เมื่อผมได้สัมผัสกับจิตวิญญาณ บริการแบบญี่ปุ่น ที่งดงามดุจดอกซากุระบานครับ
มีเรื่องเล่าครับ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อคืน ในชั่วโมงสุดท้ายก่อนที่ผมจะบินกลับจากญี่ปุ่น ผมเข้าไปนั่งพักใน lounge ของ ANA ที่สนามบินฮาเนดะเพื่อรอขึ้นเครื่องกลับเมืองไทย ระหว่างที่รอ ผมก็ไปหาอะไรมานั่งทาน ซึ่งก่อนจะทานอาหารแต่ละครั้ง สิ่งหนึ่งที่ผมต้องทำก็คือถอดรีเทนเนอร์ครอบฟันของตัวเองออก ครั้งนี้ก็เช่นกัน ผมถอดและเอากระดาษทิชชู่มาห่อปกปิดมันไว้อย่างดี ราวกับเกรงว่าถ้าใครเหลือบมาเห็นอาจรู้สึกไม่สบายตาเท่าไรนัก กับวัตถุสีใสทรงประหลาดที่สะท้อนคราบน้ำลายที่ติดอยู่เล็กน้อยพอให้รู้ว่ามันมีเจ้าของ (ฮ่าๆ) ผมวางรีเทนเนอร์ไว้ข้างๆ จาน ในถาดอาหารเดียวกัน แล้วก็เริ่มทานทุกอย่างตรงหน้าอย่างเพลิดเพลิน โดยไม่รู้ตัวเลยว่าหายนะกำลังจะบังเกิด ในอีกไม่กี่นาทีต่อมาหลังจากที่ทานเสร็จ
เมื่ออาหารในถาดอันตรธานหายไป ทิ้งไว้เพียงร่องรอยของความหิวโหย ก็เป็นสัญญาณให้พนักงานตัวแม่แห่งการบริการชาวญี่ปุ่นพุ่งตรงมาเก็บกวาดทุกอย่างออกไป ให้โต๊ะแลดูสะอาดหมดจดราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนที่เธอผู้นั้นมาปฏิบัติหน้าที่ตรงหน้า ผมก็ไม่พูดไม่จาอะไร นั่งเล่นมือถือ เพียงหันไปสบตาและก้มหัวให้เล็กน้อย แทนคำขอบคุณที่เค้ามาเก็บถาดอาหารให้...
จนผ่านไปหลายนาที ตอนที่ผมกำลังจะลุกไปนั่งมุมอื่นบ้าง ถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า เฮ้ย! รีเทนเนอร์ตรู!!! มันอยู่ในถาดนั้นนนน!! ภาพชะตาชีวิตของเจ้ารีเทนเนอร์ท่ามกลางกองขยะและเศษอาหารหลากสีสันผุดขึ้นในหัวผมราวกับฉากสยองขวัญทันที จะเป็นตายร้ายดียังไงบ้างแล้วเนี่ย! โอ้ว ชีวิต! ผมรีบกวักมือเรียกพนักงานต้อนรับชาวญี่ปุ่นที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ให้เข้ามาหา
"ซุมิมาเซ็นๆ" ผมขอโทษเค้าอย่างลนลาน แล้วจึงเล่าความสะเพร่าของตัวเองให้เค้าฟัง ใช้คำถูกบ้างผิดบ้าง เพราะที่ผ่านมา ยังไม่เคยต้องใช้ภาษาญี่ปุ่นคุยอภิปรายหัวข้อใดที่เฉียดมาใกล้เรื่องรีเทนเนอร์ครอบฟันเลย ตลอดเวลาที่ผมพยายามอธิบาย พนักงานคนนี้ก็มีสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ทำให้ผมพอจะใจเย็นลงได้บ้าง พอเธอจับใจความได้ว่าผมทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับฟันหาย เธอก็แสดงอาการตกใจเล็กน้อย แล้วก็บอกให้ผมรอสักครู่พร้อมกับวิ่งหายไปจากขอบสายตาของผม
ในใจผมคิดว่าไม่มีทางแน่ที่จะได้มันคืนมา ลาก่อนรีเทนเนอร์เพื่อนรัก lounge ออกจะกว้างใหญ่ ถาดอาหารตั้งกี่ถาดที่ถูกเก็บกวาดไป ป่านนี้แกคงตกไปอยู่ขยะขุมไหนก็ไม่รู้...
แต่! ไม่เกิน 10 นาทีต่อมา ระหว่างที่ผมกำลังนั่งคิดว่ากลับไปคงต้องรีบติดต่อหมอฟันทำอันใหม่ให้ เธอคนเดิมก็วิ่งกลับมาพร้อมใบหน้าที่ดูสว่างใส เปล่งประกายความภูมิใจบางอย่าง และในมือเล็กๆ สีขาวนั่น...ก็มีสิ่งที่ผมไม่คาดคิดว่าจะได้พบกันอีก!
