เรื่องสนุกๆ ในชีวิต ผ่านมุมมองการคิดของหมอตุ๊ด
หมอตุ๊ดเป็นชื่อของแอดมินคนหนึ่ง ที่นำมาทำเพจ เพื่อเล่าเรื่องสนุกๆ สู่กันฟัง ไม่แน่ใจว่าเป็นหมอจริงๆหรือไม่นะจ๊ะ อย่าดราม่ากันเยอะ นำมาฝากกัน 3 เรื่อง แล้วจะทำให้คุณรู้ว่า นอกจากตุ๊ดเป็นเพศที่สนุก บันเทิง แล้วนางยังมีสมอง และเป็นเพื่อนคู่คิดได้ดีเชียวหล่ะ
เรื่องที่ 1
มี inbox นึงมาถาม น่าสนใจมากว่ะแก
ชีถามว่า "เจ้แยกได้ไงระหว่างการคุยกับใครสักคนเพราะรู้สึกดีด้วยโอเคด้วยและอาจจะชอบ กับแค่เพราะเจ้เหงาและไม่มีใคร
หนูเพิ่งเลิกกับแฟนไปก่อนปีใหม่ และโอเค หนูอาจงี่เง่ามากเพราะยังรู้สึกเฮิร์ทอยู่"
ไม่มีคำตอบ เพราะหนูตอบมาเองแล้วค่ะ
งงล่ะสิ
คือคนที่มีสติ ตั้งคำถามนี้ขึ้นมาได้
แสดงว่า เขาระวังตัวเองมากพอ มากพอจนเมื่อถึงเวลาที่เริ่มรู้สึกดีมากขึ้น มากขึ้น ชีจะรู้เองว่า ชีชอบหรือชีแค่เหงา
ที่ชีถาม เพราะมันยังไม่ถึงเวลา ชีเลยกังวลขึ้นมาเท่านั้นเอง
เป็นคำถามที่ดี เพียงแต่มีคำตอบในตัวแล้วน่ะ
เคยมีคนพูดว่า A guy that you slept with on Friday night will never be more important than a guy that you wanna spend whole Saturday with /หนุ่มที่เธอเย็บด้วยคืนวันศุกร์ ไม่มีทางสำคัญไปกว่าหนุ่มที่เธออยากอยู่ด้วยกันตลอดวันเสาร์/ (แน่นอน ถึงแม้จะไม่มี sex ก็เหอะ)
ตกลงเธออยากอยู่กับเขา ตอนคืนวันศุกร์
หรือตอนพระอาทิตย์ขึ้นของวันเสาร์ล่ะยะ?
เรื่องที่ 2 Love lesson มารู้จักความรักกันเถอะ
วันนี้ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนคนนนึง
ฮีเป็นคนที่หน้าตาโอเค หุ่นโอเคมาก หน้าที่การงานโอเคมากๆ และฐานะทางบ้านโอเคมากสุดๆๆๆ
และถ้าฮีโทรมาหาเจ้ มันจะมีเรื่องเดียวเท่านั้นคือ “งงง กูโดนเทในเดทที่ 2 อีกแล้วว่ะ”
เคยป่ะ?
ที่แบบเจอกับคนคนนี้ครั้งแรก สปาร์คกันสุดๆ บรรยากาศ เคมี เข้ากันได้ดีสุดๆ เหมือนแบบเจอหน้ากันปุ๊ป คลิ๊กกันปั๊ป แลกไลน์ แลกเบอร์กัน คุยกัน เจอกัน
แล้วพอผ่านไปแป๊ปเดียว magic has gone ซะงั้น
ความตื่นเต้น ความวูบวาบ ก็หายไปทันที จู่ๆเขาก็คุยกับเราน้อยลง ส่งข้อความไปตอบมาแค่คำเดียว ถ้าเราไม่ทัก เขาก็ไม่ตอบ นัดเจอกันครั้งที่สอง ไม่รู้สึกสปาร์คแบบครั้งแรก
และสุดท้ายเขาก็เงียบหายไป เร็วยิ่งกว่าตด
ชั้นว่าพวกแกต้องเคยเจอแหละ เพราะว่ามี inbox มาถามชั้นเรื่องนี้เยอะมาก ถามชั้นว่า “เจ้พอจะบอกความเป็นไปได้หน่อยได้ไหม ว่ามันเกิดจากอะไร?”
