ทำอย่างไรเมื่อบ้านมี ผี!! 7 วิธีนี้ อาจช่วยคุณได้
ถ้าหากคุณลงทุนซื้อ “บ้าน” ซักหลัง ไม่ว่าจะเพื่ออยู่อาศัย หรือ ลงทุน คงไม่ดีแน่ถ้าหากบ้านหลังนั้นจะไม่เป็นของคุณแต่เพียงผู้เดียว แต่กลับมี ใครที่ไม่รู้จักมาร่วม เป็นเจ้าเข้าเจ้าของด้วย มิหนำซ้ำคงแย่ไม่ใช่น้อย ถ้าเขา ไม่ใช่ คน!!
ในการซื้อ “บ้านเก่า” หรือ “บ้านมือสอง” มีบางครั้งที่บ้านที่เราซื้อ อาจจะเจอกับเรื่องเล่าหรือประวัติการมีคนตายมาก่อน หรือที่เรียกกันว่า “บ้านผีสิง” บางครั้ง บ้านประเภทนี้ก็มีราคาถูกจนยั่วยวนใจ และหากคุณเป็นนักลงทุนที่ต้องการของถูก บางทีโอกาสแบบนี้ก็เป็นโอกาสที่ไม่เลว แต่ก็ควรสืบประวัติให้ละเอียดและแน่ชัดซะ ก่อนว่าเจ้าของเดิมนั้นขายบ้าน หรือย้ายออกไปด้วยสาเหตุอะไร เพราะหากคนที่ซื้อต่อเรา หรือคนที่มาเช่า มีความเชื่อหรือมีสัมผัสในเรื่องนี้ คงไม่ยอมให้ราคาที่ดีกับเราแน่ๆ และเราควรหลีกเลี่ยงการซื้อบ้านที่อยู่อย่างโดดเดี่ยว ไร้เพื่อนบ้าน บรรยากาศน่าวังเวง อยู่ใกล้ วัด ศาลเจ้า สุสาน ป่าฃ้า เพราะบ้านแบบนี้ ถึงแม้บางครั้ง จะไม่มีผีจริงๆ แต่ก็สุ่มเสี่ยงต่อการถูกสารพัดเรื่องเล่าต่างๆนาๆ จนสุดท้ายกลางเป็น “บ้านผีสิง” ไปได้เหมือนกัน
แต่หากใครเผลอซื้อหรือลงทุนบ้านที่มีผีสิงเข้าไปแล้วหล่ะก็ 7 วิธี นี้คงช่วยได้ไม่มากก็น้อย
⇒ 1.ปรับปรุงแก้ไขสภาพแวดล้อมของบ้านใหม่ อย่างที่กล่าวไปข้างต้น บางครั้ง “บ้านผีสิง” ก็ไม่มีผีอยู่จริง แต่เกิดจาก จินตนาการ และการเล่ากันปากต่อปาก บางครั้งบรรยากาศของบ้านที่อึมครึม หรือมืดทึบ จนเกินไปอาจทำให้เกิดจินตนาการที่แย่ๆได้ ทางแก้คือ เราอาจจะต้องรื้อบางส่วนของบ้านที่ดูเก่าทิ้งไป ตัดต้นไม้จัดวางต้นไม้อย่าให้รกหรือบังแสงที่จะเข้าสู่ตัวบ้าน เจาะช่องแสง เพิ่มหน้าต่างประตูให้แสงเข้า ทำการติดไฟเพื่อไม่ให้บ้านมืดเกินไปในตอนกลางคืน แค่นี้บ้านเราก็คงจะหมดเรื่องเล่าขานเรื่องผี ไปได้บ้าง
⇒2.จัดทำบุญขึ้นบ้านใหม่และทำห้องพระหรือหิ้งพระในบ้าน ตามความเชื่อของคนไทยการทำบุญขึ้นบ้านใหม่เป็นการนำสิริมงคลมาสู่ผู้อยู่อาศัย ป้องกันอันตรายหรือ สิ่งไม่ดีที่จะเข้ามารบกวนผู้อยู่อาศัยได้ และจากความเชื่อทั่วไปที่ว่า ผี นั้นกลัว พระ ฉนั้น ห้องพระ หรือ หิ้งพระในบ้าน ก็เป็นเหมือนเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจที่จะทำ ให้คนที่อยู่อาศัยอุ่นใจขึ้นได้ว่า มีพระคอยคุ้มครอง และผีร้ายจะไม่มีหลอกหลอนคนในบ้าน
