โรเบิร์ต โจ ลอง จอมข่มขืนที่ใช้โฆษณาหาคู่ล่อลวงเหยื่อสาวกว่า 10 รายในหนึ่งปี
สาเหตุที่ทำให้คนธรรมดากลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องนั้นมีหลากหลาย อีกทฤษฏีหนึ่งที่หลายคนเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างสูงคือพันธุกรรม มีคนเชื่อว่าหลายคนตอนเกิดมาจะมียีนชนิดหนึ่งเรียกว่ายีนส์ DNA ฆาตกร ใครมียีนนี้มีสิทธิเป็นฆาตกรเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ฆาตกรต่อเนื่องส่วนมากมักมีร่างกายพิกลพิการ รูปร่างร่างกายไม่สมส่วน เช่น หน้าผาก ปาก คอ ตา ฟัน จมูกหรือผม หัวกะโหลก ผู้ที่มีบุคลิกภาพแบบนี้จะมาพร้อมกับโรคจิต มีปมด้อยทางสังคม อยากให้คนอื่นยอมรับตน ผลที่ตามมาคือกลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องในที่สุด
ปี 1876 ลอมโบรโซ อาจารย์ทางนิติเวชวิทยา ได้ออกหนังสือชื่อ "Criminal Man" หนังสือของเขาโด่งดังไปทั่วโลก ลอมโบรโซได้สรุปบุคลิกภาพอาชญากรที่ยังมีชีวิตอยู่กว่า 6,034 ราย แบ่งเป็นกลุ่มดังนี้ว่า
- กลุ่มลอบสังหาร (นักการเมือง) จะมีลักษณะคือ ขากรรไกรแข็งแรง โหนกแก้มห่างกันมาก ผมดกดำ เคราหรอมแหรม สีหน้าซีดคล้ายคนอมโรค
- กลุ่มทำร้ายร่างกาย มีกระโหลกกลม มือยาว หน้าผากแคบ
- กลุ่มข่มขืน มือสั้น หน้าผากแคบ ผมทอง อวัยวะเพศผิดปกติ
- กลุ่มนักวางเพลิง มือและเท้ายาว ศีรษะเล็ก น้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติ
ตัวอย่างที่เห็นชัดเช่น อังเดร ชิกาทิโล ฆาตกรต่อเนื่องของรัสเซียก็มีความผิดปกติในร่างกายเช่นกัน สาเหตุจากน้ำที่อยู่ในสมองมักจะขังอยู่ในบริเวณเนื้อเยื่อสมอง ทำให้ชิกาทิโล มีศีรษะที่โตกว่าคนปกติ
บ๊อบบี้ โจ ลอง หรือโรเบิร์ต โจ ลอง
เกิดวันที่ 14 ตุลาคม มีฉายาว่า Classified Ad Rapist (นักข่มขืนจอมโฆษณา) ฆ่าคนไป 10คน (อาจมากกว่านั้น) ก่อเหตุเฉพาะในปี 1984 ในฟลอริดา ข่มขืนอย่างทารุณและฆ่าผู้หญิงอย่างน้อย 10 ราย ในช่วง 8 เดือนในหนึ่งปีเท่านั้น สุดท้ายเขาพลาดอย่างง่าย ๆ เมื่อเขาปล่อยเหยื่อรายสุดท้ายหลังจากข่มขืนเธอเป็นเวลา 26 ชั่วโมง และเธอได้ให้ข้อมูลแก่ตำรวจทำให้สาวมาถึงตัวเขาได้ Classified Ad Rapist (นักข่มขืนจอมโฆษณา) เป็นประเภทของฆาตกรที่เรียกว่า Want ad killers (พวกชอบประกาศตนเองว่าเป็นฆาตกร) เป็นฆาตกรที่แฝงตัวในบุคลิกของชายผู้มีหัวใจอันเปล่าเปลี่ยว และใช้โฆษณาในหนังสือพิมพ์หรือสื่ออื่น ๆ เป็นสื่อล่อลวง เช่น ลงว่าอยากหาคู่แต่งงาน และเมื่อได้เหยื่อฆาตกรจะมีวิธีการจัดการเหยื่ออย่างรุนแรง ข่มขื่น ทรมาน บางกรณีถึงขั้นฆ่าหั่นศพ กินเนื้อ ฯลฯ แต่กระนั้นฆาตกรประเภทนี้ค่อนข้างเลือกเหยื่อพอสมควร ตัวอย่างฆาตกรประเภทนี้ที่โด่งดังก็เช่น กันเนส เบลล์, ฮาร์วี่ แกลตแมน, โรเบิร์ต แฮนเซ่น
