ชายหนุ่มผู้ขอรับรางวัลโดยการโบยหลัง 100 ครั้ง
การครั้งหนึ่ง มีพรานป่าสองพ่อลูก อาศัยอยู่ในป่าใหญ่แห่งหนึ่ง กลางวันพ่อก็ออกไปล่าสัตว์ ส่วนลูกก็อยู่ดูแลบ้าน หุงหาอาหารไว้คอยท่า อยู่กันมาด้วยความสุข วันหนึ่งพ่อออกไปล่าสัตว์บังเอิญถูกงูเห่ากัด พยายามฝืนความเจ็บปวด ลากสังขารกลับมาบ้าน และสั่งเสียลูกชายไว้ก่อนตายว่า ให้นำของดีประจำตระกูลคือนอแรดอันสวยงามไปมอบให้ฮ่องเต้ เพื่อขอถวายตัวให้พระองค์ชุบเลี้ยงต่อไป
หลังจากเผาศพพ่อเรียบร้อยแล้วลูกชายก็นำนอแรดเดินทางไปที่วังของฮ่องเต้ พบนายประตูชั้นนอกของพระราชวัง อ้อนวอนนายประตูวังให้พาไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ นายประตูเห็นนอแรดงดงามเช่นนั้น คิดว่าหนุ่มน้อยคนนี้ คงได้รับพระราชทานรางวัลจากฮ่องเต้จำนวนมาก จึงเกิดความโลภ บอกชายหนุ่มว่าจะพาเข้าไปก็ได้ แต่เมื่อได้รับพระราชทานรางวัลแล้วต้องแบ่งให้ตนครึ่งหนึ่ง ชายหนุ่มก็ตอบตกลง
นายประตูวังชั้นใน เมื่อทราบเรื่องราวก็เกิดความโลภเช่นกัน จึงบอกชายหนุ่มว่า จะพาเข้าเฝ้าต่อเมื่อชายหนุ่มรับปากว่าจะแบ่งรางวัลให้ครึ่งหนึ่ง ชายหนุ่มก็ตอบตกลงอีก นายประตูวังชั้นในจึงพาชายหนุ่มเข้าเฝ้าฮ่องเต้
เมื่อฮ่องเต้ทอดพระเนตรเห็นนอแรดนั้นแล้ว มีความพอพระทัยมาก ถามชายหนุ่มว่าต้องการรางวัลอะไร ชายหนุ่มตอบว่าขอพระองค์โปรดพระราชทานรางวัล 2 ประการ คือ
1. ขอให้พระองค์รับตนไว้เป็นข้าทูลละอองธุลีพระบาทตลอดไป
2. ขอให้พระองค์พระราชทานรางวัล โดยการโบยหลังตน 100 ที
พระราชแปลกใจมาก ถามว่าทำไมเจ้าถึงต้องการรางวัลโง่ ๆ อย่างนั้น ทำให้ตนเจ็บตัวเปล่า
ชายหนุ่มจึงทูลเล่าความจริงให้ฟัง ว่าไม่ได้ต้องการรับการเฆี่ยนตีเอง แต่ขอเพื่อแบ่งให้นายประตูทั้งสองคน คนละครึ่ง
เมื่อทรงทราบแล้วฮ่องเต้ทรงพิโรธมาก สั่งให้ทหารนำตัวนายประตูทั้งสองไปเฆี่ยนคนละ 50 ที และแต่งตั้งชายหนุ่มนั้นเป็นมหาดเล็กประจำพระองค์ ชายหนุ่มนั้นรับราชการด้วยความชื่อสัตย์ สุจริต ขยันหมั่นเพียร ภายหลังก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นลำดับ จนได้เป็นกรมวังของพระนคร