหนังเหยื่อ และนำมา คลุมร่างไว้ราว 20 วันโดยไม่ทำการอาบน้ำเลย ซึ่งจากประวัติศาสตร์ที่ได้ทำการบันทึกไว้ ทำให้เราทราบว่ามีคนไม่ต่ำกว่า 20,000 คนที่ตายด้วยวิธีนี้ภายในเวลาเพียง 4 วัน

ชาวสปาตัน (The Spartans)

ใน ความจริงแล้ว ชนเผ่านี้นะ โหดกว่าที่ในภาพยนตร์แสดงเยอะเลย ฉากที่โยนเด็กทารกจากหน้าผานะ ในประวัติศาสตร์นะมีจริงนะครับ พวกเขาจะกำจัดเด็กที่บกพร่องทางร่างกาย (รูปร่างผิดปรกติและพิกลพิการ) ด้วยการโยนจากหน้าผา พวกที่อยู่นั้นพออายุ 7 ปี เด็กผู้ชายก็จะถูกพรากไปจากพ่อและแม่ ไปทำการฝึกเป็นนักรบ และทำการเคี่ยวโดยการให้รบกันเองจนเหลือสุดยอดนักรบ

ชาวอัสซีเรียน (Assyrians)

ชนกลุ่ม นี้มีอารยธรรมอยู่ประมาณ 3000 ปีก่อนคริสตกาล มีถิ่นฐานอยู่ในดินแดนทางตอนเหนือของเมโสโปเตเมีย แถบลุ่มแม่น้ำไทกรีส มีความเจริญสูงสุดในช่วง 745-626 B.C. เหล่านักรบของอัสซีเรียน ได้ชือว่ามีความสามารถในการรบอย่างน่ากลัวที่สุด โดยในการรบจะใช้กองทัพธนูเหล็กเป็นทัพหน้าตามด้วยกองพันทหารม้าและรถศึก นอกจากนี้พวกเขายังมีอาวุธที่สุด

มหัศจรรย์นั่นก็คือ เหล็ก (พวกอื่นยังใช้ทองแดงกับสำริดอยู่) ดังนั้นเมื่อปะทะอาวุธกัน จึงไม่ต้องคิดเลยว่าใครจะได้เปรียบ หลังจากการรบแล้วจะทำการเผา และทำการกวาดต้อนเชลยมารวมกันทำการสังหารหมู่ และนำหัวมาแขวนไว้ข่มขวัญศัตรู

จักรวรรดิมองโกล (Mongol Empire)

นี่ ละสุดยอดนักรบในตำนาน มหาโหด จนสุดโหด กล่าวได้ว่าหากเจงกิสข่านไม่ตายซะก่อนมีหวังโลกทั้งโลกได้อยู่ในอุ้งเท้าของ ชนกลุ่มนี้แน่ๆ นักรบกลุ่มนี้โหดแค่ไหน ดูจากชื่อเรียกที่ชาวยุโรปเรียกเอาก็แล้วกันครับ Tartar ซึ่งแปลว่าผู้มาจากทาทารัส ซึ่งคุณเจ้าทาทารัสนี่คือนรกที่ลึกที่สุดในตำนานของกรีก
คำนวณกันว่า ระหว่างที่ชาวมองโกลเผยแพร่อิทธพลอยู่นั้นมีคนเสียชีวิตไปไม่ต่ำกว่า 30 ล้านคน และทำให้ภายให้เวลาเพียง 50 ปี ประชาชนในประเทศจีนลดลงไปครึ่งหนึงทีเดียว (ภาษาชาวบ้านเรียกว่าตายกันแหลกราญ) สาเหตุที่คนตายกันแบบวินาศเช่นนี้เพราะชาวมองโกลมักจะทำการฆ่าแบบล้างเผ่า พันธุ์สำหรับชนเผ่าที่ไม่ยอมจำนน เพื่อสร้างความหวาดกลัวให้กับศัตรู

ในปี ค.ศ. 1346 กองทัพมองโกลเข้าโจมตีเมือง แคฟฟา ของอิตาลี กองทัพของมองโกลไม่สามารถตีเข้าเมืองได้ และในจังหวะนั้นได้เกิดมีกาฬโรคขึ้นในกองทัพมองโกล ไม่รุ้ไปได้แนวคิดสุดโหดมาจากไหน ขณะที่ทหารกำลังตายเป็นใบไม้ร่วง แทนที่จะนำศพไปฝังหรือเผา กับนำเอาศพเหล่านั้นแทนก้อนหินใส่เครื่องยิงเข้าไปในเมืองแคฟฟาทำให้คนใน เมืองแตกตื่นจนขวัญหนีเมื่อเป็นศพที่ถูกยิงเข้ามา และแน่นอนโรคนี้ก็เข้าไประบาดในเมือง จนคนล้มตายเป็นจำนวนมาก นี่อาจจะเป็นการใช้อาวุธเชื้อโรคครั้งแรกที่มีการบันทึกก็ได้

