ซาอุฯ กำลังจะถังแตกด้วยค่าใช้จ่ายมหาศาล
เพรสทีวี – ซาอุดิอารเบียกำลังเผาผลาญเงินทุนสำรองต่างประเทศของตนอย่างน่าตระหนกในช่วงที่ราคาน้ำมันตกฮวบและการใช้จ่ายทางการทหารพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
เพื่อคงการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยของตนเอาไว้ ราชวงศ์นี้ได้ใช้ทรัพย์สินต่างประเทศหมดไปแล้วถึง 60,000 ล้านดอลล่าร์ ในหกเดือนแรกของปี และยืมเงินจากธนาคารในประเทศ 4,000 ล้านดอลล่าร์
ตามข้อมูลของ IMF การขาดดุลการคลังของซาอุดิอารเบียอาจสูงถึงประมาณ 140,000 ล้านดอลล่าร์ภายในสิ้นปีนี้ หรือ 20% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP ตามการคาดการของซาอุดี้ฯ การขาดดุลขนาดนี้เป็นจำนวนมหาศาลสำหรับประเทศที่คุ้นเคยกับการดำเนินเงินที่เกินดุลอย่างหนัก
ขณะเดียวกัน รายได้ของรัฐบาลกำลังจะลดลงถึง 82,000 ล้านดอลล่าร์ในปี 2015 หรือ 8% ของ GDP ในประเทศซึ่งรายได้จากน้ำมันนับเป็น 90% ของรายจ่ายของรัฐ
Standard and Poor’s ได้ตัดลดความเชื่อถือของตนต่อซาอุดิอารเบียลงในเดือนกุมภาพันธ์เนื่องจากความมั่นคงที่เป็นลบ โดยกล่าวว่าตนมองว่าเศรษฐกิจของประเทศนี้เป็นเศรษฐกิจที่ “มีความเสี่ยงอย่างไม่เปลี่ยนแปลงกับราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างรวดเร็วและสม่ำเสมอ”
สถานการณ์ที่มืดมนนี้เกิดจากราคาน้ำมันที่ลดฮวบลงจาก 107 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรลเมื่อประมาณหนึ่งปีที่แล้ว มาถึงต่ำกว่า 50 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรลในปัจจุบัน นี่คือสถานการณ์ที่เลวร้ายสำหรับฝ่ายปกครองที่จำเป็นจะต้องให้ราคาน้ำมันไปแตะถึง 106 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรลเพื่อเป็นทุนให้กับรัฐสวัสดิการที่ฟุ่มเฟือยของตน
แต่ริยาดก็ไม่สามารถโทษใครได้นอกจากตัวเองสำหรับสถานการณ์นี้ ตั้งแต่ปีที่แล้ว ประเทศนี้ผลิตน้ำมันอย่างเต็มกำลัง จนทำให้เกิดการล้นตลาดและราคาตก
ด้วยประวัติการผลิต 10.564 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทำให้ราชอาณาจักรแห่งนี้ปฏิเสธที่จะตัดลดผลผลิตลง ด้วยความคิดที่ว่านโยบายนี้จะผลักดันให้ผู้ผลิตหินดินดานของสหรัฐฯ ออกไปจากธุรกิจ และบีบรัสเซียและอิหร่านให้หยุดการสนับสนุนรัฐบาลซีเรีย
ตามรายงานทั้งหมด รัฐบาลนี้คำนวณผิดพลาด ทำให้การผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ของสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นในรอบ 43 ปี ถึง 9.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ธนาคารกลางของซาอุดี้ฯ ยอมรับด้วยความตกตะลึงว่า “เห็นได้ชัดแล้วว่า ผู้ผลิตที่ไม่อยู่ในกลุ่ม OPEC ไม่ได้มีการตอบสนองต่อราคาน้ำมันตกต่ำเหมือนอย่างที่คิดไว้”
