Mr. Ice เยือนภูฏาน ดินแดนสวรรค์ที่ไม่มีวันลืม
ภูฏาน ดินแดนสวรรค์ที่ไม่มีวันลืม
ขอกล่าวสวัสดีทุกท่าน วันนี้พบกับ Mr. Ice กันอีกแล้ว วันนี้ผมจะพาทุกท่านบุกตะลุยสู่ดินแดนแห่งมังกร และ ความอลังการหาที่ใดที่ไม่ได้ นั้นก็คือประเทศภูฏานครับ
หากกล่าวถึงภูฏาน ทุกท่านจะนึกถึงอะไรกันครับ 5555+ ผมชื่อว่าหลายๆคน คงนึกถึง เจ้าชาย จิกมี กันแน่เลย แต่เชื่อผมเถอะครับ ภูฏาน มีอะไรให้ทุกท่านได้เห็นอีกเยอะ
เริ่มแรกก็คือ 4 สิ่งที่สำคัญของประเทศภูฏาน มีอะไรบ้าง
- ทาคิน เป็นสัตว์ประจำชาติของชาวภูฏาน มีศรีษะเหมือนแพะ แต่ ตัวใหญ่เหมือนวัว
- POPPY BLUE ดอกไม้ประจำชาติของชาวภูฏาน เป็นดอกป๊อปปี้ สีน้ำเงิน
- สน Cyprees ต้นไม้ประจำชาติของชาวภูฏาน เป็นต้นสน ไซปรัส
- นก ดุเหว่า เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับชาวภูฏานเช่นกันครับ
ภูฏาน หรือชื่อทางการคือ ราชอาณาจักรภูฏาน (Kingdom of Bhutan) เป็นประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้ที่มีขนาดเล็ก และมีภูเขาเป็นจำนวนมาก ตั้งอยู่ในเทือกเขาหิมาลัยระหว่างประเทศอินเดียกับธิเบต
“ ประเทศภูฏาน เป็นประเทศที่ประกาศว่า จะไม่สนใจ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ แต่จะสนใจ ความสุขรวมภายในประเทศ ครับ เป็นไงบ้างครับนี่แค่เริ่มต้นของการเดินทางเรานะครับ “
สายการบินที่เราใช้กันครับ เป็นสายการบิน ภูฏานแอร์ไลน์
แต่ที่ภูฏานจะมีสายการบินแค่ 2 สายเท่านั้น คือ ภูฏานแอร์ไลน์ กับ ดรุ๊กแอร์ ครับ
รถที่เราใช้ครับเป็นรถบัส 18 ที่นั่ง
ส่วนกระเป๋าจะมีรถมาขนให้เราครับ
ผมจะพาทุกท่านไปยังสถานที่ท่องเที่ยวกันเลย
วัดตัมชู
เป็นวัดที่เป็นทางผ่านของการเดินทางจากพาโรไปทิมพูครับ วัดตัมชู Tamchoe Monastery คือ จุดชมวิววัดตัมชู ตรงจุดบรรจบของแม่น้ำปาโรชูกับแม่น้ำทิมพูชู คือวัดตัมชู หรือวัดเขายอดอาชา จะตั้งอยู่บนฝั่งซ้ายท่ามกลางทิวทัศน์ที่มีแม่น้ำสองสายมาบรรจบกัน ท่านลามะทังทนเกลโป ซึ่งเป็นผู้สร้างวัดนี้ขึ้นพร้อมสะพานเหล็กอีกสายหนึ่งขึ้นที่นี่ แต่สะพานถูกน้ำพัดทำลายลงในปี ค.ศ. 1969 สะพานที่เห็นในปัจจุบันเป็นของที่ใช้โซ่เหล็กสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 2005 โดยเลียนแบบสะพานสายเดิม และสะพานที่ข้ามก็เสียวมาก 5555+
BUDDHA POINT
เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดในเมืองทิมพู ซึ่งจะเห็นเมืองทิมพูได้ในมุมกว้างทั้งหมด และยังมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่บนภูเขา แต่ยังสร้างไม่เสร็จเลยครับ…….
