“ปันปั่น” อีกก้าวของรถถีบไทย
ตามหลักฐานที่ปรากฎ “รถถีบหรือจักรยาน” ได้รับการนำเข้ามาครั้งแรกในประเทศไทย ในช่วงเวลาประมาณ พ.ศ. 2420 หรือตรงกับรัชสมัยของรัชกาลที่ 5 หากนับถึงปัจจุบัน คนไทยได้ทำความรู้จักกับยานพาหนะชนิดนี้ล่วงเวลามาแล้วกว่า 136 ปี หากมองเพียงตัวเลขของเวลา อาจกล่าวได้อย่างไม่เกินไปนักว่าคนไทยเรา น่าจะมีความสนิทสนมคุ้นเคยกับรถจักรยาน เป็นเหมือนพี่ เหมือนน้อง และเพื่อนเก่าแก่ มากที่สุดชนิดหนึ่งหากเทียบกับ “ยานพาหนะสมัยใหม่” ชนิดอื่น ๆ แต่ในปัจจุบัน คนไทยกับจักรยานกลับมี “ระยะห่าง” ของความเป็นเพื่อนมากกว่าที่ควรจะเป็น อาจเนื่องมาจากการพัฒนา(แบบไร้ทิศทาง) ของระบบการคมนาคมขนส่งของไทย ก่อให้เกิดปริมาณรถยนต์ที่มากขึ้นเต็มท้องถนน จนในที่สุดก็ได้บดบังและผลักไสให้ ระบบยานพาหนะแรงคนไม่ว่าจะเป็น รถสามล้อลาก รถม้า และแน่นอนรวมไปถึงจักรยานสูญสิ้นไปจากท้องถนนไทย เราจึงเหมือน “เพื่อนเก่า” ที่ต่างก็ลืมเลือนกันไปในที่สุด

(ขอบคุณภาพจักรยานเก่า ๆ จาก http://www.thaiscooter.com มาก ๆ นะครับ)
ย้อนข้ามเวลากลับมาสู่ยุคปัจจุบัน “ปันปั่น” หรือโครงการเช่า-ยืมจักรยานได้ก่อกำเนิดขึ้นเพื่อเป็นอีกทางเลือกของการเดินทางท่ามกลาง สภาพสังคม ที่จักรยานได้ (เกือบ) สูญหายไปโดยสมบูรณ์จากท้องถนนในเมืองใหญ่ ที่เต็มไปด้วยรถยนต์มากมาย เพื่อมุ่งหวังจะเติมเต็มช่องว่างในการเดินทางให้กับคนกรุงเทพฯ ด้วยการเชื่อมโยงการเดินทางด้วยจักรยานเข้ากับขนส่งมวลชนสาธารณะขนาดใหญ่ ซึ่งในห้วงช่วงเวลาที่ผ่านมา ทางไซต์-สเปซิฟิค ได้มีโอกาสไป “ทดลอง” ใช้บริการจึงนำมาเขียนเป็นบทความดังกล่าวเพื่อ “ปัน” ความคิด และความรู้สึกที่มีต่อโครงการดังกล่าว ให้ทุกคนได้รับทราบกัน
สำหรับลักษณะของโครงการจะประกอบไปด้วยสถานีจักรยานและมีสำหรับยืมคืน จำนวน 8 คัน จอดอยู่ในแท่นล็อค พร้อมตู้ยืมอัตโนมัติและในขณะเดียวกันภายในสถานีก็จะมีน้อง ๆ ทีมงานที่น่ารัก อีกประมาณ 2 คนที่จะช่วยเหลืออำนวยความสะดวกในการยืม-คืน ติดต่อสอบถาม รวมไปถึงสมัครสมาชิกแรกเข้าหรือติดต่อในรายละเอียดต่าง ๆ ให้กับผู้มาใช้บริการ (น้อง ๆ ยิ้มแย้ม น่ารัก ตั้งใจให้บริการ แม้ว่าอากศภายนอกจะร้อนมากก็ตาม ขอชื่นชมตรงนี้จากใจครับ)
ในปัจจุบัน (กุมภาพันธ์ 2556) มีสถานีโครงการปันปั่นทั้งหมด 4 สถานี ได้แก่ สถานี จามจุรีสแควร์ สถานีจุฬา 1 (หน้าคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) สถานีจุฬา 2 (หน้าสำนักงานจัดการทรัพย์สินแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) และสถานีสยามสแควร์ (หน้าธนาคารกรุงเทพ) โดยในเวลาอันใกล้ทางโครงการจะขยายสถานีเป็น 50 สถานี ครอบคลุมย่านสำคัญในกรุงเทพฯ อันได้แก่ สยาม สามย่าน สีลมและสาทร นั่นหมายความว่า เราสามารถที่จะยืม-คืนจักรยานได้อย่างสะดวก ให้บริการได้ทั่วถึงไม่ว่าจะเป็น นิสิต นักศึกษา พนักงาน ประชาชนทั่วไปและนักท่องเที่ยว