⇒ 3.จัดตั้งศาลพระภูมิ คนไทยสมัยก่อนเชื่อว่า ผีนั้นก็มีอยู่หลายชั้นวรรณะ และศาลพระภูมิก็มีไว้เพื่ออัญเชิญ วิญญาณชั้นสูง หรือ เทวดา เทพารักษ์ มาเพื่อปกปักรักษา อาณาเขต บริเวณ ของเจ้าของบ้าน ให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขไม่มีสิ่งใดมารบกวนทำร้ายเจ้าของบ้าน แต่การตั้งศาลพระภูมินั้น ก็มีรายละเอียดที่ควรต้องคำนึงอยู่ หลายประการ เช่น ทำเล ทิศทาง ฤกษ์ หรือ สิ่งของที่จะนำมาบูชา เป็นต้น ดังนั้น ถ้าจะนำมาตั้ง ควรศึกษาให้ดีๆด้วย ไม่เช่นนั้น วิธีนี้ อาจจะทำให้บ้านเราแย่ลงได้ เช่นกัน
⇒ 4.จัดตั้งหอเจ้าที่หรือผีอารักษ์ บางครั้งคนกับผีก็อาจอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขได้ วิธีนี้ เป็นการจัดตั้งที่อยู่ใก้กับวิญญาณในบ้านเราให้อยู่เป็นที่เป็นทาง อีกทั้งหากเราให้ความเคารพและบูชา หอเจ้าที่ตามสมควรแล้ว วิญญาณเหล่านี้เอง จะช่วยปกปักรักษาอาณาเขตของเจ้าของบ้านและขับไล่โจรหรือขโมยที่คิดจะมาปล้นบ้านเราได้ ถือเป็นการเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสที่หลายคนทำได้ผลมาแล้ว
⇒ 5.ขับไล่ผีออกจากบ้าน หากผีกับเราอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขไม่ได้ สุดท้ายก็คงต้องหาวิธีไล่ออกไป อาจใช้ยันต์โป๊ยข่วย(เสือคาบดาบ) ของจีน หรือ ยันต์ของท้าวเวสสุวรรณ์ ของไทย มาติดไว้เหนือประตูบ้าน แต่อย่าหันไปยังบ้านหลังอื่นหล่ะ เพราะจะถือเป็นการก่อศัตรู หรือเราอาจใช้ฮู้ หรือ ผ้ายันต์ล้างป่าช้า มาติดไว้ตรงจุดที่วิญญาณสิงอยู่ได้ ฮู้หรือยันต์ล้างป่าช้าเป็นเครื่องรางที่จะทำขึ้นใช้เฉพาะในงานล้างป่าช้าศพไร้ญาติ ซึ่งหากเราไปทำบุญบริจาคโลงศพหรือบริจาคเครื่องไทยทาน เราสามารถขอฮู้หรือยันต์ล้างป่าช้า จากทางมูลนิธิฯ ได้
⇒ 6.กำจัดที่สิงสถิตของผี นั่นก็คือขนย้ายเฟอร์นิเจอร์เก่าๆออกจากบ้านไป หรือรื้อห้องบางห้องทิ้ง หรือถ้าบ้านเก่ามากก็รื้อบ้านทั้งหลังทิ้งแล้วสร้างใหม่ อาจจะคุ้มค่ากว่า ถ้าหากที่ดินที่ตั้งของบ้านนั้นดีจริงๆ เพราะปกติ ผีจะสิงสถิตอยู่กับสิ่งของ หรือตัวบ้านที่เก่า การกำจัดสิ่งของที่ผีสิงสถิตอยู่จึงเป็นการกำจัดผีออกไปที่ได้ผลอีกวิธีหนึ่งเช่นกัน
⇒ 7.ขายบ้านทิ้ง สุดท้ายหากผีนั้นเฮี้ยนจริง และทำอย่างไรก็ไม่ยอมไป กลยุทธสุดท้ายที่จะสามารถทำได้ก็คือ การนำตัวเราออกจากบ้านซะเอง หรือก็คือ ขายบ้านนั้นเสียในราคาถูก หรืออาจขายให้กับคนที่ต้องการที่ดินไปสร้างอย่างอื่น ที่ผีไม่สามารถมารบกวนได้ แต่ถ้าสุดท้ายแล้ว วิธีนี้ยังไม่ได้ผล คุณเองอาจจะต้องไปทำบุญเยอะๆ หรือ ปรึกษาคุณริวจิตสัมผัสแล้วหล่ะ เพราะแสดงว่าวิญญาณนั้นไม่ได้สถิตอยู่กับบ้าน แต่อาจจะอยู่ข้างหลังคุณ ก็.. เป็น.. ได้…
ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.firstpropertythailand.com
รูปภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต