วิธีเอาชนะคนปากมาก
ที่ซ่องโจรแห่งหนึ่ง
" พวกแกมีธุระอะไรรีบว่ามา " นายโจรทักทายด้วยเสียงอันห้าว พลางจ้องสายตาไปที่ใบหน้าของผู้ที่เป็นหัวหน้าคณะสุราบาน ซึ่งขอเข้าพบเขา
" นายโจร พวกข้าเป็นนักดื่มเจ้าสำราญ และเราชอบค้นคว้าเกี่ยวกับปรัชญา " หัวหน้าคณะสุราบานกล่าว!
" แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า ? พวกโจรอย่างข้าไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับนักปรัชญา นอกจากการกินเหล้า แล้วก็ปล้นฆ่าตามแบบฉบับของโจรเท่านั้น "
" แต่เรามีข้อสงสัยบางอย่าง "
" เกี่ยวกับข้ารึ ? "
"ถูกแล้ว"
"โธ่เอ๋ยเพื่อนยาก! ทางใคร ๆ เดิน ทำไมอยู่ดี ๆ ไม่ชอบ เกิดมาสงสัยเรื่องของโจร คนชะตาขาดมักจะเป็นอย่างนี้เสมอ" จอมโจรรู้สึกไม่พอใจนิด ๆ
"ไหนมาแล้วแกลองว่ามาซิ สงสัยอะไร ?"
"คือว่า เวลานี้พวกเรากำลังค้นคว้าดูว่า ในโลกนี้ใครเป็นคนที่น่ากลัวที่สุด ทีแรกเราลงความเห็นกันว่า คนที่น่ากลัวที่สุดคือพระเจ้าแผ่นดิน เพราะพระเจ้าแผ่นดินเป็นผู้ทรงไว้ซึ่งพระราชอาญา หากผู้ใดไปกระทำล่วงเกินเข้า อาจต้องโทษถึงประหารชีวิต"
"แล้วยังไง"
"แต่ครั้นพวกเราไปเฝ้าพระเจ้าอยู่หัว ได้กราบทูลถามเรื่องนี้ ความกลับเป็นไปตามที่คาดหมาย"
"พระเจ้าแผ่นดิน รับสั่งว่าอย่างไร ?"
"พระองค์ตรัสว่า พระเจ้าแผ่นดินทั้งปวงกลัวคนอยู่พวกหนึ่ง คือพวกนักรบ ทรงอธิบายว่า พวกนักรบคือคนหมู่มากที่มีอาวุธในมือ หากนักรบไม่มีวินัยเสียแล้ว ราชสมบัติก็อาจตกไปเป็นของผู้อื่นได้ง่าย"
"ก็ถูกแล้วนี่ แล้วยังไงต่อไป ?" นายโจรชักสนใจกับการค้นคว้าของคณะสุราบาน
"จากนั้น พวกเราได้ไปหาท่านแม่ทัพ ซึ่งเป็นหัวหน้านักรบ ได้ถามท่านว่า ท่านเป็นถึงแม่ทัพ มีกำลังนักรบอยู่ในมือ ใคร ๆ ก็กลัวท่าน อยากทราบว่า พวกนักรบเองยังรู้สึกกลัวใครอยู่หรือไม่ ?"
"แล้วแม่ทัพเขาว่าอย่างไร ?"
"ท่านแม่ทัพบอกว่า ในเชิงรบตามแบบของทหารแล้ว ท่านไม่กลัวใคร เพราะทหารเป็นคนสละแล้วแม้กระทั่งชีวิต และการรบตามชั้นเชิงของทหารนั้น เรารบกันภายในขอบเขตยุทธวินัย แต่มีคนอยู่พวกหนึ่ง ซึ่งทหารรู้สึกหวั่นเกรง คือพวกโจร เพราะพวกโจรเป็นนักสู้ที่ไม่มีวินัย ชอบทำร้ายลับหลัง จึงยากแก่การปราบปรามยิ่งกว่ากองทหารข้าศึก
"อ๋อแน่ละซิ ก็เพราะเราชอบใช้อาวุธ แต่ไม่ชอบรักษาวินัยนี่แหละ เขาจึงเรียกเราว่าโจร แล้วเมื่อข้าฯ เป็นโจรมันเกี่ยวอะไรกับพวกแก นั่นมันเรื่องของข้าฯ"
"ช้าก่อนนายโจร ที่พวกเรามาหาท่านวันนี้ เราอยากจะขอความรู้นิดเดียวว่า ท่านเป็นถึงนายโจรอย่างนี้แล้ว ขอโทษเถอะ ยังรู้สึกกลัวใครอยู่อีกหรือเปล่า ?"