เป็นที่เราสามารถเลือกซื้อดวงตราไปรษณียากรที่มีความงดงามของภูฎานมาก และมีให้เลือกหลายรูปแบบและหลายราคา ทั้งรูปวิวทิวทัศน์ธรรมชาติ รูปวัดและป้อมปราการที่เรียกว่า ซอง (Dzong) รูปสัตว์ รูปดอกไม้ต่างๆ รวมทั้งยังมีสแตมป์ 3 มิติอ และที่ไปรษณีย์ภูฏานท่านสามารถถ่ายรูปตัวเองเป็นตราไปรษณีย์ส่งกลับมาประเทศไทยได้ด้วย แต่ที่ผมไปช่วงปีใหม่ปิดทำการครับ เศร้ามาก และในการทำไปรษณีย์เป็นรูปเราก็ใช้เวลานานด้วย ผมก็เลยถ่ายรูปด้านหน้ามาให้ดูครับ
National Memorial Chorten
เป็นสถูปที่สำคัญของชาติ สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1974 โดยพระราชินี อชิ พุนโช โชเดน วังชุก ซึ่งเป็นพระมารดาของกษัตริย์รัชกาลที่ 3 เพื่อเป็นพระอนุสรณ์สถานเพื่อถวายพระเกียรติแด่สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ดอร์จิ วังชุก พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 3 ของภูฏานซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นมหาราชแห่งภูฏานรุ่นใหม่ คล้ายกับรัชกาลที่ 5 ของไทย ที่พระองค์ทรงนำความเจริญรุ่งเรือง ความทันสมัย เข้ามาพัฒนาประเทศให้มีความเจริญทัดเทียมกับอารยประเทศ รอบๆ อนุสาวรีย์ประดับตกแต่งด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังเป็นภาพพุทธประวัติ และทุกวันจะมีชาวภูฏานมาเดินวนรอบๆ สถูป พร้อมกับสวดมนต์ภาวนาไปด้วย ช่วงเทศกาลชาวภูฏานก็จะมาสวดมนต์ทำพิธีกันทั้งวันโดยนำอาหารจากบ้านมารับประทาน พามากันทั้งครอบครัว เพื่อมาขอพรให้ประสบความสำเร็จและขอความโชคดีมีชัย ให้กับตนเองและคนในครอบครัว
สวนสัตว์ แห่งนี้เป็นสวนสัตว์ของทาคินและแพะ ครับ ทาคิน (Burdorcas taxicolor) เป็นสัตว์ที่หายาก เพราะมีอยู่ในดินแดนภูฏานเพียงแห่งเดียว และอยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์ เป็นสัตว์ตีนกีบใหญ่และแข็งแรง เหมาะกับการเดินลุยหิมะได้อย่างสะดวกสบาย มีลักษณะคล้ายวัวผสมแพะตัวใหญ่ มีเขา ขนตามตัวมีสีดำ มีน้ำหนักตัวราว 250 กิโลกรัม มักจะอาศัยอยู่กันเป็นฝูงในป่าโปร่ง บนความสูงกว่า 4,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลขึ้นไป เป็นสัตว์กินหญ้า เคลื่อนไหวค่อนข้างช้า ร่อนเร่หากินอยู่บนเทือกเขาหิมาลัย สูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 1,000 ฟุต ขึ้นไป พบในภูฏาน ทิเบต และทางตะวันออกของจีน ชอบกินไม้ไผ่เป็นอาหารครับ
ทิมพูซอง หรือ ตาชิโซซอง
ทิมพูซองหรือตาชิโซซองเป็นศูนย์กลางของการปกครองและเป็นสัญลักษณ์เมืองทิมพู ตาชิโซซองเป็นอาคารที่ทำการของรัฐบาลคณะกรรมการบริหารปกครองเมืองทิมพูประกอบด้วยคณะสงฆ์และข้าราชการระดับสูง ภายในซองมีกลุ่มอาคารที่แยกออกเป็นเขตสังฆาวาสและเขตฆราวาส กับลานอเนกประสงค์ (dochey) สถานที่จัดกิจกรรมสำคัญทางศาสนา หอกลาง (utse) เป็นหอสูง 3 ชั้น อยู่ตรงกลาง ข้างในหอกลางเป็นที่ตั้ง Lhakhang Sarpa และห้องบูชาที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญๆ ประวัติการก่อสร้างตาชิโซซองนั้นเริ่มขึ้นในศตวรรษที่ 12 โดยพระลามะจากทิเบตมาสร้างอารามที่เป็นป้อมปราการด้วยขึ้นบนเนินเหนือเมืองทิมพู ในปี ค.