ปฏิบัติการ 15 ข้อ สำหรับพ่อแม่ที่มีลูกเป็นกะเทย
ก่อนอื่นต้องสวัสดีวันแม่ 2558 กับทุกท่านที่ได้ติดตามอ่านคอลัมน์ “คุยเรื่องเพศกับพระ” มานาน 2 ปีกับอีก 5 เดือน นับบทความได้ 25 บทความแล้ว อาตมาหวังว่าคุณผู้อ่านคงมีความเข้าใจเรื่องเพศมากขึ้น แต่ถึงแม้ว่าเราจะอ่านบทความกันมามากมายก็ใช่ว่าเราจะเข้าใจเรื่องเพศไปทุก ประเด็น ยังคงมีเรื่องเพศหลากหลายแง่มุมที่ยังคงสร้างความสงสัยให้กับเรา หลายครั้งเราจึงมองมันอย่างเข้าใจผิด
สำหรับบทความในตอนที่ 26 นี้จึงมีชื่อว่า “ปฏิบัติการ 15 ข้อ สำหรับพ่อแม่ที่มีลูกเป็นกะเทย” ซึ่งอาตมาเชื่อว่ายังคงมีพ่อแม่หลายคู่ทีเดียวที่ไม่อาจยอมรับลูกที่เป็น กะเทยของท่านได้ ข้อแนะนำเหล่านี้เกิดขึ้นจากประสบการณ์การทำงานสร้างความเข้าใจเรื่องเพศของ ผู้เขียนที่สั่งสมมา 14 ปี บวกกับการให้ข้อมูลของผู้ทำงานในเครือข่ายเพื่อนกะเทยไทย ในที่สุดจึงออกมาเป็น “ปฏิบัติการสำหรับพ่อแม่ที่มีลูกเป็นกะเทยจำนวน 15 ข้อ”
อาตมาหวังว่าปฏิบัติการทั้ง 15 ข้อต่อไปนี้ จะเป็นประโยชน์กับพ่อแม่ที่มีลูกเป็นกะเทย สามารถทำให้พ่อแม่เข้าใจลูกกะเทยของท่านมากยิ่งขึ้น มีความอบอุ่นและเปลี่ยนเป็นครอบครัวสุขสันต์ได้ในที่สุด ถึงแม้พ่อแม่บางคู่อาจจะไม่ได้มีลูกเป็นกะเทย แต่เมื่อท่านได้อ่านข้อปฏิบัติเหล่านี้ท่านก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ อาจจะทำให้ท่านเข้าใจเด็กที่เป็นกะเทยมากยิ่งขึ้น หรือเข้าใจครอบครัวที่มีลูกเป็นกะเทยมากยิ่งขึ้น และเมื่อท่านเข้าใจประเด็นก็สามารถให้คำปรึกษาที่ดีแก่ครอบครัวที่มีลูกเป็น กะเทยได้ด้วย
บทความนี้จึงไม่ได้เป็นประโยชน์กับครอบครัวที่มีลูกเป็นกะเทยเท่านั้น แต่ยังเป็นประโยชน์กับครอบครัวอื่น ๆ ที่ไม่ได้มีลูกเป็นกะเทยด้วย ผู้เขียนจึงขอมอบบทความดีๆ นี้ให้เป็นของขวัญวันปีใหม่แก่ทุก ๆ ท่าน ในวันแม่ปีนี้
- รักเขาให้เต็มเปี่ยมในฐานะที่เขาเป็นลูกของเรา
- อย่ารู้สึกอับอายที่ลูกเป็นกะเทย
- จงภูมิใจในสิ่งที่เขาเป็น
- หากยังไม่สามารถภูมิใจได้ ก็ควรเรียนรู้ที่จะยอมรับและเข้าใจในตัวเขา
- อย่าใช้ความรุนแรงกับลูกเพื่อบังคับลูกให้เป็นผู้ชายในทุกวิถีทาง เช่น บังคับให้เล่นกีฬาที่ไม่ชอบ บังคับให้คบแต่เพื่อนผู้ชาย บังคับให้เลิกคบเพื่อนผู้หญิง เพียงแค่คุณคิดจะเปลี่ยนเขาให้เป็นผู้ชายก็จัดเป็นความรุนแรงแล้ว