ตอบได้ค่ะ
แต่จะไม่ตอบตรงๆนะคะ
เรามาเรียนบทที่ 3 กันแล้วแกจะเข้าใจมากขึ้น
การจะเข้าใจความรัก ความสัมพันธ์ แกต้องเข้าใจ กายวิภาคของช่วงต่างๆของความรักก่อน
จากการที่เคยมีความรักเอง เป็นที่
ปรึกษาให้เพื่อน อ่านงานวิจัยด้านพฤติกรรมศาสตร์ พูดคุยกับคู่รักหลายๆคู่ที่เคยมาขอคำปรึกษา
ความรักแบ่งออกเป็น 4 ช่วงค่ะ คือ attraction , connection , intimacy และ commitment
ดูตามรูปนะคะ จะเห็นได้ชัดว่า มันอาศัย 2 หลักใหญ่ๆในการ “ปรุงความรัก” นั่นคือ
สีแดง : รูปลักษณ์ภายนอก ภาษากาย จริต กริยาท่าทาง (การอ่อยนั่นแหละ สายตาที่มองกัน)
สีดำ : ความคิด ทัศนคติ อารมณ์ความรู้จัก แล้วก็จะสื่อสารผ่านการพูดมากกว่า ภาษากาย
เห็นไหมว่า ยิ่งเรารู้จักกันมากขึ้น
ความสำคัญของรูปลักษณ์ภายนอก มันจะน้อยลงๆ
ความสำคัญของความคิด ทัศนคติ ความฉลาด อารมณ์ มันจะมากขึ้นๆ
จนกระทั่งถึงจุดสุดท้ายคือ commitment
ดังนั้นบางคนที่มีพลังในการดึงดูด (สีแดง) เยอะๆ จึงไม่แปลกเลยที่มีคนเข้ามาหารายวัน วันต่อวัน วันละหลายๆคน แต่ถ้าไม่มีพลังด้าน mental , emotional ด้วยแล้ว มันก็จะติดอยู่แค่ stage 1-2 ไม่ผ่านเข้าสู่การขยับเข้ามาใกล้ชิดกันมากขึ้น ไม่ผ่านเข้าสู่การเริ่มความสัมพันธ์กัน
งานวิจัยทางด้านพฤติกรรมศาสตร์หลายงานที่ศึกษาเรื่อง “การพัฒนาความรัก” บอกเสมอ และเจ้ก็อยากให้พวกแกจำไว้เลยว่า
“Fall in love and staying in love is completely separate” /การตกหลุมรัก กับ การอยู่ต่อไปในความรัก มันคนละเรื่องกัน/
หันกลับมาพิจารณารูปอีกทีนะแก
มันจะไม่ครบแท่งเลย ถ้าแกมีแค่สีแดง หรือ สีดำ
มันต้องมีทั้ง 2 อย่าง คือ แก ต้องมีพลังทั้งในการ “ดึงดูดรัก” และ “รักษารัก”
การที่คู่รักเลิกกัน หรือ หย่ากัน ชั้นว่าก็เพราะอี 2 อย่างข้างต้นเนี่ย ไม่บาลานซ์ นั่นแหละ
แกจะ sexy ปรอทแตกไปตลอดความสัมพันธ์ก็ได้ ไม่ได้แปลว่ามันไม่ดี มันดีเว้ย
แต่เขาเห็นนมแก เห็นร่างเปลือยแกจนชิน เขาก็เฉยๆแล้ว ดังนั้นถ้าไม่งัดพลังด้านอื่นมา ไม่งัดทัศนคติดีๆ ไม่งัดอารมณ์ขัน ไม่งัดความฉลาดทางอารมณ์มาใช้บ้าง เอะอะ sexy ตลอดๆ
แกก็จะรักษารักไว้ไม่ได้
เหมือนเพื่อนชั้นเนี่ยแหละ
ชั้นรักพวกแกนะ
ถึงแม้ว่าพวกแกบางคน จะมีสีแดงกับสีดำไม่บาลานซ์ก็ตาม
แต่ชั้นไม่เอาพวกแกทำผัวนะ
เจ้เอง
เรื่องที่ 3
“เจ้หมอครับ
ตรงๆ สั้นๆครับ รุกเขาต้องการอะไรครับ?