ใช่ครับ! เจ้ารีเทนเนอร์ของผม! มายก๊อด! มันยังมีชีวิตอยู่! เธอหาเจอได้ไงเนี่ย! นี่แอบไปให้โดราเอมอนช่วยใช้ของวิเศษหาให้ใช่มั้ย! บอกมานะ! ผมดีใจปนตกใจ ระหว่างนั้นเธอก็เอาแต่ขอโทษขอโพย ผมนึกในใจว่าจะขอโทษอะไรกัน นี่ถ้าเป็นละคร เธอก็คือนางเอกที่ฟ้าส่งมาช่วยเหลือพระเอกซึ่งกำลังตกที่นั่งลำบากเลยนะ!
แต่ก็เหมือนดั่งในละครครับ อุปสรรคย่อมต้องไม่หมดแค่นั้น... เพราะที่เจอมันแค่ครึ่งเดียวของสิ่งที่หายไปน่ะสิ ได้มาแค่ครึ่งบน ยังขาดรีเทนเนอร์ของฟันครึ่งล่างอีก ผมเลยรีบบอกเธอไปว่าจริงๆ แล้วยังมีอีกส่วน เธอก็พยักหน้างกๆ โดยยังไม่ทิ้งรอยยิ้มที่สดใส ไม่เผยท่าทีอิดออดใดๆ เลยสักนิด กับการต้องมาช่วยแก้ปัญหาของผม แล้วเธอก็รีบวิ่งหายตัวไปอีกรอบ
และไม่กี่นาทีต่อมา! เธอก็กลับมาอีกครั้ง ใบหน้าเธอสว่างใสยิ่งกว่าเดิม เธอกลับมาพร้อมกับรีเทนเนอร์ฟันครึ่งล่างของผมครับ! ผมได้แต่อ้าปากค้าง นี่ถ้าเป็นในหนัง โมเมนท์นี้คือฉากพีคที่ต้อง slow motion ภาพฟุ้งๆ ชวนฝัน... soundtrack โหมอารมณ์ท่านผู้อ่านต้องมา...
"ก็ไม่รู้จะเอ่ยคำไหนได้ดีกว่า...อาริงาโต!!!" (tie-in ขายของสักนิด ยังเป็น 4 พยางค์อยู่นะ ฮ่าๆ)
พนักงานคนนั้นกล่าวขอโทษผมอีกครั้ง พร้อมกับบอกว่าทางเค้าได้ทำความสะอาดมาให้แล้ว แต่ไม่แน่ใจว่ามันโอเคมั้ย นั่นคือตอนที่ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่า โอ้ว เจ้ารีเทนเนอร์ของผมมันสะอาดหมดจดจริงๆ ไม่พบร่องรอยการไปผจญภัยในดินแดนมืดมนแห่งสิ่งสกปรกมาเลยแม้แต่น้อย นี่เธอขัดไปกี่รอบเนี่ย!
ผมสบตาเธออีกครั้ง พร้อมกับขอโทษที่ทำให้ต้องวุ่นวาย ผมไม่รู้ว่าตอนที่เธอหายไป เธอต้องไปเผชิญกับความยากลำบากอย่างไรบ้างในการค้นหาสิ่งของของผม แต่ทุกครั้งที่เธอกลับมา เธอกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มเสมอ มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกประทับใจ นี่สินะที่เค้าเรียกว่า "หัวใจแห่งการบริการ"
ที่มาเล่าให้ฟังไม่ใช่เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญอะไร ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่อาจจะเพราะมันเป็นเรื่องที่ดูไม่น่าสำคัญ เพราะมันเป็นเรื่องที่ดูเล็กน้อยนี่แหละ จึงทำให้เรายิ่งรู้สึกประทับใจ เมื่อมีใครสักคน "ตั้งใจ" กับมันอย่างเต็มที่ ถ้าผมเป็นเธอ ผมคงจะถอดใจยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันพยายามเลยด้วยซ้ำ ผมรู้สึกทึ่งและชื่นชมในความตั้งใจของเธอจริงๆ ครับ
ไปญี่ปุ่นเที่ยวนี้ ผมตั้งใจไปดูซากุระบานในสวน ริมแม่น้ำ และตามสถานที่ต่างๆ ในเมือง ผมชื่นชมความงดงามของมันจนเต็มอิ่มมากๆ ตลอด 4 วันที่อยู่ที่นั่น ไม่คิดเลยว่าแม้กระทั่งในชั่วโมงสุดท้ายก่อนขึ้นเครื่องบินกลับเมืองไทย ผมจะยังได้เห็น “ซากุระ” อีกรอบ
“ซากุระ” ดอกเล็กๆ ที่บานงดงามอยู่ในใจคนญี่ปุ่น มองด้วยตาคงไม่เห็น แต่ถ้ามองด้วยหัวใจ มันสวยงามไม่แพ้ต้นใหญ่ๆ เลยจริงๆ ครับ
ที่มา: https://www.facebook.com/nat.sakdatorn