บ๊อบบี้ โจ ลอง เกิดที่เมืองเคโนฟ เมืองหนึ่งในเวอร์จิเนีย ตอนที่เขาเกิดมานั้นพบว่าเขามีความผิดปกติของยีนคือ เขามีโครโมโซม X พิเศษ (โครโมโซม X คือ โครโมโซมเกี่ยวกับเพศและพันธุกรรม) ทำให้หัวนมของเขาขยายใหญ่จนเหมือนหน้าอกผู้หญิง กลายเป็นจุดด้อยทำให้เขาถูกล้อเลียนอย่างรุนแรงในสมัยเด็ก และเขามีความสัมพันธ์ประเภท *dysfunctional family ระหว่างแม่กับเขา และเมื่อเขาเป็นวัยรุ่นก็มีเรื่องขัดเคืองเกี่ยวกับเพื่อนชายของแม่เล็กน้อย
ในปี 1974 เขาแต่งงานกับแฟนที่คบหากันในโรงเรียน มีลูกด้วยกันสองคน ก่อนที่เธอจะขอยื่นใบหย่าในปี 1980 ด้วยเหตุผลใดไม่ทราบ (ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้บ๊อบบี้ โจ ลอง เริ่มฆ่าผู้หญิง)
dysfunctional family ยังไม่มีนิยามที่จำกัดเฉพาะเจาะจงและกินความหมาย กว้าง แต่ถ้าแปลง่าย ๆ ก็หมายถึงครอบครัวที่ไม่สามารถทำหน้าที่ของครอบครัวได้ ขาดความเข้าใจในกันและกัน ไม่สามารถสื่อสารระหว่างกันและกันได้อย่างสนิทใจ หรือมีสิ่งแวดล้อมในทางลบที่ส่งผลต่อการเติบโตของสมาชิกในครอบครัว มีการทำร้ายกันในด้านร่างกายและอารมณ์ความรู้สึก
ก่อนหน้าที่บ๊อบบี้ โจ ลองจะก่อเหตุฆาตกรรมต่อเนื่อง ในพื้นที่ที่บ๊อบบี้อยู่นั้นมีคดีข่มขืนอย่างน้อย 50 คดี ในเขตฟอร์ท ลอเดอร์เดล, โอคาลา, ไมอามี่ และเดด คันทรี่ หากบ๊อบบี้เป็นคนก่อคดีนี้ทั้งหมดแล้วล่ะก็เขาน่าจะมีความคิดวิปริตตั้งแต่นั้นแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมตั้งแต่ปี 1981 บ๊อบบี้กลับเลิกออกอาละวาดออกหาเหยื่อ แต่หันมาเริ่มทำการโฆษณาทางสื่อแทน ผู้หญิงคนหนึ่งหลงตัวตอบรับ เขาจึงไปหาเธอที่บ้านและพบว่าเธออยู่คนเดียว เขาลงมือข่มขืนเธอ และถูกจับในที่สุด หากฝ่ายหญิงไม่เอาเรื่อง ทำให้โทษของบ๊อบบี้ลดลง ทำให้บ๊อบบี้ได้ข้อคิดว่าจะก่อคดีควรทำโดยไม่ให้ถูกจับได้ ไม่รู้ว่าเหยื่อของบ๊อบบี้ โจ ลอง ที่ถูกฆ่าไปมีทั้งหมดกี่รายกันแน่ แต่เหยื่อที่สามารถระบุได้เป็นทางการ ถูกพบเป็นรายแรกเป็นศพของหญิงเปลือยคนหนึ่ง พบเมื่อพฤษภาคม 1984 ก่อนที่จะมีรายงานการพบศพหญิงเปลือยอีกอย่างน้อย 10 ศพ ทำให้ผู้เกี่ยวข้องในหลายพื้นที่รวมทั้งบุคคลการสถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น HCSO, FBI, กรมตำรวจ, เจ้าหน้าที่พนักงานมณฑล และ FDLE ต้องทำงานกันอย่างจ้าละหวั่น
