โรคใหม่!! หลงตัวเอง คิดว่า (ตัว)เล็กเกินไป
จากการวิจัยครั้งใหม่พบว่า ผู้ชายอังกฤษ 1 ใน 10 คน ที่ชอบหมกมุ่น-คลุกตัวอยู่กับการออกกำลังและการเพาะกายในยิมทุกวัน มีโอกาสเสี่ยงป่วยเป็นโรค Bigorexia หรือ โรคที่ไม่พอใจในรูปร่างของตัวเอง โดยมักจะคิดเป็นตุเป็นตะไปเองว่า ตัวเองมีรูปร่างเล็ก กล้ามไม่ใหญ่ ไม่กำยำ ไม่แข็งแรง ทั้งที่จริงแล้วตัวเองมีรูปร่างที่ล้ำสัน กำยำ สมส่วนดีอยู่แล้ว ซึ่งอาการแบบนี้ทำให้ผู้ป่วยมีอาการซึมเศร้า ทุกข์ เครียด จนบางครั้งนำไปสู่การใช้สารสเตียรอยด์ เพื่อเพิ่มขนาดของกล้ามเนื้อในแบบผิดๆ หรือในบางเคสอาจถึงขั้นฆ่าตัวตายได้
ประธานมูลนิธิเพื่อลูกลงผิดว่ามีรูปร่างผิดปกติ (Body Dysmorphic Disorder – BDD) นายร๊อบ วิลสัน เผยว่า โรคดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะคุณผู้ชายหลายๆ คนมักจะชอบตีกรอบ หรือคิดจินตนาการว่าตนจะต้องมีรูปร่างแบบนั้นแบบนี้เท่านั้น ถึงจะดูเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ ที่แข็งแรง กำยำ นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้ผู้ชายเหล่านั้นเกิดแรงกดดัน เพราะอยากมีหุ่นสวย กล้ามใหญ่ มีซิกแพ็ค และหุ่นแบบตัววี ไม่เพียงเท่านี้วิลสันยังบอกอีกว่า กลุ่มคนที่มีอดีตหรือความหลังในวัยเด็ก ที่เคยถูกกันแกล้ง รังแก ก็มีแนวโน้มที่จะป่วยเป็นโรคนี้เช่นกัน ...เพราะอดีตที่ฝังใจ
จากคลิปวิดีโอข้างบนนี้ นายประทีป บาลา ชายหนุ่มวัย 25 ปี ที่แพทย์ได้วินิจฉัยว่าเขาป่วยเป็นโรคไบกอร์เร็กเซีย โดยอ้างว่า นายบาลาเกิดความไม่พอใจในรูปร่างของตัวเอง ทุกๆเช้าเขามักจะมายืนส่องกระจก และติเตียนรูปร่างของตัวเองตลอดเวลา บ้างบอกว่าหลังเขายังเล็กไป แบน ไม่สวย ต้องใหญ่และโหนกนูนกว่านี้ หน้าท้องก็ไม่สวย กล้ามไม่เป็นระเบีย แขนดูเรียบเล็กไป ดูไม่เข้าพวกกับลำตัว ทำให้เขาต้องออกกำลังกายและควบคุมอาหารอย่างหนักเพื่อตอบสนองความต้องการที่เขาอยากจะเป็น
ส่วนทางด้านของอีกหนุ่ม นายอดัม ทริซ จากชีพลีย์ เวสตา ยอร์คเชียร์ วัย 31 ปี นักเพาะกายมือสมัครเล่น บอกว่าเขามักจะใช้เวลาส่วนใหญ่หมกมุ่นไปกับการออกกำลังและเพาะกาย และหลงผิด เลือกใช้สารสเตียรอยด์ในการเพิ่มขนาดของกล้ามเนื้อ จนทำให้เขาต้องสูญเสียทุกสิ่ง ทั้งงาน บ้าน และคนรัก ทริซบอกว่า เขารู้สึกโดดเดี่ยว เครียด หดหู่ จนเกือบจะฆ่าตัวตายหลายครั้ง ซึ่งในปัจจุบันตัวเขาได้เข้ารับการบำบัดและการรักษากับทางโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งตัวเขาเองรู้สึกดีมากขึ้น หลังเข้ารับการบำบัด จนตอนนี้ทำให้เขารูสึกภูมิใจและรักตัวเองมากขึ้น
สาเหตุของโรค “ไบกอร์เร็กเซีย”
- การแพทย์ยังไม่ทราบสาเหตุที่มาอย่างแน่ชัด
- อาจเกิดจากสารเคมีบางตัวในสมองบวกกับปัญหาในวัยเด็ก
- ปัจจัยเสี่ยงภายนอก อาทิเช่น สื่อภาพยนตร์ ดารานักร้อง นายแบบ อาจเป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้หลายหลายคนมีแรงผลักดัน
- เกิดจากความผิดปกติทางความคิด
10 สัญญาณเตือน ของโรค “ไบกอร์เร็กเซีย”
- คลั่งไคล้ในการออกกำลังที่ยิม
- ย้ำคิดย้ำทำ Work Out บ่อยๆ
- การใช้สารสเตียรอยด์ เร่งกล้ามเนื้อ
- ชอบส่องกระจกเป็นเวลานานๆ
- รับประทานอาหารเสริมจำพวกโปรตีนในปริมาณมากเกินไป
- ขี้หงุดหงิด ขี้โมโห
- ซึมเศร้า บ้าคลั่ง
- จะรู้สึกกังวลหากไม่ได้ออกกำลังกาย
- ฟิตหนัก จนทำให้กล้ามเนื้อได้รับความบาดเจ็บ
- ให้ความสำคัญในการออกกำลังกาย มากกว่า ครอบครัวและชีวิตทางสังคม
โรคไบกอร์เร็กเซีย (Bigorexia) หรือ มัสเซิล ดิสมอร์เฟีย (Muscle Dysmorphia) โรคเสพติดกล้ามเนื้อใหญ่ของผู้ชาย หรือโรคที่คิดว่าตัวเองตัวเล็กเกินไป ไม่กำยำ ล่ำสัน ไม่แข็งแรง ไม่มีกล้ามเนื้อมากพอ ทั้งที่ความจริงแล้วร่างกายของตัวเองก็ใหญ่ สมส่วนดีอยู่แล้ว พวกนี้จัดเป็นโรคจิตชนิดหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มของโรคจิตที่เกิดจากความไม่พึงพอใจในรูปร่างของตัวเองซึ่งมักจะเกิดขึ้นในผู้ชายวัยรุ่นหรือวัยกลางคน
อาการเหล่านี้มักถูกเรียกว่าเป็นโรค Anorexic แบบกลับด้าน หลายคนคงงงว่าทำไมถึงเรียก “แบบกลับด้าน” เพราะมีโรคชนิดอีกหนึ่ง ที่ผู้ป่วยมักจะมองว่าตัวเองอ้วนตลอดเวลา ทั้งๆ ที่ผอม อยากผอมอีก ซึ่งโรคนี้มักเกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย แต่ผู้ป่วยโรคไบกอร์เร็กเซีย มักจะคิดว่าตัวเองมีรูปร่างเล็ก ผอมเกินไป กล้ามเนื้อน้อย เลยพยายามหาทางทำให้มันใหญ่ขึ้น ซึ่งจริงๆแล้วโรคเหล่านี้สามารถเกิดได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักไม่กล้าออกมายอมรับและเปิดเผยตัว