" เรื่องสู้กับคนแล้วข้าฯ ไม่เคยถอย เดี๋ยวนี้ก็ยังได้! ขืนกลัวคนมันก็ไม่ใช่โจรซิว๊ะ! "
"หมายความว่า บนพื้นพิภพนี้ นายโจรไม่เคยกลัวใครกระนั้นหรือ ?"
"ถูกแล้ว-แต่ประเดี๋ยวก่อน คนที่ข้าฯ กลัวก็ยังมีอยู่เหมือนกัน คนผู้นั้น คือเมียของข้าฯเอง "
"เมีย ! เมียนายโจรเองน่ะรึ ? "
"ถูกแล้ว"
"แกคงเก่งในเชิงดาบ แล้วก็แม่นปืนด้วยซินะ "
"เก่งแก่งอะไรกัน ที่ข้าฯ กลัวก็เพราะแกเป็นคนปากมาก ขี้บ่น โจรอย่างเราไม่เคยกลัวคนถืออาวุธ แต่เรากลัวคนปากมาก"
"คณะสุราบานยังมีความสงสัยอยู่ว่า เมื่อกษัตริย์กลัวนักรบ นักรบกลัวโจร และโจรยังกลัวคนปากมาก แล้วคนปากมากจะกลัวใครอยู่อีกหรือไม่ จึงไปหานางเมียโจร แล้วถามว่า"
"คุณน้า นายโจรแกเป็นคนกักขละและกล้าหาญออกอย่างนั้น แต่แกก็ยังกลัวคุณน้า เพราะเหตุที่เป็นคนปากมาก ขี้บ่น ขี้ด่า ลงได้ว่าใครแล้วยุติไม่ลง จนแม้แต่นายโจรยังกลัว พวกฉันขอถามหน่อยเถอะว่า คนปากมากอย่างคุณน้านี่ ยังรู้สึกว่าเกรงกลัวใครอีกบ้างหรือเปล่า ?"
"ไอ้เรื่องประคารมกันแล้ว ฉันไม่เคยกลัวใครเลย ใครแหลมเข้ามาซิ แม่จะตอกให้หน้าหงายเชียว!"
"ถ้าเช่นนั้นก็หมายความว่า คนกล้าที่สุดในโลกคือคนปากมากนี่เอง ?"
"ก็ไม่เชิง คนที่คนปากมากกลัวก็ยังมี"
" ขอโทษ ใครกันครับ ?"
" คนนิ่งยังไงล่ะ! คนปากมากทุกรายกลัวคนนิ่ง "
"อ้าว.......!"
"จริง ๆ บอกไม่เชื่อ คนขี้บ่น ขี้จู้จี้นั้น ยิ่งฝ่ายหนึ่งพยายามโต้ตอบเท่าไร ยิ่งได้ใจ" ถ้อยคำที่ฝ่ายโต้ตอบนั้น ไม่ผิดอะไรกับเอาพัด ๆ เตาไฟ ยิ่งพัดก็ยิ่งโพลง แต่ถ้าคนปากมากไปเจอเอาคนนิ่งเข้า เขาจะรู้สึกหงอยเหงา งุนงงอย่างบอกไม่ถูก ว่าเท่าไรก็ไม่รู้จักตอบ บางรายถึงกับตะโกนออกมาเฉย ๆ ว่า "พูดมาซี้ ! - แนะ ยังไม่พูดอีก ! อย่างนี้ก็มี"
"พวกสุราบานจำเป็นต้องเตร่เข้าวัด ไปถามพระอาจารย์กัมมัฏฐานดูว่า พระคุณเจ้าบำเพ็ญตัวเป็นคนนิ่ง อยากทราบว่า คนนิ่งนั้นยังกลัวผู้ใดอยู่บ้างหรือไม่ ?" ก็ได้คำตอบว่า
"คนนิ่งไม่จำเป็นต้องกลัวใคร การนิ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ยากสำหรับคนขี้บ่น"
"เพราะฉะนั้น คนขี้บ่นทุกคนจึงกลัวคนนิ่ง จำไว้เถอะ การนิ่งเป็นทางลัดไปสู่ความสงบ และเป็นวิธีเอาชนะมรสุมปากของคนได้อย่างง่ายดาย เพราะฉะนั้น หากท่านเองตกอยู่ในมรสุมปากของคนแล้ว อย่าลืมเสกคาถา ใส่กุญแจปากของเขา คือนึกในใจว่า "ตสฺมา ตุณฺหิ - เรานิ่งดีกว่า"