วันนี้คุณกินทุเรียนนกกระจิบของดีเมืองนนท์ หรือยัง อร่อยไหม
เมื่อ กล่าวถึงทุเรียนคนส่วนใหญ่จะนึกถึงชื่อ หมอนทอง,ก้านยาว และชะนี เป็นอันดับแรก แต่จริงๆแล้วพันธุ์ของทุเรียนในไทยนั้นมีอยู่มากมาย ดั่งได้ปรากฏอยู่ใน กาพย์ยานี11 ของ น้อย อาจารยางกูร ซึ่งได้มีการกล่าวถึงทุเรียน "นกกระจิบ" ด้วย
"ทุเรียน นกกระจิบ”
เป็นทุเรียนพันธุ์เก่าแก่ดั้งเดิมของจังหวัดนนทบุรีคนในสมัยก่อนนิยมรับ ประทานทุเรียนพันธุ์นี้กันแพร่หลายเพราะมีรสชาติดีเนื้อในเมื่อสุกเป็นสี เหลืองอ่อน มีกลิ่นหอม ไม่แฉะหรือเละ รสหวานปนมัน เนื้อขณะยังห่ามๆ จะกรอบและหวานมันเมล็ดลีบ ให้เนื้อเยอะ ผลผลิตจะออกก่อนและหมดก่อนทุเรียนพันธุ์อื่น
แต่เมื่อชาวสวนหันมาปลูกทุเรียนเป็นธุรกิจมากขึ้นทุเรียนพันธุ์อื่น เช่น หมอนทอง หรือ ก้านยาว เพราะสามารถขายได้ราคาดีรวมทั้งลูกใหญ่เวลาชั่งได้น้ำหนักเยอะจึงทำให้ ทุเรียนโบราณรวมถึงทุเรียนนกกระจิบก็ค่อยๆหายไปจากสวนทุเรียนไทย จะมีเหลืออยู่บ้างในบางสวน แต่ก็น้อยเต็มที จนกระทั่งสวนคุณไพบูลย์ได้นำทุเรียนนกกระจิบมาปลูกเพื่อเชิงธุรกิจอีกครั้ง
สวนคุณไพบูลย์ปลูกทุเรียนนกกระจิบได้อย่างไร?
นับ ย้อนไปเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว คุณไพบูลย์ได้ไปขอกิ่งพันธุ์จากเพื่อนบ้านมา 1 กิ่ง เพราะเห็นว่ารสชาติอร่อย ลูกเล็กแต่เนื้อเยอะ จึงเอามาขยายพันธุ์ เพื่อจะปลูกเป็นธุรกิจ แต่ช่วงนั้น ผู้บริโภคนิยมรับประทาน ทุเรียนหมอนทองมากกว่าและสวนทุเรียนส่วนใหญ่จะนิยมปลูกหมอนทองเพราะขายได้ ราคา ลูกใหญ่น้ำหนักเยอะ การขายส่งแม่ค้าคนกลางจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับในตอนนั้น โดยขายใน กก.ละ 15 บาท จนเมื่อปี 2546 ทางสวนเห็นว่าทุเรียนนกกระจิบนั้นสามารถแข่งขันกับทุเรียนพันธุ์อื่นๆได้จึง มีแนวคิดทำการตลาดใหม่ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทุเรียนนกกระจิบ เราจึงนำสินค้าของสวนไปขายที่ห้าง เสรีเซ็นเตอร์ โดย ทุเรียนนกกระจิบสามารถขายได้ถึง กก. ละ 120 บาท และผลไม่อื่นๆของสวนก็ขายดีเช่นกัน จนกระทั่งปัจจุบันสวนคุณไพบูลย์เปิดเป็นท่องเที่ยวเชิงเกษตร ขายที่สวนราคาจึงคงเอาไว้ที่ กก. ละ 150 บาท
แกะออกมาก็ได้ 2 เม็ด
เรากินกันคนละ 1 ลูกก็อิ่มแล้ว แต่ถ้าใครจะทานบุฟเฟ่ต์ ทางสวนจะจัดพื้นที่ไว้อีกด้านนึง
รสชาติทุเรียนนกกระจิบ โดยความคิดส่วนตัวนะ คิดว่ามันอร่อยมากเลย ก็เลยซื้อกลับบ้านมาอีก 9 ลูก
ถ้ามีเวลา หรือแวะผ่านไปแถวนั้น ก็ลองไปชิมกันดูนะ
สามารถเดินเล่นในสวนได้ ไปดูต้นเป็นๆ ของทุเรียนนกกระจิบได้