King Jaehaerys I Targaryen : กษัติรย์ผู้ประนีประนอม
King Jaehaerys I Targaryen กษัตริย์ผู้ยอดเยี่ยมที่สุดและดีที่สุดแห่งเจ็ดอาณาจักร
Jaehaerys ขึ้นครองบัลลังก์ในปี 48 AC ในตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่อาณาจักรแตกออกเป็นชิ้นๆเนื่องจากความทะเยอทะยานของเหล่ากบฏ ความเกรี้ยวโกรธของพระสังฆราช และความอำมหิตของอาเขา Maegor I กษัตริย์ Jaehaerys ถูกราชาภิเษกโดยพระสังฆราชตอนเขาอายุได้ 14 ปี และเขาเลือกสวมมงกุฎของพ่อเขา รัชสมัยของเขาเริ่มต้นขึ้นภายใต้การสำเร็จราชการของแม่เขา พระราชชนนี Alyssa และภายใต้การชี้แนะของลอร์ด Robar แห่งตระกูล Baratheon ซึ่งเขามีตำแหน่งเป็นผู้พิทักษ์แห่งราชอาณาจักรและพระหัตถ์ในช่วงรัชสมัยแรกๆ ทันทีที่ Jaehaerys บรรลุนิติภาวะอย่างเต็มตัว เขาก็แต่งงานกับน้องสาว Alysanne และการแต่งงานของทั้งคู่ก็ออกดอกออกผล
แม้ว่าเขาจะยังเยาว์วัยต่อบัลลังก์เหล็ก แต่ Jaehaerys แสดงได้เห็นตั้งแต่อายุน้อยๆว่าเขาเป็นกษัตริย์โดยแท้จริง เขาเป็นนักรบที่ยอดเยี่ยม มีทักษะในการใช้หอก ธนู และเป็นนักขี่ม้าผู้เต็มไปด้วยพรสวรรค์ อีกทั้งเขายังเป็นคนขี่มังกรด้วยเช่นกัน ซึ่งมังกรของเขามีนามว่า Vermithor มังกรตัวนี้มีลำตัวขนาดใหญ่ มีผิวสีบรอนซ์และแทน ซึ่งเป็นมังกรที่มีขนาดใหญ่ที่สุดรองลงมาจาก Balerion และ Vhagar ด้วยความเด็ดเดี่ยวทั้งด้านความคิดและการกระทำ Jaehaerys เป็นคนที่ฉลาดปราดเปรื่องก้าวข้ามเหนืออายุน้อยๆของตนเอง และเขามักจะยุติเรื่องราวต่างๆด้วยสันติภาพและความสงบสุข
ราชินี Alysanne ก็เป็นที่รักใคร่ไปทั่วเจ็ดอาณาจักรเฉกเช่นพระสวามีของเธอ เพราะด้วยความงดงามและความมีชีวิตชีวาของเธอ รวมไปถึงเสน่ห์และไหวพริบอันหลักแหลมของเธอ บางคนกล่าวว่าเธอปกครองอาณาจักรมากพอกับกษัตริย์ และเรื่องนี้ก็เป็นความจริงอยู่บ้าง ด้วยคำขอร้องของเธอเรื่องหนึ่งต่อกษัตริย์ Jaehaerys ทำให้เขาได้ยกเลิกสิทธิอันนึง “First Night” ที่ว่าด้วยการแต่งงานของใครก็ตาม ในคืนแต่งงาน เจ้าสาวจะต้องถูกลอร์ดเปิดบริสุทธิ์ แม้ลอร์ดหลายคนต่างพยายามคัดค้านเพราะกลัวเสียสิทธิ์ก็ตาม และหน่วย Night’s Watch ต้องเปลี่ยนชื่อปราสาทหลังหนึ่งบนกำแพงจากนามเดิม Snowgate โดยขนานนามใหม่ว่า Queensgate เพื่อเป็นเกียรติและเป็นคำขอบคุณแด่ราชินีที่เธอยกมอบทรัพย์สมบัติในรูปของเพชรพลอย