ประสบการณ์จริง ของเด็กที่เกือบถูกทำแท้ง คุณมีสิทธิ์อะไรไปฆ่าเขาคะ
ช่วงนี้มีกระทู้ในเชิงเห็นด้วยกับการทำแท้งหลายกระทู้ ด้วยการอ้างว่า เด็กเกิดจะเป็นปัญหาสังคม ------- แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรไปฆ่าเขาคะ
จะขอเล่าประสบการณ์ตรงที่เกิดกับตัวเอง รับรองว่าเรื่องจริง 100% เรามีตัวตนตรวจสอบได้
พ่อกับแม่ของเราคบกันตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย และเมื่อขึ้นมหาวิทยาลัยท่านทั้งสองก็ไปเรียนมหาวิทยาลัยไกลบ้าน จึงทำให้ท่านต้องอยู่หอพัก และนั่นเป็นเหตุทำให้แม่ของเราท้องเราตอนเรียนปี 1 ด้วยอายุ 18 ปี ด้วยความที่ท่านทั้งสองยังเด็กจึงทำให้ท่านตัดสินใจไปทำแท้ง โดยโดยไปถึงคลินิกทำแท้งเรียบร้อย และกำลังรอคิวจะได้ทำเป็นคนถัดไป
ในขณะที่คนก่อนหน้าได้ทำเสร็จแล้วพยาบาลก็เรียกชื่อแม่เป็นคิวถัดไป เวลานั้นเองไม่รู้อะไรดลใจให้พ่อของเราโทรหาคุณย่าที่อยู่ต่างจังหวัด ตัดสินใจสารภาพเรื่องราวทั้งหมดให้คุณย่าฟัง คุณย่าบอกกับพ่อของเราว่า "อย่าทำแท้งนะ กลับมาบ้าน เดี๋ยวแม่เลี้ยงเอง"
คำพูดนี้ปลดความทุกข์ในใจของพ่อและแม่ของเรา ท่านได้แต่งงานกันในเดือนพฤศจิกายน และคลอดเราในเดือนธันวาคม ด้วยอายุเพียง 19 ปี เราเกิดมาเป็นหลานคนแรกของตระกูล จากเด็กที่กำลังจะตาย กลายเป็นที่รักของทุกคนในครอบครัวทั้งฝั่งพ่อและฝั่งแม่
ต่อมาเมื่อเราอยู่ชั้น ม.3 แม่กับพ่อเราก็ได้เลิกกัน เราจึงใช้ชีวิตอยู่กับยาย หลายคนอาจจะคิดว่าเด็กอย่างเราอาจเป็นปัญหาของสังคมในอนาคต
ปัจจุบันเราเรียนปี 6 สายวิทยาศาสตร์สุขภาพ กำลังจะจบในอีก ไม่ถึงปี เรามีความคิดเป็นผู้ใหญ่กว่าเด็กทั่วไป เราไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กมีปมด้อย เรามีพ่อแม่ที่ดี ด้วยความที่พ่อแม่ยังอายุไม่มาก คุยกันได้ทุกเรื่องเหมือนเป็นเพื่อนกัน เรามีความสุขและรักที่ได้เกิดมากับพ่อแม่ทั้งสองท่าน ไม่เคยโกรธเคืองเรื่องที่ท่านคิดจะทำแท้งเลยสักนิด กลับกันเรามองว่าเป็นเรื่องตลกมากกว่า หลายคนพอได้ทราบว่าพ่อแม่เราเลิกกันก็จะตกใจและขอโทษที่ถาม และทำเหมือนกับสงสารเรา เราก็ยังไม่เข้าใจจนถึงทุกวันนี้ว่า น่าสงสารยังไง เรามียายที่ใกล้ชิดและรักเรามาก เรามีก๋งย่า อา ที่ดีกับเรา เรารักทุกคนมากๆ
ในทางกลับกัน ถ้าวันนั้น พ่อกับแม่เราตัดสินใจทำแท้ง
1. ความรู้สึกผิดบาปจะติดตรึงในใจของพ่อแม่เราไปตลอด
2. เราจะไม่ได้เกิดมา จะไม่มีเราที่ทำให้ครอบครัวยิ้มได้
3. ไม่มีเราที่ดูแลยาย
สุดท้าย เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเรื่องนี้จะเตือนใจใครหลายๆ คนนะคะ
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