- พึงระลึกไว้เสมอว่าหากคนในบ้านไม่สามารถยอมรับเขา เขาจะมีความสุขได้อย่างไรในเมื่อบ้านเป็นสถานที่ที่เขาอยู่แล้วควรมีความสุข มากที่สุดมีกะเทยบางคนถึงกับต้องหนีออกจากบ้านเพราะพ่อแม่และคนในบ้านไม่รัก เขา ทำให้เขาต้องหนีออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านตั้งแต่เริ่มเป็นวัยรุ่น
- บางครอบครัวสร้างเงื่อนไขของการยอมรับลูกกะเทยซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ไม่อาจ เป็นไปได้จริง เช่น ถ้าเป็นกะเทยต้องเป็นกะเทยที่สวยถ้าไม่สวยก็อย่าเป็นกะเทย ถ้าจะเป็นกะเทยก็ต้องทำตัวให้เป็นผู้หญิงมากที่สุด ถ้าจะเป็นกะเทยก็ควรแปลงเพศไปเลย ฯลฯ เงื่อนไขต่างๆ เหล่านี้ได้สร้างแรงกดดันให้ลูกกะเทยของท่านไม่มีความสุขกับสิ่งที่เขาเป็น หนทางที่ดีที่สุดก็คือพ่อแม่ควรเรียนรู้ที่จะยอมรับลูกกะเทยของท่านโดยไม่มี การสร้างเงื่อนไข
- ไม่พาลูกไปพบจิตแพทย์หรือคนทรงเจ้าเพื่อบำบัดรักษา เพราะการเป็นกะเทยไม่ใช่โรคไม่ใช่กรรมเก่าจากอดีตชาติ
- ไม่บังคับลูกให้บวชเพื่อหวังให้ลูกหายจากการเป็นกะเทย การบวชไม่ใช่ทางแก้ไขมีแต่จะทำให้ลูกเกิดความกดดัน เรื่องการบวชควรปล่อยให้เป็นความสมัครใจของลูกจะดีที่สุด
- อย่าโทษตัวเองที่เลี้ยงลูกไม่ดี การเป็นกะเทยของลูกไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเลี้ยงดูของพ่อแม่ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการที่พ่อแม่หย่าร้าง และไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการแสดงบทบาทพ่อแม่ที่ไม่สมบูรณ์ แต่เกี่ยวข้องกับทัศนคติของสังคมที่ไม่ยอมรับกะเทย ส่งผลให้พ่อแม่คิดและเชื่อไปตามสังคมว่าโลกนี้มีแค่ผู้ชายกับผู้หญิงเท่า นั้นเพศอื่นๆ ที่เกิดมาผิดหมดทำให้พ่อแม่รู้สึกไม่ภาคภูมิใจที่มีลูกเป็นกะเทย
- ในฐานะพ่อแม่ควรศึกษาเรียนรู้ระบบสังคมแบบ “ชายเป็นใหญ่”ว่ามีอิทธิพลกับวิธีคิดของพ่อแม่อย่างไร
- ระบบวิธีคิดแบบ “สังคมชายเป็นใหญ่” ก็คือ ในวันแรกคลอดเมื่อรู้ว่าลูกออกมาเป็นเพศชายท่านจะรู้สึกดีใจมากถึงมากที่สุด และดีใจกว่าได้ลูกสาว เมื่อท่านได้ลูกชายท่านได้มอบโอกาสและความรักมากกว่าลูกเพศอื่นๆ เพราะสังคมถือว่าเพศชายทำอะไรได้หลายอย่าง เช่น เป็นผู้ปกครองบ้านเมือง เป็นผู้นำ เป็นผู้สืบทอดตระกูล สามารถบวชทดแทนบุญคุณพ่อแม่ได้ มีเกียรติและศักดิ์ศรี เมื่อพ่อแม่มีวิธีคิดแบบชายเป็นใหญ่ไปตามสังคมก็จะเกิดความรู้สึกผิดหวัง ทันทีเมื่อลูกชายโตมาเป็นกะเทย เพราะความเป็นกะเทยเป็นสิ่งตรงข้ามกับความเป็นชายตามที่สังคมกำหนด