ศ.1641 ท่านซับดรุง งาวัง นัมเยล เข้ามาครอบครองซองนี้ ตั้งชื่อใหม่ว่า ตาชิโซซอง (แปลว่า ปราการของศาสนาที่ยิ่งใหญ่) ต่อมาเกิดไฟไหม้จึงถูกทอดทิ้งเป็นเวลานาน จนกระทั่งสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ดอร์จิ วังชุก เสด็จขึ้นครองราชย์ และย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่เมืองทิมพู ทรงสั่งให้ฟื้นฟูก่อสร้างใหม่ โดยรักษาโบสถ์และหอกลางเอาไว้ในสภาพเดิม เป็นโครงการ 5 ปี ที่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ตาชิโซซองเป็นสัญลักษณ์ของทิมพูและภูฏานมาจนทุกวันนี้ตาชิโซซองเคยเป็นที่ทำการของสมัชชาแห่งชาติ ปัจจุบันเป็นที่ตั้งสำนักราชเลขาธิการท้องพระโรง กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการคลัง อาคารด้านทิศใต้ เป็นเขตสังฆวาส ตาชิโซซองเป็นอาคารสูง 2 ชั้น มีหอกลางสูง 3 ชั้นอยู่ตรงกลาง ลาน dochey เป็นสถานที่จัดการแสดงในเทศกาลเซซู
โรงแรม Amodhara
เป็นโรงแรมที่เราพักกันครับในวันแรก
โดจูล่า
ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นทางผ่าน คำว่า La เป็นภาษาท้องถิ่นแปลว่า Pass หรือ ทางที่ผ่าน ที่จุดโดจูล่า เป็นจุดชมวิวที่มีความสูงประมาณ 3,100 เมตรจากระดับน้ำทะเล นับเป็นจุดที่สูงที่สุดของเส้นทางระหว่างการเดินทางจากทิมพูสู่ปูนาคา หากวันไหนฟ้าเปิดๆ เราจะได้เห็นวิวสวยๆ ของแนวเทือกเขาหิมาลัย บริเวณโดจูล่ายังมีธงมนต์หลากสีสันอยู่มากมายโดยรอบเพื่อเป็นการสวดมนต์บูชาเทพเจ้า ที่โดจูล่ามีสถูปจำนวน 108 องค์ และมีองค์ใหญ่ ฐานสี่เหลี่ยม แสดงถึงความเชื่อในการปัดสิ่งร้ายออกจากผู้เดินทางผ่านทางนี้ ให้ท่านชม สถูป 108 องค์ ที่ถูกสร้างโดยราชินีองค์ที่ 1 ในพระเจ้าจิกมี่ซิงเก วังชุก กษัตริย์องค์ที่ 4 แห่งราชวงศ์วังชุก เพื่อเป็นการขอบคุณพระสวามี และบุตรชายในการชนะสงคราม และเดินทางกลับมาอย่างปลอดภัย สถานที่แห่งนี้ในวันที่อากาศแจ่มใสท่านสามารถมองเห็นวิวของเทือกเขาหิมาลัยที่งดงาม ระหว่างทางท่านจะได้ชมวิวทิวทัศน์ของทุ่งนาขั้นบันไดและดอกไม้ที่บานตลอดเส้นทาง
ปูนาคาซอง
ปูนาคา ซอง (Punakha Dzong) เป็นดินแดนศักดิ์สิทธ์ที่มีตำนานเล่าว่า กูรู รินโปเช ได้เดินทางมาพบเข้าในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 8 และได้ทำนายทายทักว่า ณ เขารูปร่างงวงช้างแห่งนี้ในอนาคตจะมีบุรุษผู้มากบุญบารมี นาม นัมเกล มาสร้างซอง(ป้อมปราการ)ขึ้นที่นี่
กระทั่งในปี พ.ศ. 2159 ยุคที่ภูฏานแบ่งเป็นแคว้นเล็กแคว้นน้อย พระลามะนาม งาวังนัมเกล ที่ถูกปองร้ายหมายเอาชีวิตได้หลบหนีเข้ามาในภูฏาน ณ บริเวณจุดที่แม่น้ำสองสายไหลมาบรรจบกันคือแม่น้ำโพ(Pho Chu)และแม่น้ำโม(Mo Chu) ซึ่งก็คือปูนาคาซองในปัจจุบัน (Chu ในภาษาซองคาแปลว่าแม่น้ำ)
ปูนาคาซอง ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 1,468 เมตร สภาพโดยทั่วไปมีอากาศอบอุ่นสบาย ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่ท่าน ซับดรุงงาวังนัมเกลนำมาจากธิเบต ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพระบรมสารีริกธาตุที่ศักดิ์สิทธ์ยิ่งนัก