13 พฤษภาคม 1984 ทางตะวันออกเฉียงใต้ของแทมป้า ฟลอริด้า ในสถานที่แห่งหนึ่ง มีผู้พบศพ ซิมส์ มิเชลล์ เดนิส หญิงทำงานกลางคืน อายุ 22 ปี ในสภาพเปลือยเปล่า มีร่องรอยถูกทุบตีและถูกชกที่ใบหน้าอย่างรุนแรง แขนขาหัก ที่คอมีรอยรัดขนาดใหญ่ปรากฏ น่าจะเป็นรอยจากผ้าไหม การตรวจสอบพบว่ามีอสุจิจำนวนมากอยู่ทั่วร่างกายของเธอ ซึ่งสามารถตรวจระบุได้ว่า ฆาตกรมีเลือดกรุ๊ป AB จากการพบศพนี้คดีเข้าถึงมือ FBI ในเวลาต่อมา เนื่องจากสอบประวัติผู้ตายแล้ว ผู้ตายไม่มีศัตรูที่ถึงขนาดเคียดแค้นจนต้องฆ่าให้ตาย และคดีนี้บางทีอาจเป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง
FBI สรุปว่า ฆาตกรต้องมีพาหนะในการขนส่ง จากสภาพของเหยื่อต้องถูกฆ่าเปลือยมาแล้วและถูกทิ้งไว้จนเน่าเปื่อย ฆาตกรชอบทิ้งศพไกลตาผู้คน เช่น ถนนแถบชนบทและในป่า และเวลาฆ่าเหยื่อมักจัดวางตำแหน่งเหยื่อในลักษณะแปลก ๆ
นอกจากนี้ยังทำการวิเคราะห์สันนิษฐานฆาตกรในคดีนี้ว่าเป็นอย่างไร FBI วิเคราะห์ว่าฆาตกรรายนี้ภายนอกเหมือนคนปกติ ชอบเข้าสังคม ไม่แสดงอารมณ์เด่นชัด หลงตัวเองเป็นที่สุด แข็งแรง อาจมีรอยสัก และพกอาวุธปืน ฆาตกรน่าจะเป็นผู้มีการศึกษา แต่มีปัญหาด้านการปรับตัวและระเบียบวินัย เหลวไหล และเขาอาจมีประวัติในคดีลอบวางเพลิง และทารุณสัตว์ ทางการได้ส่งข้อมูลนี้ไปทั่วทุกรัฐในฟลอริด้าหากแต่มันก็ไม่ช่วยให้ฆาตกรต่อเนื่องหยุดพฤติกรรมของมันได้เลย
8 มิถุนายน 1984 เอลิซาเบ็ธ ลอเดนแบ็ก หญิงสาววัย 22 ปี หายตัวไปอย่างลึกลับ และ 2 สัปดาห์ต่อมามีคนพบศพเธอในสภาพเน่าเปื่อย จนเหลือแต่กระดูก สาเหตุการตายระบุว่าถูกฆ่ารัดคอ และจากการตายของเอลิซาเบธนี้ ทำให้การคาดการณ์ของเจ้าหน้าที่ผิดเพี้ยนไปหมดเพราะว่าเธอไม่ได้ขายตัวและไม่ได้ใช้ยาเสพติด อะไรคือจุดร่วม ที่ทำให้ฆาตกรเลือกเหยื่อในครั้งนี้? หลายวันหลังจากนั้นฆาตกรต่อเนื่องยังคงย่ามใจและก่อคดีอย่างเมามัน. 7 ตุลาคม 1984 พบศพ ชาแนล เดวอน วิลเลี่ยมส์ สาวผิวดำที่เพิ่งออกจากคุกหลังค้าประเวณีถูกฆ่า ศพของเธอถูกทิ้งแถวฟาร์มปศุสัตว์สัตว์ทางเหนือของสวนสาธารณะ ฮิลส์โบโรจ์ นานกว่า 1 สัปดาห์ ร่างเน่าเละเต็มไปด้วยหนอน เสื้อผ้ากางเกงหลุดลุ่ย จนจำสภาพหน้าไม่ได้ต้องอาศัยลายนิ้วมือพิสูจน์ว่าเป็นใคร ตำรวจพบคราบอสุจิและกลุ่มเลือดที่คาดว่าเป็นของฆาตกรรายเดียวกันก่อนหน้านี้
