คุณผู้หญิงทั้งหลายหยุดลากแฟนไปช็อปปิ้งด้วยเถอะครับ
ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้ชายจำนวนคิดเหมือนผม เพียงแต่ไม่(กล้า)ได้พูดออกมาให้แฟนของตัวเองรับรู้ เรื่องนี้เกิดขึ้นกับผม(อีกแล้ว)เลยขอมาแชร์ประสบการณ์ตรง ล่าสุดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ณ ร้าน L......สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าวซึ่งกำลังลดราคา บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่กำลังเลือกสินค้าที่ตัวเองถูกใจในราคาสุดคุ้ม นั่นก็รวมถึงแฟนผมที่ตาโตทันทีเมื่อเห็นป้ายเซลพร้อมกับลากแฟนหนุ่มหน้าตาค่อนข้างดีผู้โชคร้ายเข้าร้านไปด้วย
แฟน: เร็วตัวเองงงงง ลดตั้ง 50 เปอร์ (พร้อมกระชากแขนผมอย่างแรงประดุจโจรกระชากสร้อยทอง)
ผม: เอ่อ คืออ เดี๋ยวเค้าไปรอร้านกาแฟละกันนะ ตัวเองเลือกไปได้แล้วโทรมาบอกเค้า
แฟน: ไม่เอา ตัวเองก็รู้เค้าเลือกเสื้อผ้าคนเดียวไม่ได้ (ทำไม เลือกคนเดียวแล้วจะเป็นง่อยเหรอ)
ผม: เดี๋ยวเค้าโทรเรียกอีแจนมาช่วยเลือก
แฟน: โห ไม่เอาปกติตัวเองก็เข้าไปกับเค้าตลอดอะ ทำไม เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปเหรอยะ
ผม: อ่าๆ ก็ได้ๆ...
ผมพยายามบิดพลิ้วไม่ยอมเข้าแต่สุดท้ายก็โดนลากเข้าไปจนได้
พอเข้าไปในร้านนี่คือนรกของชายหนุ่มจริงๆครับ เนื่องจากร้านนี้มันแบ่งเป็น 2 ร้านคือกระเป๋ากับเสื้อผ้า(ใครที่เคยไปคงเข้าใจ) ซึ่งพอแบ่งแล้วมันเหลือที่แคบมากๆ คือเดินผ่านกันนี่ร่างกายต้องมีเสียดสีกันบ้างแหละ(พวกหื่นๆอาจจะชอบ) บรรยากาศข้างในนั้นคือภาพของหญิงสาวนับสิบคนกำลังแย่งกันควัก คลำ คุ้ย เขี่ยหาเสื้อผ้าที่ตัวเองถูกใจอย่างดุเดือดโดยไม่สนใจโลกภายนอก ราวกับว่ามันมีอยู่เพียงตัวเดียวบนโลกใบนี้
ผมได้แต่รำพึงในใจว่า'นี่มันไม่ใช่ที่ของเรา' ผมกวาดสายตามองไปรอบๆร้านที่คับแคบ ทำให้ทราบว่าผมมีเพื่อนร่วมชะตากรรมอีก 2 คน คนแรกเป็นชายวัยกลางคนซึ่งดูจากสภาพเส้นผมที่เหลือเพียงหย่อมเดียวและหน้าตาที่เฉยชาราวกับไร้ความรู้สึกแล้วผมเดาว่าพี่คนนี้น่าจะผ่านสถานการณ์แบบนี้มาไม่ต่ำกว่า 1000 ครั้ง
