ปิดตำนานยักษ์ใหญ่ด้านไอที SONY VAIO

ปิดตำนานยักษ์ใหญ่ด้านไอที SONY VAIO อดีตคอมพิวเตอร์พกพายอดฮิต

นับเป็นยุคตกต่ำที่สุดของวงการไอทีแดนปลาดิบ เนื่องจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างSONY ที่เคยเป็นเจ้าตลาดในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของญี่ปุ่น ต้องประกาศยุติสายการผลิตและขายแบรนด์VAIO ให้กับ Japan Industrial Partners (JIP) ไปในที่สุด เนื่องจากถูกรุกอย่างหนักจากเจ้าพ่อไอทีแห่งโลกตะวันตกและมหาอำนาจทางเศรษฐกิจยุคใหม่อย่างเกาหลีใต้และจีน 

แบรนด์ VAIO เป็นแบรนด์โด่งดังที่มีภาพลักษณ์การเป็นคอมพิวเตอร์ดีไซน์หรูระดับไฮเอนด์ ความไฮเอนด์ด้านการออกแบบทำให้ VAIO มีสาวกกลุ่มหนึ่งที่คอยสนับสนุนเพราะความชื่นชอบส่วนตัว โดยก่อนหน้านี้ นักเขียนชาวญี่ปุ่นรายหนึ่งหยิบยกคำพูดของคุนิทาเกะ เอ็นโด (Kunitake Ando) อดีตประธานของบริษัทโซนีที่เล่าว่า สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) เจ้าพ่อแอปเปิลเคยแสดงความชื่นชมคอมพิวเตอร์ตระกูล VAIO มากจนวางแผนให้ VAIO ใช้ระบบปฏิบัติการของแอปเปิลตั้งแต่ปี 2001 แต่น่าเสียดายที่การเจรจาครั้งนั้นไม่สำเร็จผล ปี 2001 คือหนึ่งในปีทองของ VAIO นับตั้งแต่เปิดตัวปี 1996 โดยแบรนด์ VAIO นั้นย่อมาจาก Video Audio Integrated Operation และ Visual Audio Intelligent Organizer ซึ่งที่ผ่านมา โซนีเปิดตัวนานาอุปกรณ์ภายใต้แบรนด์นี้อย่างต่อเนื่อง เช่นการแตกไลน์ VAIO P เพื่อบุกตลาดคอมพ์รุ่นจิ๋วพกพาง่าย หรือการแจ้งเกิด VAIO Pro อัลตราบุ๊กพลังสูงตัวบางเฉียบ รวมถึง VAIO Tap ซึ่งเป็นคอมพ์ลูกผสมหรือไฮบริด แต่แล้ว VAIO ก็เริ่มเสื่อมมนต์ขลัง ล่าสุดสำนักวิจัยข้อมูลไอดีซี ระบุว่าปัจจุบันนี้โซนี่มีส่วนแบ่งตลาดคอมพิวเตอร์ทุกประเภททั่วโลกที่ 1.9% เท่านั้น คิดเป็นอันดับ 9 ตามการสำรวจระหว่างเดือนมกราคม-กันยายน ปี 2556 ที่ผ่านมา ไม่เพียง VAIO แต่มนต์ขลังของสินค้าโซนีเสื่อมลงพร้อมกันหลายอย่างจนทำให้โซนีเตรียมแถลงผลประกอบการขาดทุนในรอบปีสูงถึง 1.08 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 35,600 ล้านบาท) ทำให้โซนี่ต้องกอบกู้วิกฤติบริษัทด้วยการลดค่าใช้จ่าย และปรับโครงสร้างบริษัทให้ดำเนินธุรกิจให้คล่องตัวยิ่งขึ้น เมื่อโซนีจำเป็นต้องปลดพนักงานบางส่วนออกไป หวยจึงมาออกที่ธุรกิจคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือพีซี รวมถึงธุรกิจทีวีและหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่สร้างกำไรให้โซนีเท่าที่ควร สิ่งที่โซนีประกาศออกมาในขณะนี้คือการเตรียมพร้อมหยุดวางแผน, ออกแบบ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับธุกิจคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และการขายกิจการ Sony VAIO ทำให้กลุ่มทุน JIP มีอำนาจเข้ามาควบคุมการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับ Sony VAIO ทั้งหมด โดยโซนีให้เหตุผลที่ทำให้ต้องตัดสินใจเช่นนี้ว่าเป็นเพราะ “ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่” ในตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล

รายงานระบุว่า 6 เดือนที่ผ่านมา โซนีมีส่วนแบ่งตลาดรวมคิดเป็น 8% เท่านั้น ซึ่งถือว่าไม่เพียงพอสำหรับบริษัทบิ๊กเนมอย่างโซนี หากเทียบกับช่วงยุคทอง โซนีจัดส่งคอมพิวเตอร์พีซีมากกว่า 9 ล้านเครื่องต่อปี แต่ตัวเลขเหล่านี้ลดลงจนทำให้ซีอีโอโซนีเชื่อว่าจะดีกว่าถ้าวิศวกรโซนีหันมาให้ความสนใจธุรกิจสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตโดยเฉพาะ แผนการนี้ถูกมองว่าไม่ได้ทำให้ผู้ผลิตพีซีเจ้าใหญ่อย่างเอชพี (Hewlett-Packard), เดลล์ (Dell) และเลอโนโว (Lenovo) สั่นสะเทือน เพราะทั้ง 3 แบรนด์ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาตลาดคอนซูเมอร์เพื่อการอยู่รอด โดยทั้งหมดสามารถเจาะตลาดองค์กรทั้งเล็ก-กลาง-ใหญ่ได้แบบปูพรม เรื่องนี้นักวิจัยการ์ทเนอร์ (Gartner) เชื่อว่าการถึงฆาตของอาณาจักรพีซีโซนีนั้นเกิดขึ้นเพราะการเปลี่ยนแปลงของตลาดจริงอย่างที่โซนีแถลง แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงเฉพาะตลาดคอนซูเมอร์ เพราะช่วงปลายปี 2557 ที่ผ่านมา ตลาดสินค้าไอทีอเมริกันนั้นคึกคักมาก แต่เป็นความคึกคักที่เกิดขึ้นเฉพาะในตลาดแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน ไม่ใช่ตลาดพีซี