ตอนผมไปจีบเขา เขาบอกว่าผมน่ารักดี แต่ดูไม่แมน
ผมไปออกกำลังกายจนล่ำ เขาก็บอกว่าไม่แมน
ผมไปไว้หนวดไว้เครา เขาก็บอกว่าไม่แมน
ผมไปสักมาแล้ว เขาก็บอกว่าไม่แมน
นี่ผมต้องไปเย็บชะนี มีลูกมีเมียเลยไหมครับ เขาถึงจะบอกว่าแมน?
รุกเขาต้องการอะไรจากผมครับเจ้หมอ
จากลูกสาว”
ตอบ : ตรงๆ สั้นๆ นะลูกนะ เขาต้องการ “คนอื่น” ที่ไม่ใช่ “หนู” อ่ะลูก
หนูขาลูก
นี่คือปัญหาในเมืองไทยค่ะ รุกมีน้อยกว่ารับ รุกมันก็เลยมีสิทธิ์เลือก และมันไม่ผิดนะคะ บอกก่อน ทุกคนมีสิทธิ์เลือกเพื่อตัวเองอยู่แล้วค่ะ มันไม่เลือกเรา มันไม่ผิด แต่เราก็ไม่ผิดด้วยนะลูก ที่เราเป็นเรา
มันอาจจะหาเหตุผลมากมายมาบอกว่า เราอย่างนั้น เราอย่างนี้
จริงๆแล้ว ถ้ามันจะไม่เอาเราตั้งแต่ต้น ก็คือมันไม่เอาเราอยู่แล้วค่ะ ต่อให้หนูแมนขนาดมีเมียมีลูกได้ มันก็ยังหาว่าหนูสาวได้ แล้วก็ไม่เอาหนูได้เหมือนเดิมแหละลูก
เมื่อก่อนเคยคิดนะว่า เป็นรับ ก็ต้องมีแฟน ต้องหารุกมาเป็นแฟน เพราะรับต้องคู่กับรุก
ปัจจุบัน ถึงเพิ่งนึกออกว่า เราเป็นรับก็เพราะเราเป็นรับ
เราไม่ได้เป็นรับ เพราะมีคนมารุกเราเสียหน่อย
ยูโน้ว
คือโลกต้องการความสวยงาม เลยสร้าง ผู้ชาย สร้าง ผู้หญิง
โลกต้องการความสวยงามมากขึ้น เลยสร้าง เกย์รุก เกย์รับ เลสเบี้ยน ทอมดี้ กะเทย
โลกไม่ได้สร้างเรามาเพื่อรองรับความต้องการของใคร
ไม่ได้สร้างเรามาให้เป็นสินค้ารอให้อีกฝ่ายมาเลือก (และแน่นอนค่ะ อีกฝ่ายก็ไม่ใช่สินค้าให้เลือกเหมือนกันนะคะ)
รับ ถึงไม่มีรุกมาเย็บ ก็ยังเป็นรับ
ชะนี ถึงไม่มีผู้ชายมาเย็บ ก็ยังเป็นชะนี
ดังนั้น ถ้ามันไม่เอาหนู ไม่ว่าเพราะเหตุผลอะไรก็ตาม
เขียนเหตุผลนั้นบนกระดาษ แล้วต้มยำกินไปซะ
ถ้าไม่สะใจ เอาไปยัดปากอีรุกคนนั้นก็ได้ค่ะ
เจ้ยอมรับว่า ถ้ามาตัดเกรดคนเป็นรับด้วยกัน เจ้น่าจะอยู่ เกรด C ไม่ก็ D+ แล้ว so what วะคะ? เดี๋ยวมันก็มีคนที่ชอบตลาดล่างอย่างเราๆ มาจีบเราอยู่ดีแหละแก
อย่าลดคุณค่าตัวเอง
อย่าสับสนในคุณค่าตัวเอง
และที่สำคัญ อย่าให้คนอื่นมาทำให้แกคิดว่า คุณค่าแกลดลงว่ะค่ะ
ถ้าจะสาว ก็สาวต่อไป
ชั้นจะสาวเป็นเพื่อนแกด้วย
จบนะคะ
ไม่มีคริสเตียนโลบูแทงแบบชม
เจ้ขอใช้ onitsuka tiger แทนละกันนะคะ
ครึ้มอกครึ้มใจ อยากโพสท่าเดียวกะชม
เนื้อหา+ภาพประกอบจากเพจ หมอตุ๊ด