ดูแล้วเตือนเพื่อนด้วย ผลร้ายจากยาสเตรียรอยด์ !
ผลข้างเคียงของนักกล้ามที่ใช้ยาสเตียรอยด์เป็นประจำ
(ตัวบวม ภูมิคุ้มกันบกพร่อง)
ตัวยาสตีรอยด์ "คุณอนันต์ แต่อันตรายถึงชีวิต"
โดย Mr. Pfizer
ตัวยาสตีรอยด์เป็นยาแผนปัจจุบัน ตามกฎหมายจัดเป็นยาควบคุมพิเศษ ร้านขายยาจะจ่ายได้เฉพาะกรณีมีใบสั่งยาจากแพทย์เท่านั้น จำหน่ายโดยตนเองไม่ได้ผิดกฎหมาย
แต่การใช้ยาที่มีส่วนผสมของตัวยาสตีรอยด์ติดต่อกันนานๆ (โดยทั่วไป คือมากกว่า 1-2 สัปดาห์) จะเริ่มปรากฏผลเสียของยา เช่น ร่างกายอ้วนขึ้น เสื้อผ้าคับ น้ำหนักเพิ่ม หน้ากลม แก้มย้อยเหมือนวงพระจันทร์ มีโหนกไขมันที่ท้ายทอยเหมือนวัวเหมือนควาย ซึ่งเป็นอาการที่สังเกตได้ภายนอก
นอกจากนี้ ยาสตีรอยด์ทำให้การทำงานของไตลดลง ขับน้ำออกจากร่างกายน้อยลง ร่างกายมีปริมาณน้ำมากขึ้น ทำให้ตัวบวม ความดันเลือดสูงขึ้น ระดับน้ำตาลในเลือดสูง เหมือนเป็นโรคเบาหวาน และเมื่อใช้ไปนานๆ อาจทำให้เป็นโรคจิต เสียสติ โคม่า และเสียชีวิตได้
ดังนั้น เราจึงต้องเตือยคนใกล้ตัว และญาติๆ ทั้งหลาย
บางคนใช้ยาสเตียรอยด์รักษาสิว
แต่ใช้ไปนานๆ จะเจอสิวที่ร้ายแรงยิ่งกว่า
สิวจากสเตียรอยด์
ผิวบางจากสเตียรอยด์
แหล่งที่พบตัวยาสตีรอยด์ผสมอยู่
ผู้ป่วยที่เข้ารักษาในโรงพยาบาลกลุ่มนี้ให้ข้อมูลว่าได้ยาเหล่านี้ (ที่มีสารสตีรอยด์ผสมอยู่) จากร้านขายยาแผนปัจจุบัน ร้านขายยาแผนโบราณ ร้านขายของชำ และเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นแหล่งที่จำหน่ายยาอันตราย
สังเกตได้อย่างไรว่ามีตัวยาสตีรอยด์ผสมอยู่หรือไม่
การสังเกต อาจทำได้ 2 ส่วนดังนี้
1. การเลือกซื้อถ้าต้องการใช้ยาลูกกลอนหรือยาสมุนไพร ควรเป็นยาที่ผลิตจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ผ่านการขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งสังเกตได้จากกล่อง ฉลาก และเอกสารกำกับยา
2. อาการผิดปกติจากการใช้ยาเมื่อเริ่มและระหว่างใช้ยา ควรสังเกตอาการผิดปกติของร่างกาย เช่น เกิดผื่นคัน ซึ่งอาจเกิดจากการแพ้ยา หรือเกิดอาการเสื้อผ้าคับน้ำหนักเพิ่ม หน้ากลม แก้มย้อย มีโหนกไขมันที่ท้ายทอย ซึ่งอาจเป็นผลข้างเคียงของยาสตีรอยด์ ก็ควรนำตัวอย่างยามาปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรทันที ไม่ควรหยุดยาเอง เพราะอาจเกิดอันตรายได้
ยาในกลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่ายาเสตียรอยด์ ได้แก่ เพรดนิโซโลน เด็กซาเมทาโซน เป็นต้น ยากลุ่มนี้เป็นยาแผนปัจจุบัน ชนิดควบคุมพิเศษ ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องยาควบคุมพิเศษ ฉบับลงวันที่ 26 พฤษภาคม 2521 ผู้ที่รับประทานยานี้ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ เพราะหากรับประทานยานี้เป็นประจำ อาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย เช่น
1. เกิดแผลในกระเพาะอาหาร ถึงขั้นกระเพาะทะลุได้
2. ทำให้ตัวบวม หน้าบวมฉุ
3. ทำให้กระดูกผุกร่อน เปราะแตกง่าย
4. ทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำลง จึงติดเชื้อโรคต่างๆ ง่าย
5. ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ทำให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานมีอาการเพิ่มขึ้น หรือต้องใช้อินซูลินมากขึ้น
เมื่อใช้ยาเป็นเวลานานแล้ว หยุดรับประทานอย่างกระทันหัน ร่างกายจะปรับตัวไม่ทัน ทำให้เป็นอันตราย ถึงแก่ชีวิตได้ จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนหยุดรับประทานยา
อ้างอิง ภก.วิรัตน์ ทองรอด