การขึ้นสู่ปูนาคาซองต้องปีนบันไดสูงชันขึ้นไป ครั้นเข้าเขตซองก็จะได้พบกับโบสถ์และวิหาร 21 หลัง มีโบสถ์หลังหนึ่งเป็นที่เก็บพระอัฐิของ ซับดรุง งาวังนัมเกล โดยผู้ที่จะเข้าโบสถ์หลังนี้มีเพียงเจ้าอาวาสเท่านั้น ส่วนนักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมได้เฉพาะบรรยากาศภายนอก แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ามากแล้ว เพราะจะว่าไปแล้วปูนาคาซองถือเป็นหนึ่งในมรดกทางวัฒนธรรมอันสำคัญของภูฏานเลยทีเดียว
ภายในเมืองปูนาคา
วิวเมืองทิมพู
ทางเดินขึ้นวัดชิมิลาคังจะผ่านบ้านเรือนของชาวบ้านจะได้เห็นรูป ศิวลึงค์ ซึ่งเป็นความเชื่อของชาวผู้ฏานว่าเหมือนเป็นสิ่งที่ให้กำเนิดและปกป้อมคุ้มภัยให้ชาวภูฏานครับ
ทางขึ้นวัดชิมิลาคัง
หมู่บ้านทางขึ้นวัดชิมิลาคัง
วัดชิมิลาคัง
วัดชิมิลาคัง
วัดชิมิลาคัง
ตัววัดตั้งอยู่บนเนินเขาที่มีลักษณะคล้ายเต้านม ชิมิ แปลว่าไม่มีสุนัข สร้างเพื่อถวายท่านดรุกป้า คิลเลย์ ประมาณศตวรรษที่ 15 เป็นวัดที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งของอาณาจักรภูฏาน ตามตำนาน ท่านดรุกป้า คิลเลย์ ได้ไล่ล่าอสูรจากบริเวณโดโจล่า มาจนถึงเมืองปูนาคาและเมืองวังดิ อสูรตนหนึ่งแปลงกลายเป็นสุนัข ท่านดรุกป้า คิลเลย์ปราบอสูรตนนั้นและเผาบนพื้นดินบนเนินนี้ และท่านก็ได้ทำนายว่าในอนาคตจะมีการสร้างวัดขึ้นที่นี่ วัดนี้มีคันธนูและลูกศรจากเหล็ก โดยชาวภูฏานเชื่อว่าเมื่อมีลูกเกิดได้ 3 วัน ให้มาขอพรและขอชื่อจากวัดนี้ จะเป็นสิริมงคลกับตัวเด็กเองมากๆ ชื่อที่จะได้รับส่วนใหญ่คือ คิลเลย์ หรือชิมิ เป็นวัดในนิกายณิงห์มาปา มีลามะเด็กมาเรียนอยู่ที่นี่ประมาณ 50 รูป หรือ ท่านได้ที่อยากขอบุตรก็สามารถขอที่นี้ได้ครับ
View Point เมืองทิมพู
วัดนันนารี
เป็นวัดที่มีชีประจำวัดครับ คือมีแต่แม่ชีครับ …….
ขึ้นม้า ณ ตีนเขาวัดทักซังครับ
บรรยากาศโดยรอบตอนขึ้นวัดทักซังครับ
ทางขึ้น – ลง วัดทักซังครับ
จุดพักดื่มชากาแฟบริเวณทางขึ้นเป็นจุดพักที่จะไปวัดทักซังครับ
จุดชมวิว ณ วัดทักซังครับ
ใกล้ถึงวัดทักซังแล้วครับ
วัดทักซังด้านบน
‘’ มีคนกล่าวว่าถ้ามาภูฏานและไม่ได้มาวัดทักซังแปลว่ามาไม่ถึง ‘’ ซึ่งดูท่าจะจริงนะครับ เพราะเป็นอะไรที่เหนื่อยมาก ถ้าใครได้มา แนะนำให้ขึ้นม้าดีกว่าครับ ซึ่งจะมีม้าอยู่บริเวณตีนเขา ราคาอยู่ที่ 15 USD / ท่าน ระยะทางก็ธรรมดาเองครับ ไปกลับ 15 กิโล โดยเฉลี่ย ทริปที่ผมไปผมไม่อยากนั่งม้าครับเลยเดินขึ้นธรรมดา เป็นอะไรที่เหนื่อยมากอากาศก็เบาบางเราต้องเดินทางจากความสูง 2000 เมตรกว่าๆ ไปถึง 3100 เมตร อากาศจึงเบาบางมากเดินไป 5 นาทีพัก 5 นาที ผมขึ้นเขาตอน 8.00 น. เวลารวมไป-กลับ ลงมาอีกที่ 14.30 น. แล้วครับ ระยะทางก็ไป-กลับ ประมาณ 15 กิโลเมตร ครับแต่ที่นี่มีความศักดิ์สิทธ์มากๆครับ เพราะคนภูฏานให้ความสำคัญกับที่นี้มากๆเลย
เป็นยังไงบ้างครับสำหรับประเทศภูฏาน ซึ่งเป็นดินแดนที่ไม่มีวันลืมเลย ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม ธรรมชาติ หรือผู้คนของประเทศภูฏาน ซึ่งเป็นสวรรค์บนดินของผมเลยก็ว่าได้ครับ