เพื่อนำไปสร้างปราสาทหลังใหม่ Deep Lake แทนที่หลังเก่าปราสาทใหญ่หลังเก่าอันทรุดโทรม Nightfort รวมไปถึงบทบาทของราชินีที่ให้เหล่า Night’s Watch ไปสร้างเขตแดนใหม่ตรงด้านหน้ากำแพงเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แก่หน่วย Night’s Watch หรือที่เรียกกันว่าเขตแดน New Gift นั่นเอง (เขตแดนแถบนี้ พวกชาวบ้านจะมาอาศัยอยู่ โดยได้ความคุ้มครองจากทั้ง Winterfell และ Night’s Watch และต้องเสียภาษีต่อ Night’s Watch ด้วยสินค้าและแรงงาน รวมไปถึงคอยช่วยเหลือด้านอาหารด้วย เพื่อแลกกับสวัสดิภาพความปลอดภัย)
เป็นเวลากว่า 46 ปี ที่กษัตริย์ Jaehaerys และราชินีผู้แสนดี Alysanne แต่งงานกัน และชีวิตคู่ของพวกเขาโดยมากมีแต่ความสุข ซึ่งพวกเขาก็มีลูกหลานจำนวนมากมายเลยทีเดียว
ความบาดหมางของพวกเขาได้ถูกบันทึกไว้สองครั้ง แต่ก็กินเวลาได้ไม่เกินปีหรือสองปี พวกเขาก็กลับมาเป็นมิตรเหมือนเดิม อย่างไรก็ตามการทะเลาะเบาะแว้งครั้งที่สองของเขาได้ถูกบันทึกเอาไว้ สาเหตุเนื่องจากการตัดสินใจของ Jaehaerys ในปี 92 AC ที่เขาต้องการมอบสิทธิ์ ความครอบครองของปราสาท Dragonstone รวมไปถึงตำแหน่งรัชทายาทองค์ถัดไปให้แก่ Baelor ผู้กล้าหาญ โดยข้ามหัวของหลานสาว Rhaenys ซึ่งเธอเป็นลูกคนโตสุดของเจ้าชาย Aemon ซึ่งเจ้าชายองค์นี้เป็นบุตรชายคนโตสุดของ Jaehaerys ที่เสียชีวิตไป Alysanne ไม่เห็นเหตุผลว่าทำไมผู้ชายต้องอยู่เหนือผู้หญิง และถ้า Jaehaerys เห็นประโยชน์ในตัวผู้หญิงน้อยกว่าตัวผู้ชาย เขาอาจคงไม่ต้องการเธอก็เป็นได้ แต่ความบาดหมางก็ถูกประนีประนอมได้ทันเวลา แต่ทว่ากษัตริย์กลับมีชีวิตยืนยาวกว่าราชินี และในช่วงชีวิตสุดท้ายเป็นที่กล่าวกันว่าความเศร้าโศกาของเขาได้รายล้อมไปทั่วราชสำนักดั่งผ้าห่อศพ เนื่องจากที่เขาต้องแยกจากกับราชินีที่ด่วนจากไปก่อน
แต่ยังไงถ้าราชินีคือคนที่ Jaehaerys รักยิ่ง เพื่อนคนสำคัญที่สุดของเขาก็คือ Septon Barth เขาเป็นลูกชายของช่างตีเหล็กธรรมดาๆ และเขาถูกมอบตัวให้แก่ศาสนจักรขณะรุ่นๆ แต่ด้วยความฉลาดปราดเปรื่อง ทำให้เขากลายเป็นที่รู้จัก และในช่วงเวลาที่เขาเข้ามารับใช้ในห้องสมุดของปราสาทหลวง Red Keep เขาคอยรับใช้จัดหาหนังสือและบันทึกให้แก่กษัตริย์เสมอ ทำให้กษัตริย์ Jaehaerys รู้สึกคุ้นเคยกับเขา และต่อมาเขาก็ถูกแต่งตั้งเป็นพระหัตถ์ ลอร์ดชั้นสูงหลายคนต่างชำเลืองด้วยความไม่เห็นด้วย แต่ Barth ก็พิสูจน์ตัวเองให้เห็นได้
