อย่างน้อยปืนใหญ่ก้อยังอยู่ในใจเสมอ
อาร์เซนอล ส่งท้ายฤดูกาล 2014/15 ที่เพิ่งผ่านไปด้วยการป้องกันแชมป์ เอฟเอ คัพ และการจบอันดับ 3 ของพรีเมียร์ลีกตามเป้าหมาย นี่คือฤดูกาลที่น่าประทับใจและมีหลายเรื่องที่ถือว่าน่าประทับใจในทีมปืนใหญ่ไม่แพ้กันตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา
อาร์เซนอล หวังจะจบฤดูกาลนี้ด้วยอันดับสูงสุดที่พวกเขาเกือบจะทำได้กับอันดับรองจ่าฝูงเมื่อเดือนมีนาคม แต่การจบอันดับ 3 ก็ถือว่าทำได้ตามเป้าหมายคือการทำอันดับไป ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งถือว่าเป็นการจบอันดับที่ดีที่สุดในรอบ 3 ปีของทีมปืนใหญ่ ที่น่าสนใจคือ พวกเขาขยับใกล้การลุ้นแชมป์ในช่วงท้ายฤดูกาล สวนทางกับปืก่อนๆ ซึ่งมักจะฟอร์มสะดุดในช่วงท้ายเพราะปัญหาอาการบาดเจ็บของนักเตะตัวหลักแทบไม่มี
6. บุกเล่นงาน แมนฯ ซิตี้ ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม
หนึ่งในเกมที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของ อาร์เซนอล หลังจากออกไปแพ้ เซาแธมป์ตัน เมื่อวันปีใหม่ ด้วยการออกไปเยือน แมนฯ ซิตี้ ทีมรองจ่าฝูง โดยได้จุดโทษจาก ซานติ กาซอร์ลา ก่อนที่ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ จะตะบันประตูที่ดีที่สุดลูกหนึ่งในฤดูกาล บุกเก็บ 3 แต้มสำคัญได้ในเกมที่พิสูจน์แล้วว่า ต่อให้ทีมปืนใหญ่ไม่ต้องเล่นบอลสวยงามแถมเปอร์เซนต์การครองบอลต่ำมาก แต่เกมรับที่พัฒนาขึ้นก็ทำให้พวกเขาเป็นทีมอันตรายที่ใครจะประมาทไม่ได้เช่นกัน
5. ดาวิด ออสปินา
อาร์เซนอล ปล่อย ลูคัส ฟาเบียนสกี ไปอยู่กับ สวอนซี หลังจากช่วยทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ฤดูกาลที่แล้ว พร้อมกับดึง ดาวิด ออสปินา นายทวารจาก นีซ ในลีกเอิง ที่โชว์ผลงานเยี่ยมกับทีมชาติโคลัมเบียในฟุตบอลโลก 2014 ด้วยค่าตัวเพียง 3 ล้านปอนด์ แต่อการบาดเจ็บที่ติดตัวมาทำให้นายด่านโคเคนไม่ได้ลงสนามให้อาร์เซนอล จนต้องรอถึงเกมฟุตบอลถ้วย
โอกาสตกเป็นของ ออสปินา เมื่อ วอจเชียค เชซนี ฟอร์มหลุดลุ่ยในเกมที่แพ้ เซาแธมป์ตัน เมื่อวันปีใหม่แถมไปก่อเรื่องสูบบุหรี่ในห้องอาบน้ำจนถูกปรับและยึดตำแหน่งมือ 1 ไปให้ ออสปินา ซึ่งก็ซื้อใจแฟนปืนได้เรียบร้อยด้วยสถิติคลีนชีท 10 นัดรวมทุกรายการ การันตีแพ้ยากในแต่ละเกมที่ลงสนาม ด้วยปฏิกิริยาว่องไวในการเซฟลูกสำคัญหลายลูก จนทำให้พรีเมียร์ลีกไม่อาจมองข้ามนายทวารร่างเล็กคนนี้ไปได้
4. อเล็กซิส ซานเชส เซ็นสัญญาปืนใหญ่
จะมีการเซ็นสัญญาครั้งไหนที่ดีที่สุดสำหรับอาร์เซนอลในรอบ 10 ปีเท่ากับ อเล็กซิส ซานเชส ที่ปืนใหญ่ได้ตัวมาจาก บาร์เซโลนา ด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์ และใช้เวลาปรับตัวเพียง 5 นัดก็ทำประตูแรกให้ อาร์เซนอล ในรอบเพลย์ออฟ ชปล. กับ เบซิกตัส และเรียกความมั่นใจจนสามารถพังประตูช่วยทีมต่อเนื่องในช่วงที่ไม่มี โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บ
