อาหารฟันขาวและการทานอาหารที่ช่วยให้สุขภาพฟันดีมีอะไรบ้าง
ฟันขาวสะอาด แน่นอนว่าย่อมเป็นที่ปรารถนา เพราะฟันขาวมักเป็นสิ่งที่สะดุดตาผู้พบเห็น โดยเฉพาะเมื่อเรายิ้ม เพราะถ้าหากส่งยิ้มมาแล้วเห็นฟันเหลือง คงไม่เป็นที่ประทับใจ คนมองเป็นแน่ เราจึงพยายามเสาะหาสารพัดวิธีที่จะช่วยให้ฟันขาวสะอาด ชวนมองเมื่อยามยิ้มแย้ม แต่ทราบหรือไม่ ว่าอาหารฟันขาวนั้น มีอยู่มากมายหลายหลาก เพียงแค่ เราเลือกทานอาหารอย่างถูกต้องก็สามารถช่วยได้มากเลยทีเดียว
บางครั้ง เราอาจคิดไปว่า อาหารที่ทานเข้าไปนั้นจะเข้าไปทำลายฟันของเรา แต่ในความเป็นจริง อาหารบาง ชนิดก็ช่วยให้คุณมีฟันที่ขาวสะอาดและแข็งแรงได้ แม้ว่าการดำเนินชีวิตอย่างรีบเร่งในปัจจุบัน จะทำให้การแปรงฟันเพื่อขจัดเศษอาหารทุกครั้งหลังการทานอาหารจะกลาย เป็นเรื่องยาก แต่โชคดีที่นอกเหนือจากการแปรงฟันแล้ว ยังมีวิธีการดูแลรักษาช่องปากให้สะอาดและทำให้ฟันแข็งแรงด้วยอาหารและ เครื่องดื่มบางประเภท
1. อาหารที่มีเส้นใย เพราะเส้นใยจะช่วยขจัดคราบอาหารที่ติดอยู่บนฟัน และในระหว่างเคี้ยวเส้นใยจะขัดถูสิ่งที่ติดแน่นบนฟันให้หลุดออกไป
2. ชาเขียว เพราะมีฟลูออไรด์ซึ่งช่วยเสริมสร้างให้ฟันแข็งแรง สุขภาพฟันดี
3. นมและโยเกิร์ต เพราะมีแคลเซียม ซึ่งเป็นส่วนประกอบของฟัน
4. ชีส เพราะชีสมีฟอสเฟต ซึ่งช่วยป้องกันแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุของฟันผุ นอกจากนี้ยังช่วยรักษาสมดุลของกรดและด่างในช่องปากอีกด้วย
5. ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ฝรั่ง มะขามป้อม มะขามเทศ เงาะ เพราะวิตามินซีจะช่วยรักษาเหงือกให้แข็งแรง
6. งา ผักและผลไม้ที่มีวิตามินเอสูง เช่น มะละกอ มะเขือเทศ แครอท เพราะวิตามินเอจะช่วยการก่อรูปของผิวเคลือบฟัน ช่วยให้ฟันขาวขึ้น
7. เนื้อไม่ติดมัน เพราะมีฟอสฟอรัส อันเป็นแร่ธาตุสำคัญที่มีส่วนต่อความแข็งแรงของฟัน
8. บรอกโคลีและกะหล่ำปลี เพราะเป็นแหล่งของวิตามินเค ซึ่งช่วยในการดูดซึมแคลเซียม อันเป็นองค์ประกอบของฟัน
9. กล้วย มันฝรั่ง หรือผักมีใบ เพราะอุดมด้วยวิตามินบี ซึ่งช่วยรักษาเนื้อเยื่ออ่อนๆ ในช่องปาก เช่น เหงือก ลิ้น เยื่อเมือก
10. น้ำ นอกจากจะช่วยให้ระบบต่างๆ ภายในร่างกายทำงานเป็นปกติแล้ว น้ำยังมีต่อสุขภาพปากด้วย เพราะร่างกายต้องการน้ำเพื่อใช้ในการผลิตน้ำลาย ซึ่งมีประโยชน์ต่อ ฟันมาก เพราะน้ำลายจะลดความเป็นกรดในช่องปาก จึงช่วยป้องกันฟันผุ อย่างไรก็ดีคำแนะนำที่ว่าคนเราควรดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว อาจจะเป็นคำแนะนำที่ไม่จริงเสมอไป เพราะบางครั้ง ร่างกายของคนบางคนก็ต้องการน้ำมากกว่านั้น เช่น นักกีฬาที่ต้องอยู่ท่ามกลางแสงแดด ในทางตรงกันข้าม บางคนอาจต้องการน้ำน้อยกว่า เช่น ผู้สูง อายุที่อยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็น ดังนั้นวิธีที่จะรู้ว่าคุณควรดื่มน้ำปริมาณเท่าไร คือ ให้สังเกตจากสีของปัสสาวะ หากมีสีเข้มแสดงว่าคุณดื่มน้ำน้อยไป ควรดื่มให้มากขึ้น