อาชีพขับจักรยานยนต์รับจ้างไม่ได้ทำให้ณัฐพัฒน์ บุญผ่อง หรือน้าหมอน หัวหน้าวินซอยอ่อนนุช 49 มีรายได้มากนัก แต่จากการเห็นผู้สูงอายุซึ่งมักมีปัญหาสุขภาพ มีความไม่สะดวกในการเดินทางไปทำธุระ เขาจึงเกลี้ยกล่อมสมาชิกวินให้บริการคนชราฟรี ทีแรกคนในวินก็ไม่เห็นด้วย เพราะกังวลเรื่องค่าน้ำมันที่จะเพิ่มขึ้น น้าหมอนจึงอาสารับผิดชอบค่าใช้จ่ายสำหรับบริการฟรีนี้เอง
ใหม่ ๆ ลูกค้าสูงวัยไม่กล้าใช้บริการฟรี แต่น้าหมอนชี้แจงว่าตนบริการด้วยความเต็มใจ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เห็นลุงป้าตายายเป็นเหมือนคนในครอบครัว เพราะอยู่ในชุมชนนี้มาตลอดชีวิต หลังจากเริ่มบริการนี้มา 2 ปีแล้ว ปรากฏว่าไม่มีมอเตอร์ไซค์คนไหนเบิกค่ารถจากน้าหมอนเลย
ลุงวิชัย ลูกค้าวัย 69 ผู้รับบริการฟรีคนหนึ่งกล่าวว่า ถูกคะยั้นคะยอจึงใช้บริการ เพราะรู้สึกไม่ดีที่นั่งรถฟรี “คนขับส่วนใหญ่มีครอบครัว เขาต้องหาเช้ากินค่ำ” ลุงวิชัยมีปัญหาการทรงตัวและการเคลื่อนไหว แต่มีความจำเป็นต้องไปจ่ายตลาดเองสัปดาห์ละหลายครั้ง จึงรู้สึกขอบคุณในความเอื้อเฟื้อมีน้ำใจของคนขับ และเสียใจที่ไม่มีอะไรจะตอบแทน สิ่งเดียวที่ทำได้คือให้ศีลให้พร
บรรดาวินมอเตอร์ไซค์กล่าวว่าตนไม่ต้องการสิ่งตอบแทน แค่ได้รับพรจากคนเฒ่าคนแก่ก็เพียงพอแล้ว และรู้สึกภูมิใจที่สามารถช่วยเหลือคนในชุมชนได้ พวกตนให้แก่ผู้อื่นมากกว่าที่จำเป็นเสมอ “ถ้าไม่มีเงินให้ เราก็ช่วยแรง”
ป้าฉลวย บุญชื่น วัย 77 เป็นลูกค้าประจำอีกคนหนึ่งซึ่งได้รับความสะดวกสบายขึ้นจากบริการนี้ เพราะต้องไปหาหมอทุกสัปดาห์ และดีใจที่มีคนนึกถึงคนเฒ่าคนแก่ แทนที่จะมองเป็นภาระ
น้าหมอนมีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าในพลังแห่งการให้โดยไม่มีเงื่อนไข การทำความดีเป็นวิธีหนึ่งที่จะส่งพลังดี ๆ ให้แก่คนอื่น สำหรับตัวเขาเอง การให้ ช่วยเติมความหมายให้แก่ชีวิตเขา สอนให้เขาไม่เห็นแก่ตัวในการแสวงหาความสุข
มีผู้ไม่สูงอายุฉวยโอกาสจากบริการฟรีด้วยเหมือนกัน บริการนี้ช่วยให้วินมีชื่อเสียงดี คำเล่าลือชมเชยทำให้มีลูกค้ามาใช้บริการกันมากขึ้น บางคนนำอาหารมาฝากให้อยู่เนือง ๆ
น้าหมอนพยายามให้ความช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ เขาและสมาชิกวินช่วยกันหาทุนให้ผู้เดือดร้อนในชุมชน โดยรวบรวมเงินคนละ 100 บาทต่อเดือน เพื่อช่วยงานศพในชุมชน “เราควรให้เท่าที่ให้ได้ ไม่นั่งรอจนกว่าจะสามารถทำทุกอย่างให้ทุกคนได้ค่อยทำ ลงท้ายเราอาจไม่ได้ทำอะไรให้ใครเลย”
จาก The ride of their lives