ดังนั้น พ่อแม่ควรเปลี่ยนความเข้าใจเสียใหม่ ละทิ้งความคิดความเชื่อแบบ ‘ชายเป็นใหญ่’ เพราะวิธีคิดเช่นนี้ทำให้ท่านรักลูกอย่างลำเอียง ปัญหาลูกเป็นกะเทยมีที่มาจากวิธีคิดแบบชายเป็นใหญ่ของพ่อแม่นั่นเอง หากพ่อแม่ละทิ้งความคิดความเชื่อดังกล่าวแล้วมองความเป็นกะเทยของลูกว่าไม่ ได้เป็นปัญหา ลูกจะเป็นอะไรก็ได้ เรื่องที่ยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดคือความรักที่มีให้กับลูกเท่านั้น ปัญหาเรื่องลูกเป็นกะเทยก็จะหมดไป
- หยุดมองว่าลูกเกิดมามีกรรม การมองเช่นนี้มีแต่จะทำให้เกิดความรู้สึกที่เป็นลบต่อลูก และยิ่งทำให้ลูกรู้สึกเป็นลบกับตัวเองควรมองมุมใหม่ว่าผู้คนบนโลกใบนี้ต่าง เกิดมามีความแตกต่างหลากหลาย ความแตกต่างหลากหลายนั่นแหละสวยงามที่สุดแล้ว ไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตของคนหนึ่งไปเปรียบเทียบกับชีวิตของอีกคนหนึ่ง ทุกคนควรเป็นตัวของตัวเองและภาคภูมิใจในตัวเองไม่ว่าตัวเองจะเกิดมาเป็นอะไร โดยไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตคนอื่นมาเปรียบเทียบ
- แม้จะมีการนำเสนอในสื่อว่าเป็นกะเทยหายได้ เป็นกะเทยกลับเป็นผู้ชายได้ แต่นั่นก็เป็นเพียงหนึ่งในล้านเท่านั้น ไม่ใช่ว่ากะเทยจะเปลี่ยนเป็นผู้ชายได้หมดทุกคน หรือหากกะเทยเปลี่ยนแปลงได้ การเปลี่ยนแปลงนั้นก็ตั้งอยู่บนพื้นฐานความหมายที่ว่า “เพศเป็นภาวะที่เปลี่ยนแปลงและเลื่อนไหลไปมา ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่”
กะเทยบางคนจึงเปลี่ยนไปเป็นเกย์ หรือเกย์บางคนก็เปลี่ยนมาเป็นกะเทย หรือกะเทยบางคนก็มีภริยาให้กำเนิดลูกกลายเป็นคุณพ่อกะเทยซึ่งก็ไม่ใช่เรื่อง แปลกประหลาดอะไรเพราะกะเทยมีโครงสร้างร่างกายของผู้ชาย มีอวัยวะเพศชาย การมีเพศภาวะที่เลื่อนไหลไปมาท่ามกลางความเป็นกะเทย, ความเป็นเกย์ และความเป็นผู้ชายจึงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือหากมีการ เลื่อนไหลจนแปลงเพศเป็นผู้หญิงก็สามารถเป็นไปได้เพราะ “เพศเป็นภาวะที่เปลี่ยนแปลงและเลื่อนไหลไปมา ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่”
- หาความรู้ความเข้าใจจากองค์กรกะเทยโดยตรงหรือองค์กรที่ทำงานเกี่ยวกับความ หลากหลายทางเพศ จะทำให้ท่านเข้าใจลูกกะเทยของท่านมากขึ้น ดังต่อไปนี้
- เครือข่ายเพื่อนกะเทยไทย (www.thaitga.com) โทร. 08-6597-4636
- สมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย (www.rsat.info) โทร. 09-0648-7407
- มูลนิธิเพื่อสิทธิและความเป็นธรรมทางเพศ (www.forsogi.org)
- มูลนิธิอัญจารี (anjareefoundation.wordpress.com)