ในขณะเดียวกัน กษัตริย์ซัลมาน ผู้ปกครองคนใหม่ของซาอุดี้ฯ ก็กำลังปฏิบัติตามนโยบายที่มีความเสี่ยงมาตั้งแต่เข้าสู่อำนาจเมื่อเดือนมกราคม เขาและบุตรชาย ซึ่งเป็นรัฐมนตรีกลาโหม และรัชทายาทอันดับสอง ได้เริ่มต้นทำสงครามราคาแพงในเยเมนและปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในซีเรีย
เนื่องจากกษัตริย์องค์ใหม่นี้ ซาอุดิอารเบียยังได้สั่งสมกำลังทางทหารขนานใหญ่อีกด้วย ซึ่งทำให้ราชอาณาจักรแห่งนี้เข้ามาอยู่ในลำดับที่ห้าของโลกด้านการใช้จ่ายทางการทหาร
ผู้ว่าการธนาคารกลางของซาอุดิอารเบีย ฟาฮัด อัล-มุบาร้อก ระบุว่า ประเทศจะได้เห็นการกู้ยืมที่เพิ่มสูงขึ้นในอีกไม่กี่เดือนนี้
นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า ราชอาณาจักรแห่งนี้จะต้องออกพันธบัตรประมาณ 5,000 ล้านดอลล่าร์ต่อเดือนไปจนถึงสิ้นปี 2015 รวมทั้งนักลงทุนต่างชาติ เพื่อให้ครอบคลุมการขาดดุลงบประมาณ
การใช้จ่ายด้านประชานิยมเป็นกาวที่เชื่อมประชาคมซาอุดี้ฯ เข้าด้วยกัน และตรวจสอบความขัดแย้งในช่วงที่เกิดความไม่สงบขึ้นในจังหวัดทางภาคตะวันออกที่ร่ำรวยน้ำมัน กษัตริย์ซัลมานใช้จ่ายเงินไปอย่างฟุ่มเฟือย 32,000 ล้านดอลล่าร์ ในพิธีบรมราชาภิเษก เพื่อเป็นโบนัสให้แก่พนักงานและผู้รับบำนาญทั้งหมด
การให้เงินอุดหมุนมหาศาลด้านเชื้อเพลิง ไฟฟ้า และอาหาร และการไม่เรียกเก็บภาษีรายได้และผลกำไร ทำให้รัฐบาลขาดเครื่องสำคัญในการสร้างความหลากหลายด้านแหล่งที่มาของรายได้
นอกจากนี้ ราชอาณาจักรแห่งนี้ยังแบกภาระค่าใช้จ่ายที่หนักอึ้งจากระบบอุปถัมภ์ที่ขยายออกไปขณะที่มันพยายามจะปกปิดความขัดแย้งที่มีมานับตั้งแต่เกิดการตื่นตัวเกี่ยวกับอิสลามขึ้นในโลกอาหรับ
อย่างไรก็ตาม ซาอุดิอารเบียยังคงหลับไหลอยู่บนเสียงยกย่องเงินทุนสำรองต่างประเทศจำนวนมหาศาลที่เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 737,000 ล้านดอลล่าร์ในเดือนสิงหาคม 2014 เงินทุนสำรองเหล่านั้นได้ตกลงมาถึง 672,000 ล้านดอลล่าร์ในเดือนพฤษภาคม และกำลังร่วงลงอย่างน้อยเดือนละ 12,000 ล้านดอลล่าร์ ที่ระดับปัจจุบัน
ด้วยเหตุนี้ จึงดูเหมือนว่ารัฐบาลซาอุดี้ฯ กำลังติดดกับอยู่ในสงครามเศรษฐกิจและการเมืองที่ตนสร้างขึ้นมาเอง เห็นได้ชัดว่ามันได้หันหน้าไปสู่ตัดลดการใช้จ่ายในการลงทุนลงอย่างากในระยะสั้น แต่นี่สุดมันจะต้องเผชิญกับการรัดเข็มขัดอย่างเข้มงวดและการล้มละลายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้