"Elon Musk" เป็นเศรษฐีหนุ่มสุดอัจฉริยะ โดยเขาสามารถคิดค้นและสร้างเทคโนโลยีสุดล้ำมากมายจนผู้กำกับนำเรื่องราวชีวิตของเขาไปเป็นต้นแบบในการสร้างหนังเรื่อง "ไอรอนแมน"
โดย "Elon Musk" เป็นลูกครึ่งที่มีแม่เป็นนักโภชนาการชาวแคนาดา ส่วนพ่อเป็นวิศวกรชาวแอฟริกาใต้ในปี 1971 ซึ่งเป็นยุคที่มีการแบ่งแยกสีผิวอย่างรุนแรง
ตอนที่เขาเป็นเด็กเขาชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ และมีความสนใจในคอมพิวเตอร์ รวมถึงซอฟต์แวร์เป็นอย่างมาก จนถึงขั้นพัฒนาซอฟต์แวร์ให้ออกมาเป็นเกมส์เกี่ยวกับอวกาศชื่อ Blastar และสามารถขายมันได้ในราคา 500 เหรียญด้วยอายุเพียง 12 ขวบเท่านั้น
เมื่ออายุ 17 ปี เขาได้ย้ายออกจากแอฟริกาใต้ไปเรียนต่อปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยที่แคนาดาพร้อมกันถึง 2 สาขาคือ เศรษฐศาสตร์ และฟิสิกส์ ที่ University of Pennsylvania และเมื่อเขาอายุ 24 ปีก็สามารถเข้าเรียนในระดับด็อกเตอร์ได้ แต่หลังจากนั้น 2 ปีเขาก็ลาออก
เขาเริ่มหันมาทำธุรกิจเป็นของตัวเอง โดยการสร้างซอฟต์แวร์สิ่งพิมออนไลน์ชื่อ Zip2 และสามารถขายได้ในราคาสูงถึง 307 ล้านเหรียญ (10,745 ล้านบาท) ด้วยอายุเพียง 28 ปีเท่านั้น
หลังจากนั้นเขาก็หันมาก่อตั้ง X.com ซึ่งเป็นระบบการเงินออนไลน์ และการชำระเงินผ่านอีเมล์ที่เป็นต้นแบบของระบบชำระเงิน Pay-pal และทำการขายมันไปให้กับอีเบย์ในราคา 165 ล้านเหรียญ (5,775 ล้านบาท)
และเมื่อเขาอายุ 30 ปี เขาก็เริ่มก่อตั้งโครงการท่องอวกาศ SpaceX เพราะมีเป้าหมายที่จะตั้งรกรากบนดาวอังคาร แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ได้ตั้งบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Tesla รวมถึงเป็นประธาน SolarCity บริษัทติดตั้งแผงโซลาร์ที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา
โดยเขาเป็นเจ้าของธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า จรวดอวกาศ แผงโซลาร์เซลล์ และมีทรัพย์สินมากถึง 2.69 แสนล้านบาทเลยทีเดียว ทั้งยังก่อตั้งองค์กรการกุศล Musk Foundation เพื่อส่งเสริมการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ การดูแลสุขภาพเด็ก รวมถึงพลังงานสะอาดอีกด้วย
แต่ด้วยความที่เขาทุ่มเทเวลาให้กับวานมากถึง 100 ชั่วโมง/สัปดาห์ ทำให้เขาไม่มีเวลาให้ครอบครัวจนต้องหย่าร้างกับภรรยาถึง 2 คน แต่ก็ยังมีลูกๆ อีก 5 คนที่พร้อมจะเดินตามรอยเขา
ด้วยความเป็นอัจฉริยะทางเทคโนโลยีทำให้ Jon Favreau ผู้กำกับหนัง Ironman ถึงกับประกาศให้โลกรู้เลยว่า Elon Musk เป็นต้นแบบของ Tony Stark พระเอกของเรื่อง Ironman นั่นเอง ทั้งยังเชิญ Elon Musk มาร่วมเข้าฉากในหนังเรื่อง Ironman อีกด้วย
ข้อมูลและภาพประกอบจาก