ด้วยความช่วยเหลือและคำแนะนำของ Barth ทำให้กษัตริย์ Jaehaerys สร้างผลงาน ปฏิรูปอาณาจักรมากกว่ากษัตริย์องค์ไหนๆเท่าที่เคยมีทั้งก่อนและหลัง กฎหมายของกษัตริย์ Aegon ผู้พิชิต หรือปู่ของเขา ที่สร้างความคลุมเครือต่อธรรมเนียมและขนบท้องถิ่นของทั่วเจ็ดอาณาจักร Jaehaerys ก็ออกประมวลกฎหมายฉบับแรกรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งจากตั้งแต่แดนเหนือจนถึงดินแดน Dornish Marches ก็จะใช้กฎหมายอันเดียวกันร่วมกัน งานยักษ์ในการปรับปรุง King’s Landing ก็ถูกดำเนินงานเช่นกัน ระบบระบายน้ำ ระบบท่อน้ำเสีย และบ่อน้ำถูกสร้างขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับ Barth เขาเชื่อว่าน้ำจืดและระบบการระบายของเสียมีความสำคัญต่อสุขภาพของประชาชนในเมือง ยิ่งไปกว่านั้นกษัตริย์ Jaehaerys เริ่มก่อสร้างโครงข่ายถนนขนาดใหญ่ที่สักวันหนึ่งถนนพวกนี้จะเชื่อมเมืองหลวงจาก King’s Landing ไปยังดินแดน The Reach ดินแดน Stormlands ดินแดน Westerlands ดินแดน Riverlands และแม้แต่แดนเหนือ เป็นที่เข้าใจกันว่าสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมา เพื่อต้องการเชื่อมอาณาจักรเข้าด้วยกัน และทำให้การเดินทางไปมาระหว่างภูมิภาค ทำได้ง่ายขึ้น ถนน Kingsroad เป็นถนนสายใหญ่ที่สุดที่ยาวไปถึงปราสาท Castle Black ของหน่วย Night’s Watch และกำแพง
แต่ยังไงก็ตามมีบางคนได้กล่าวไว้ว่าความสำเร็จที่สำคัญที่สุดในช่วงการปกครองของ Jaehaerys และ Septon Barth คือ การประนีประนอมกับศาสนจักร (the Faith) ทั้งคณะทหารของศาสนจักร (Faith Militant) อย่าง Poor Fellow และ Warrior’s Son ต่างไม่มาหลอกหลอนเหมือนในรัชสมัยของ Maegor อีกต่อไป ซึ่งพวกเขาเคยถูกลดกำลังและกลายเป็นกลุ่มนอกกฎหมายโดยฝีมือของ Maegor แต่ตอนนี้พวกเขายังอยู่ และดูเหมือนเรื่องภายในพวกเขายังมีความไม่สงบ เพราะพวกเขาต้องการฟื้นคณะทหารขึ้นมาอีกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นสิทธิ์ดั้งเดิมอย่างหนึ่งของศาสนจักรคือการตัดสินความยุติธรรมต่อพรรคพวกตัวเอง ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงปัญหา และลอร์ดหลายคนต่างบ่นระงมถึงเรื่องที่บรรดาบาทหลวง (septons) และแม่ชี (septas) ที่ไร้ศีลธรรม นำเงินและทรัพย์สินไปใช้ในทางที่ผิด เพื่อผลประโยชน์แก่พวกพ้องตัวเอง