สำหรับขั้นตอนในการยืมจักรยาน ในขั้นตอนแรกสุด ผู้ใช้บริการ “จำเป็น” ต้องมีบัตรสมาชิก ก่อนสำหรับการสมัคร สามารถสมัครใช้บริการได้ กับ น้อง ๆ ทีมงานที่สถานีจักรยานตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น โดยสิ่งต้องเตรียมไปก็คือ “บัตรประชาชน” (ชาวต่างประเทศใช้หนังสือเดินทาง) และเงินจำนวน 320 บาท ซึ่งค่าใช้จ่ายในการสมัคร ประกอบด้วย
- ค่าธรรมเนียมการออกบัตร 120 บาท (จ่ายเพียงครั้งเดียว)
- ค่าสมาชิกรายปี 100 บาท (มีอายุ 1 ปี)
- มูลค่าบัตรที่เติมไว้ล่วงหน้าสำหรับใช้บริการ 100 บาท
สำหรับขั้นตอนสมัครก็ไม่ได้ยุ่งยากครับ เพียงนำบัตรประชาชนไปยื่นกับน้อง ๆ พร้อมแจ้งความจำนงที่จะสมัครสมาชิก เราก็จะได้รับเอกสารมากรอกรายละเอียดต่าง ๆ ครับ
เมื่อกรอกเรียบร้อยน้อง ๆ ทีมงานก็จะให้ถ่ายรูปลงทะเบียนในระบบ กำหนดรหัสผ่านบัตร(password) ขั้นตอนดังกล่าวใช้เวลาประมาณ 15 นาที เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ เราก็จะได้บัตรน่าตาน่ารักอย่างที่เห็นครับ
ขั้นตอนการยืมจักรยานก็ไม่ยุ่งยาก เพียงเดินหาตู้ยืมอัตโนมัติ นำบัตรมาสัมผัสที่ตู้ ใส่รหัสบัตรส่วนตัว กดเลือกหมายเลขจักรยานที่ตนเองตรวจสอบความเรียบร้อยหรือตนเองชอบ เมื่อกดเลือกจักรยานที่ตัวเองเลือก จะมีไฟสัญญาณขึ้น หลังจากนั้นเพียงเรานำบัตรสมาร์ทการ์ดไปแตะที่แท่นล็อคจักรยาน จักรยานคันดังกล่าวจะได้รับการปลอดล็อค พร้อมที่จะให้เราใช้งานทันที (มาถึงตรงจุดนี้ผู้อ่านบางท่านคงสงสัยว่า หากได้รับจักรยานแล้วพบว่าจักรยานชำรุด เราสามารถที่จะเสียบจักรยานดังกล่าวกลับเข้าสู่แท่นล็อคจักรยานแล้วเลือกจักรยานคันใหม่ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ
อย่างไรก็ตามโดยภายในระบบตู้ยืมอัตโนมัติเราสามารถที่จะตรวจสอบยอดเงินคงเหลือ หรือเติมเงินการใช้บริการได้ด้วยเช่นกัน

(ขอบคุณภาพจักรยานจาก http://www.punpunbikeshare.com)
เส้นทางที่เราเลือกปั่นคือเริ่มจาก จามจุรีสแควร์ มุ่งหน้าเข้าสู่ถนน อังรีดูนังต์ วกเข้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้าสู่ถนนพญาไท ผ่านหน้ามาบุญครอง วกเข้าสู่ สยาม สแควร์ กลับเข้าสู่ ถนนอังรีดูนังต์ อีกครั้งแล้วไปสิ้นสุดที่สถานียืม-คืน สถานีสยาม