14 ตุลาคม 1984 ทางตะวันออกเฉียงเหนือของฮิลล์โบโรจ์ คันทรี่ พบศพ คาเรน ดินสเฟรน หญิงขายบริการ อายุประมาณ 28 ปี มีผ้าพันคอสีแดงล้อมรอบตัวศพ เนื้อหนังถลอก แสดงให้เห็นว่าฆาตกรมีคนเดียว เพราะเธอโดนลาก มีเสื้อเพียงตัวเดียวครอบอยู่ที่หัวของเธอ ตำรวจพบอสุจิในร่างของศพ จึงรู้ว่าเป็นฝีมือของฆาตกรก่อนหน้านี้ ถัดไป 2 สัปดาห์หลังวันฮาโลวีน พบศพ คิมเบอร์ลี่ ฮุปส์ อายุ 22 ปี สาวขายบริการ ริมถนนทางเหนือสาย 301 ฮิลล์โบโรจ์ คันทรี่ ถูกฆ่ารัดคอด้วยผ้าสีดำ 6 พฤศจิกายน 1984 ในเมือปาสโก้ไม่ไกลจากฮิลล์โบโรจ์ พบศพ เวอร์จิเนีย จอห์นสัน หญิงขายบริการ อายุ 20 ปี ในฟาร์มปศุสัตว์ เสียชีวิตเพราะถูกฆ่าคัดคอด้วยเชือกผูกรองเท้า 12 พฤศจิกายน ในแทมป้า พบศพ คิมแมรี่ สแวนน์ อายุ 21 ปี อาชีพนักเต้นรำ ตายมาแล้ว 2-3 วัน เสื้อผ้าอยู่ครบ ตำรวจรู้ชื่อเธอจากใบขับขี่ในกางเกงยีนต์ เธอถูกฆ่ารัดคอ และมีแผลไหม้ที่ร่างกาย และตำรวจเริ่มได้ข้อสันนิษฐานอย่างหนึ่งคือ ฆาตกรเน้นเหยื่อที่มีอายุราว 20 ปีต้น ๆ
ศพที่ตำรวจรู้ชัดว่าเป็นฝีมือของฆาตกรคนเดียวกันมีจำนวนเท่านี้ หากแต่หลังจากการจับบ๊อบบี้ โจ ลองได้ หลังการปล่อยเหยื่อคนหนึ่งคือ ลิซ่า แมควี่ อายุ 18 ปี ที่พบกันระหว่างทาง เขาจับเธอขึ้นรถและมีเซ็กส์กับเธอตลอด 26 ชั่วโมง โดยตลอด 26 ชั่วโมงนั้น เขาข่มขืนเธอมาราธอน โดยปิดตาเธอ ก่อนที่จะปล่อยตัวเธอไว้ข้างทาง เพราะเหตุใดเธอจึงไม่ถูกฆ่าไม่มีใครทราบ และเมื่อลิซ่าได้สติ เธอรีบมาแจ้งความทันที เธอให้การว่า “เขารู้สึกมีความสุขที่ได้ข่มขืนและฆ่าเหยื่อของเขา” และตำรวจก็เชื่อมโยงคดีฆาตกรรมต่อเนื่องก่อนหน้า และจับบ็อบบี้ได้คารถเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน
บ๊อบบี้ให้การกับเจ้าหน้าที่คร่าว ๆ ว่าความจริงตนสังหารเหยื่อไปมากกว่าที่เจ้าหน้าที่รู้เสียอีก บ๊อบบี้ โจ ลอง ถูกตำรวจจับอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 1984 เขาให้การว่า เขาเข้ามาที่แทมป้า ในปี 1983 และทำการฆาตกรรมในปีนั้นถึง 30-35 ราย และในปี 1984 เขาทำการสังหารเหยื่อในช่วง 8 เดือนโดยไม่ซ้ำแบบ ความจริงมีเหยื่ออีก 5 รายที่เจ้าหน้าที่หาไม่พบ แต่เขาจำไม่ได้ว่าซ่อนไว้ไหน รู้แต่ว่าเหยื่อมีอาชีพเป็นนักเต้นระบำโป๊ นักเรียน คนงานในโรงงาน นอกนั้นไม่รู้
บ๊อบบี้ โจ ลองถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยเก้าอี้ไฟฟ้า เมื่อ 24 กันยายน 1985 จากคดีฆาตกรรม ซิมส์ มิเชล เดนิส หากแต่ภายหลังได้รับการลดหย่อนโทษ เหลือเป็นจำคุกตลอดชีวิต ปัจจุบัน บ๊อบบี้ โจ ลอง ยังคงอยู่อย่างสุขสบายในเรือนจำ ตอนนี้อายุก็ปาไป 56 ปี แล้วและไม่ทีท่าจะได้ออกจากเรือนจำไปสู่สังคมแต่อย่างใด
เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2013 เขาได้เขียนจดหมาย 6 หน้ากระดาษไปให้หญิงคนหนึ่ง เพื่อเกี้ยวพาราสีเธอ พร้อมอธิบายลักษณะรสนิยมทางเพศโปรดของเขาให้เธอรู้อีกด้วย