แต่ความ โหดของกองทัพนี้ยังไม่ได้หยุดแค่นี้ หลังจากตีเมืองแคฟฟาได้แล้วก็ลุยต่อไปข้างหน้าเพื่อโจมตีเกาะชิชิลี และยุโรปตะวันออก โดยใช้วิธีเดียวกันนี้ เล่นเอาในการรบคราวนี้มีคนล้มตายเพราะอาวุธเชื้อโรคชนิดนี้ไปน่าจะไม่ต่ำ กว่า 25 ล้านคน

 

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
44 VOTES (4/5 จาก 11 คน)
VOTED: พูดไปก็เท่านั้น, เทียร์, cutiebarbie, Marcus, ตี๋ หิด, หนูชอบแดกโคยยยยยยยย, Lovethailand
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เปิดวาร์ป ลิลลี่ อะทิตยา สาวหล่อจากเวทีมิสแกรนด์ ผู้มีฉายา "หนีเมียมาประกวด"อีกหนึ่งวิธีการนำ ปลาหมอคางดำ มาใช้ประโยชน์ ก็คือการนำมาทำเป็น น้ำหมักชีวภาพ นั่นเองแห่ถาม "หนุ่ม กรรชัย" ลาออกแล้วเปิดวาร์ป! "น้องโบว์ พัชรีย์" พี่เลี้ยงสุดน่ารักของ "น้องเอวา" เสือแบ๊วแห่งเชียงใหม่ลูกค้าสงสัย กดเครื่องดื่มไม่ใส่น้ำแข็งใน 7-11 ได้ไหม? ทำมาเป็น 10 ปี พนง.เพิ่งทักครั้งแรก!อุทยานแห่งชาติซีคัวญ่า ที่เราจะได้เห็นต้นไม้ขนาดยักษ์ ที่เป็นมรดกของโลกธรรมชาติ คนเรานี่ตัวเล็กไปเลยเน่อ...หน้าหนาวนี้...เที่ยวเลยไหม! ไปเลย เที่ยวที่ไหน ไปดูกันเพจดัง แฉ หนุ่มช่างสักหัวร้อนที่ต่อยลุงแท็กซี่วัย 70 จนกรามหักปิดตำนานไร่ชื่อดังที่วังน้ำเขียว ลานกางเต็นท์ยอดนิยมได้ประกาศหยุดดำเนินการแล้วผู้บริหารโรงเรียนดังโคราช ระดมทุนผ้าป่า สร้างลู่วิ่ง 1 ล้านบาท ใช้งานจริงได้เพียงวันเดียว เละความสวยงามของดอกไม้สีม่วงและความหมายดีๆ“ดมข้าว” ประกาศเลิกทำช่องยูทูปอย่างเป็นทางการ เพราะอยากโฟกัสที่ธุรกิจน้ำพริกมากขึ้น
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เปิดเผยเรื่องราวข้าราชการหญิงที่ขาดงานเนื่องจากหนีหนี้นอกระบบ โดยมีการตามติดจากเจ้าหนี้ถึง 4-5 ราย บางรายถึงขั้นด่าทอที่สำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เลยทีเดียวฉุนปีนเกลียว ยิงดับคาโต๊ะเปิดวาร์ป! "น้องโบว์ พัชรีย์" พี่เลี้ยงสุดน่ารักของ "น้องเอวา" เสือแบ๊วแห่งเชียงใหม่เพจดัง แฉ หนุ่มช่างสักหัวร้อนที่ต่อยลุงแท็กซี่วัย 70 จนกรามหัก(เคล็ดลับทอดเฟรนช์ฟรายส์ให้อร่อยเหมือนร้าน) รวมไปถึงประโยชน์และโทษในการรับประทาน“ดมข้าว” ประกาศเลิกทำช่องยูทูปอย่างเป็นทางการ เพราะอยากโฟกัสที่ธุรกิจน้ำพริกมากขึ้น
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
ความสวยงามของดอกไม้สีม่วงและความหมายดีๆ5 เรื่องลึกลับที่ยังหาคำตอบไม่ได้!dominate: ครอบงำลดโซเดียมง่ายๆ แบบมือโปร สุขภาพดี ห่างไกลบวม!
ตั้งกระทู้ใหม่