ที่ปรึกษาบางคนเร่งให้กษัตริย์ Jaehaerys จัดการกับพวก Faith Militant ที่เหลือด้วยวิธีที่รุนแรงไปเลย เพื่อขจัดพวกเขาให้หมดสิ้นไปตลอดกาลก่อนที่ความเร่าร้อนของพวกเขาจะกลับมาทำให้อาณาจักรเข้าสู่ความปั่นป่วนอีกครั้ง แต่แทนที่จะทำเช่นนั้น Jaehaerys ส่ง Septon Barth ไปยังเมือง Oldtown เพื่อไปพูดคุยกับพระสังฆราช และที่นั่นพวกเขาก็เริ่มหลอมรวมข้อตกลงร่วมกันอย่างยั่งยืน เพื่อเป็นการตอบแทน คณะทหาร Faith Militant ที่เหบือจะต้องวางอาวุธลง และเพื่อยอมรับต่อข้อตกลงแห่งความยุติธรรมของนอกศาสนจักร พระสังฆราชได้รับคำสัตย์สาบานจาก Jaehaerys ว่า บัลลังก์เหล็กจะคอยปกป้องและคุ้มกันศาสนจักรตลอดไป ด้วยหนทางแห่งความประนีประนอมนี้ ทำให้ความแตกแยกระหว่างราชบัลลังก์และศาสนจักรได้รับการเยียวยาสมานฉันท์ไปตลอดกาล
ในช่วงชีวิตสุดท้ายของเขา กษัตริย์ Jaehaerys ได้แต่งตั้ง Ser Otto Hightower เป็นพระหัตถ์ และ Ser Otto ก็เอาครอบครัวมาอยู่กับเขาที่เมืองหลวงได้ โดยในครอบครัวมีลูกสาวของเขาคนหนึ่งคือ Alicent เด็กสาวอันปราดเปรื่องอายุ 15 ปี ซึ่งเธอได้กลายเป็นสหายรับใช้ของ Jaehaerys คอยอ่านหนังสือให้เขาฟัง คอยป้อนอาหารให้เขาทุกมื้อ และแม้แต่ช่วยอาบน้ำและแต่งตัวให้เขา เป็นที่กล่าวขานกันว่าตอนนั้นกษัตริย์ได้คิดว่าเธอคือเหมือนลูกสาวแท้ๆของเขาคนหนึ่ง ส่วนข่าวลือที่ไม่ดีนักได้อ้างว่าเธอคือคนรักของเขา
กษัติรย์ Jaehaerys เป็นที่รู้จักกันในนามว่า “ผู้ประนีประนอม (Conciliator)” และ “กษัตริย์เฒ่า (Old King)” (เพราะเป็นกษัตริย์ Targaryen เพียงองค์เดียวที่ปกครองอาณาจักรจนอายุสูงวัย) เขาสิ้นชีวิตอย่างสงบบนเตียงของเขาในปี 103 AC ขณะที่เลดี้ Alicent กำลังอ่านบันทึกประวัติศาสตร์ Unnatural History ของ Barth หรือเพื่อนสนิทของเขาให้ฟัง เขามีอายุรวมได้ 69 ปี และเขาปกครองอาณาจักรได้เป็นอย่างดีเป็นเวลากว่า 59 ปี ชาว Westerosi ต่างเศร้าเป็นยิ่งนัก และเป็นที่กล่าวอ้างกันว่าแม้แต่ใน Dorne เหล่าชายต่างร้องห่มน้องไห้ และเหล่าสตรีต่างฉีกเสื้อผ้าด้วยความเศร้าเสียใจต่อการจากไปของกษัตริย์ที่ทั้งแสนดีและยุติธรรม อัฐิของเขาถูกฝังไว้ที่เดียวกับราชินีผู้แสนดี Alysanne ผู้เป็นที่รักของเขา ในใต้ปราสาท Red Keep และอาณาจักรก็เคยไม่เจอผู้ปกครองแบบพวกเขาอีกเลยนับแต่นั้นมา...
END