ตามที่ทราบโดยทั่วกันว่าเส้นทางดังกล่าว ถือเป็นถนนกลางเมืองที่มีรถค่อนข้างพลุกพล่าน ตลอดทั้งวัน ยิ่งในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน การจราจร ถือว่าค่อนข้างจะอันตรายมาก ๆ สำหรับคนขี่จักรยาน (ทางโครงการไม่มีหมวกนิรภัยให้บริการนะครับ)การขี่บนถนนจึงถูกเบียดหรือปาดหน้าจากรถยนต์ตลอดเวลา จึงอยากจะฝากถึงผู้ที่ขี่จักรยานไม่เก่งมากนัก อาจจะต้องเพิ่มความระวังเป็นพิเศษ รวมไปถึงควรแต่งกายด้วยชุดที่รัดกุมสักเล็กน้อย เพราะหากนิสิตนักศึกษาหญิงปั่น กระโปรงยาวอาจเกิดการเกี่ยวกระชากกับรถยนต์ที่ขับผ่านไปมาอย่างรวดเร็วได้ ซึ่งถือว่าอันตรายพอสมควร
สำหรับจักรยานนั้น ถือว่าขี่ได้นุ่มนวล อาจมีข้อเสียเล็กน้อยที่จักรยานที่เราทดลอง เบรกล้อหลังมีปัญหาเล็กน้อย จึงทำให้ไม่สามารถหยุดรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต้องใช้ความระมัดระวังเล็กน้อยในการขับขี่
นอกจากจะต้องหลบรถยนต์ ผู้ขับขี่ก็ควรระมัดระวัง ผู้คนที่เดินเท้าตามข้างทางด้วย เพราะว่าอย่างที่ได้กล่าวไว้ในข้างต้น ว่าโครงการดังกล่าวตั้งอยู่ในเขตที่มีผู้คนสัญจรไปมาอย่างหนาแน่น
หลังจากที่ขับขี่ลัดเลาะตามเส้นทางพอสมควรแล้ว พวกเราก็ได้เดินทางมาถึงสถานีที่พวกเราตั้งจุดหมายว่าจะมาคืนจักรยานนั่นก็คือสถานีสยาม หน้าตาสถานีก็มีหน้าตาเฉกเช่นเดียวกับสถานีอื่น ๆ วิธีการคืน ก็เพียงแค่เข็นจักรยานเข้าไปชนกับที่ล็อคจักรยานที่ว่าง ตัวล็อคก็จะทำการล็อคจักรยาน จักรยานจะถูกบันทึกเข้าสู่ระบบ เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการยืม-คืน โดยผู้เช่าไม่ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายหรือสูญหายของรถจักรยาน ที่เกิดขึ้นหลังจากเราได้นำรถจักรยานส่งคืนเข้าสู่ระบบเรียบร้อยแล้ว
โครงการ “ปันปั่น” ถือเป็นโครงการที่ได้ฟื้นชีวิตให้จักรยานหรือรถถีบไทย ให้กลับมามีพื้นที่บนเวทีของยานพาหนะทางเลือกอีกครั้ง ซึ่งหากเราย้อนมองดูในห้วงช่วงเวลาที่กรุงเทพเราก้าวเข้าสู่ความทันสมัย เราต่างละเลยและลืมเลือน การพัฒนาระบบการเดินทางที่เรียบง่าย แต่สามารถขับเคลื่อนสังคมได้อย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพ สิ่งแวดล้อม ความสุขและความสวยงามของเมือง อย่างไรก็ตามก้าวต่อไปของ “ปันปั่น” นอกเหนือจากการพัฒนาระบบของตนเองให้สมบูรณ์มากขึ้นแล้ว โครงการดังกล่าวยังคงต้องการการพัฒนา ผังเมือง ระบบทางเท้า รวมไปถึงเส้นทางในการขับขี่ด้วยเช่นกัน เพราะนั่นหมายถึงความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ และสิ่งสำคัญเหนืออื่นใด การพัฒนา “วินัย” ของผู้ใช้รถบนท้องถนนย่อมเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่จะนำมาซึ่งความปลอดภัยของผู้ขับขี่ยานพาหนะและความสุขของผู้ใช้ถนนอย่างยั่งยืน หากพัฒนาอย่างถูกต้องและจริงจัง พวกเราก็อาจจะมีโอกาสที่จะเห็น “เพื่อนเก่า” กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ให้สมกับที่ “คนไทย”ได้รู้จัก “เพื่อนรถถีบ” ชนิดนี้ซี๊ย่ำปึ๊กกันมาร้อยกว่าปี