ส่วนพี่อีกคนยืนอยู่ใกล้ๆกับผม ดูเป็นหนุ่มวัยทำงานมีลุคออกแนวผู้บริหาร ผมเชื่อว่าในชีวิตการทำงานของพี่เค้าจะต้องกุมบังเ...ยรขับเคลื่อนองค์กรของเค้าให้ก้าวหน้าและฝ่าฟันอุปสรรคมาอย่างโชกโชนอย่างแน่นอน แต่ในขณะนี้พี่ท่านนี้กำลังยืนหลังค่อมๆเหมือนอาแปะขายกาแฟโบราณมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าด้วยสายตาที่เหนื่อยล้า ในมือถือถุงเสื้อผ้าแบรนด์ดังอยู่ 4-5 ใบ และพยายามฝืนยิ้มรับทุกครั้งที่เธอหันหน้ามาขอความคิดเห็นซึ่งไม่ได้ต้องการคำตอบ
หลังจากอยู่ในร้านนั้นประมาณ 30 นาที แฟนผมหันมาขอความเห็นในการเลือกเสื้อผ้าของเธอจากผมประมาณ 120 ครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้ชุดที่เธอถูกใจเสียที จนผมเริ่มรู้สึกกระสับกระส่าย พี่ผู้ชายคนข้างๆก็กำลังตกอยู่ในสภาวะเดียวกับผมและมีอยู่จังหวะหนึ่งที่เราสองคนหันหน้ามาประสานสายตากันชั่วครู่ มันเป็นสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเข้าใจ พี่เค้าพยักหน้าให้ผมเบาๆราวกับจะบอกผมว่า 'ทนหน่อยนะน้องชาย พี่เข้าใจ' ผมยิ้มรับและพยักหน้าให้กำลังใจพี่เค้าเช่นกัน ในใจตอนนั้นอยากดึงพี่เค้ามากอดมากครับ เพราะผมรู้สึกว่าพี่เค้าเป็นคนเดียวในที่แห่งนี้ที่เข้าใจผม
เวลาผ่านไปอีกสักพักในที่สุดแฟนผมก็หันมาบอกสิ่งที่เธอควรทำมาตั้งแต่ 30 นาทีที่แล้ว
แฟน: ตัวเองเค้าเลือกได้แล้วแหละ (พร้อมหยิบชุดเดรสน่ารักๆขึ้นมาชูให้ผมเห็น ซึ่งทำให้ผมถึงกับอุทานในใจ 'นี่มันตัวแรกที่เธอหยิบดูตั้งแต่เข้าร้านเลยนี่')
ผม: จ้า (ในที่สุด...)
หลังจ่ายเงินเสร็จเดินออกจากร้าน เช่นเดียวกับคู่พี่ท่านนั้นซึ่งก็ซื้อเสร็จแล้วเช่นกัน ผมกับพี่เค้าหันมาพยักหน้าให้กันอีกครั้งเป็นการบอกลาและขอบคุณที่เข้าใจกันมาตลอดชั่วโมงอันแสนยาวนาน ไม่เช่นนั้นเราอาจจะทนอยู่ในนั้นไม่ไหวก็เป็นได้ (แต่ความจริงแล้วสิ่งเดียวที่ทำให้ผมกับพี่ท่านนั้นทนอยู่ในร้านนั้นได้ก็คือหน้าอกขนาดพอๆกับดีเจโซดาของเจ๊หมวยคนหนึ่งที่เลือกเสื้อผ้าอยู่ข้างๆ)
นี่เป็นเหตุการณ์ที่ผมและผู้ชายอีกหลายๆคนต้องเจอเป็นประจำทุกครั้งที่ถูกแฟนลากไปช็อปปิ้ง มันทรมานนะครับที่ต้องทนอยู่แบบนั้น หลังจากที่ผมนอนใคร่ครวญเรื่องนี้มาสองวันเลยตัดสินใจมาตั้งกระทู้นี้ เพื่อเป็นกระบอกเสียงให้คุณผู้หญิงรับรู้และได้โปรดสงสารพวกผมด้วยเถอะครับ เวลาไปช็อปปิ้งถ้าแฟนไม่ได้สมัครใจไปด้วย ก็อย่าบังคับกันเลย ฮือๆ
ปล.ถ้าถามว่าทำไมไม่บอกแฟนไปตรงๆต้องมาตั้งกระทู้ คำตอบคือ 'ผมไม่กล้าครับ'