24 ประตูในฤดูกาลแรกรวมทุกรายการกับ อาร์เซนอล คือผลงานที่ยอดเยี่ยมรวมถึงความขยันมีส่วนร่วมกับเกมวิ่งดีไม่มีหมด และการคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ กับอาร์เซนอลในฤดูกาลแรก ก็ส่งสัญญาณความหวังในการพาทีมปืนใหญ่เถลิงแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ในอนาคต
3. ฟรานซิส คอกเกอแลง ฮีโร่กู้วิกฤติ
อาร์เซนอล เจอปัญหากับฟอร์มในช่วงต้นฤดูกาลเมื่อนักเตะหลายรายต่างกรำศึกหนักมาจากฟุตบอลโลกจนส่งผลให้เครื่องร้อนช้า รวมถึงปัญหาในแดนกลางเมื่อ มาติเยอ ฟลามินี ไม่สามารถเป็นที่พึ่งในเกมรับได้ และมิดฟิลด์ตัวรับที่เหลือก็ล้วนบาดเจ็บ
ทีมปืนใหญ่ไม่มีทางเลือกต้องดึง ฟรานซิส คอกเกอแลง กองกลางจอมพเนจรกลับมาจาก ชาร์ลตัน แอธเลติก กลางคัน โดยที่ตอนนั้นไม่มีใครคาดหวังว่า กองกลางวัย 23 ปีจะกลับมาช่วยอะไรได้นอกจากเป็นอะไหล่ฉุกเฉิน
แต่ทันทีที่ได้ลงสนามเป็นตัวจริงนัดแรกในนัดถล่ม นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 4-1 อาร์แซน เวนเกอร์ ก็มองเห็นอะไรบางอย่าง โดยเฉพาะความแข็งแกร่งและการตัดบอลเด็ดขาดที่หายไป ที่เคยเสียประตูง่ายๆ ในแดนกลางก็ดูดีขึ้นมาก จนสามารถฝากความหวังให้เป็นตัวจริงแทนที่ มาติเยอ ฟลามินี ด้วยผลงานที่ดีสม่ำเสมอทุกนัด เสมือนปืนใหญ่ได้นักเตะคนใหม่ที่ทำผลงานดีเกินคาดเป็นเซอร์ไพรส์แห่งฤดูกาล
2. ปราบ แมนฯ ยูไนเต็ด ใน เอฟเอ คัพ
อาร์เซนอล เจอกับด่านสำคัญในรอบ 8 ทีมสุดท้าย เอฟเอ คัพ เมื่อต้องออกไปเยือน แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มักจะแพ้ทางกันเสมอ ด้วยเดิมพันสำคัญคือการผ่านเข้ารอบ 1 ทีมสุดท้ายไปรอป้องกันแชมป์ให้ได้
หลุยส์ ฟาน กัล อาจส่งสัญญาณไม่เน้นในถ้วยใบนี้แต่แรก แต่ก็ต้องให้เครดิตกับขุนพล เดอะ กันเนอร์ส ที่สร้างทีเด็ดในเกมรุกและใช้โอกาสไม่เปลืองในการทำประตูเมื่อ นาโช มอนเรอัล ยิงออกนำให้ อาร์เซนอล ไปก่อน 1-0 แต่ เวย์น รูนีย์ ก็มาตีเสมอได้ทันควัน แต่ทีเด็ดของเกมวันนั้นกลายเป็น แดนนี เวลเบ็ค เด็กเก่าผีแดงที่จัดการพังประตูชัยให้ อาร์เซนอลชนะและผ่านเข้ารอบ และถือเป็นจุดเปลี่ยนในการเก็บชัยชนะรวดในลีกอย่างยาวนานอีกด้วย
1. ป้องกันแชมป์ เอฟเอ คัพ พร้อมสถิติใหม่
อาร์เซนอล ตั้งความหวังในการป้องกันแชมป์ เอฟเอ คัพ เป็นหนึ่งในเป้าหมายของฤดูกาลนี้ และพลพรคปืนใหญ่ก็เจอกับงานหนักตั้งแต่รอบ 3 ด้วยการเจอกับ ฮัลล์ ซิตี้ คู่ชิงปีที่แล้ว ก่อนจะปราบได้สบายไปเจอกับ ไบรท์ตัน, มิดเดิลสโบรห์ จนมาเจอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งหากพวกเขาผ่านไปได้ โอกาสป้องกันแชมป์จะสดใสขึ้นทันที
แม้จะมีบางนัดที่ทีมปืนใหญ่ต้องเจอกับงานหนักกว่าจะผ่านเข้ารอบมาได้ แต่ในนัดชิงฯ กับ แอสตัน วิลลา พวกเขาก็โชว์ฟอร์มโหดถล่มเละ 4-0 เป็นการป้องกันแชมป์ที่สวยหรูและครองสถิติทีมแชมป์ เอฟเอ คัพ สูงสุดในเกาะอังกฤษ 12 สมัย และการป้องกันแชมป์ครั้งนี้ ทำให้ อาร์เซนอล มองไกลไปถึงการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลหน้าจากสถิติเดิมที่พวกเขาเคยทำได้จากการป้องกันแชมป์เมื่อฤดูกาล 2002/2003