ชื่อโครงการ
โครงการจักรยานสาธารณะปันปั่น
เจ้าของโครงการ
กรุงเทพมหานคร
ผู้ดำเนินโครงการ
กิจการค้าร่วม เอสบีเอส (Smart Bike Service)
พื้นที่ให้บริการ
ถนนสาทรเหนือ ถนนสาทรใต้ ตลอดสาย
ถนนพระราม 4 ตั้งแต่แยกสะพานลอยไทย-เบลเยี่ยม ถึงแยกสามย่าน
ถนนพญาไท ตั้งแต่แยกสามย่าน ถึงแยกปทุมวัน
ถนนพระราม 1 ตั้งแต่แยกปทุมวัน ถึงแยกราชประสงค์
ถนนราชดำริ ตั้งแต่แยกราชประสงค์ ถึงแยกศาลาแดง
ถนนสีลม ตั้งแต่แยกศาลาแดง ถึงแยกตัดกับถนนนราธิวาส
ถนนนราธิวาส ตั้งแต่แยกตัดกับถนนสีลม ถึงแยกตัดกับถนนสาทร
ถนนวิทยุ ตั้งแต่แยกสะพานลอยไทย-เบลเยี่ยม ถึงแยกเพลินจิต
ถนนเพลินจิต ตั้งแต่แยกตัดกับถนนวิทยุ ถึงแยกราชประสงค์
จำนวนสถานีจอด
50 สถานี
จำนวนแท่นจอด
8 แท่น ต่อ 1 สถานี
จำนวนรถจักรยาน
330 คัน
อัตราค่าใช้บริการ
15 นาทีแรก ไม่คิดค่าบริการ
หลังจาก 15 นาที จนถึง 1 ชั่วโมง คิดค่าบริการ 10 บาท
ชั่วโมงที่ 1-3 คิดค่าบริการ 20 บาท
ชั่วโมงที่ 3-5 คิดค่าบริการ 40 บาท
ชั่วโมงที่ 5-6 คิดค่าบริการ 60 บาท
ชั่วโมงที่ 6-8 คิดค่าบริการ 80 บาท
เกิน 8 ชั่วโมง คิดค่าบริการ 100 บาท
* เศษของชั่วโมง คิดเป็น 1 ชั่วโมง
มากกว่า 24 ชั่วโมง ระบบจะทำการออกรายงานให้เจ้าหน้าที่ทำการติดต่อผู้ใช้บริการให้นำรถจักรยานกลับคืนสู่ระบบ และต้องเสียค่าปรับ 500 บาทต่อวัน (ไม่รวมค่าบริการ) ทั้งนี้เพื่อให้การหมุนเวียนของรถจักรยาน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
คุณสมบัติผู้ใช้บริการ
คุณสมบัติของผู้ใช้บริการให้มีอายุไม่น้อยกว่า 18 ปีบริบูรณ์ ในวันที่สมัครใช้บริการ ผู้ใช้บริการต้องสมัครลงทะเบียนเป็นผู้ใช้บริการจักรยานสาธารณะปันปั่น ด้วยตนเอง โดยใช้บัตรประจำตัวประชาชน บัตรข้าราชการ หรือหนังสือเดินทาง และได้ชำระค่าธรรมเนียมและค่าบริการล่วงหน้าตามที่โครงการกำหนด
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
สภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
ไวรัลอีกครั้ง! “I Promise I Will Comeback” รีรันคืนจอ
ตรงนี้มีคำตอบคนละครึ่งพลัสเฟส 1 ใช้ไม่หมดสามารถนำไปใช้เฟส 2 ได้หรือไม่
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
"ฮุนเซน" เงินหมด ทหาร BHQ คู่ใจทรยศ แอบซบอก "สมรังสี"
ไวรัลอีกครั้ง! “I Promise I Will Comeback” รีรันคืนจอ
ตำรวจแยกสอบ 2 เคส! “เวย์ ไทเทเนี่ยม” ถูกเหยื่อแจ้งความฉ้อโกง อ้างชื่อนักธุรกิจดังตุ๋นลงทุนหุ้นทิพย์ สูญกว่า 50 ล้าน
ตร.เผย เวย์ ไทเทเนี่ยม ใช้ชื่อนักธุรกิจดังหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงิน 50 ล้าน














