หากนำหลักวิทยาศาสตร์มาอธิบายการ์ตูนดิสนีย์ ผลลัพธ์จะเป็นไง!?
แน่นอนว่าทุกคนตระหนักดีว่า ‘ดิสนีย์เป็นเพียงการ์ตูน’ เท่านั้น ฉะนั้นจึงอาจมีเวทย์มนตร์เหนือธรรมชาติเกิดขึ้นได้มากมาย
แต่ล่าสุดทาง Buzzfeed ก็ได้นำเสนออีกมุมมองที่น่าสนใจไม่ใช่น้อย ด้วยการลองนำทฤษฏีทางวิทยาศาสตร์เข้ามาอธิบายเหตุการณ์ต่างๆ
จนหลายคนถึงกับอุทานว่า ‘เฮ้ยแปลกดีแฮะ’!!!
ส่วนมุมมองที่เราไม่คาดคิดจะเป็นอย่างไร หลังนำทฤษฏีวิทยาศาสตร์มาใช้แล้วการ์ตูนดิสนีย์จะเปลี่ยนไปแค่ไหน ตามมาดูไปพร้อมกับหมีขาวกันโลด
1.ตามกฏฟิสิกส์ ใบหน้าของ Aladin และ Jasmine มีโอกาสถูกเผาไหม้เป็นจุลได้ขณะขี่พรมวิเศษ
ความโรแมนติกใดเล่าจะคลาสสิกเท่าความรักระหว่าง Aladin กับ Jasmine ที่ท่องโลกกว้างด้วย พรมเหินฟ้าสุดวิเศษ แต่ Alejandro Garcia นักอนิเมชั่นฟิสิกส์ระดับด็อกเตอร์ ผู้ทำงานค้นคว้าให้แก่ค่าย DreamWorks
เผยว่า “ตามการคำนวณในความเป็นจริงแล้ว ความเร็วที่ Aladin ขี่พรมวิเศษนั้นจะอยู่ที่ 621 ไมล์ต่อวินาที (ราว 999 กิโลเมตร/วินาที) และแน่ล่ะว่าแรงเสียดทานของอากาศก็อาจทะยานสูงขึ้นนับล้านเท่า
ซึ่งหากคุณนึกภาพไม่ออก ก็ลองคิดถึงว่าแม้แต่อุกบาตที่ตกลงมาในโลก ก็ยังถูกเผาไหม้จนหมดสิ้น ทั้งที่มันเดินทางด้วยความเร็วเพียง 6-43 ไมล์ต่อวินาทีเท่านั้น (9-43 กิโลเมตร/วินาที) ฉะนั้นจึงอาจสรุปได้ว่า หาก Aladin กับ Jasmine ไม่มีเวทย์มนตร์วิเศษคอยคุ้มครอง พวกเขาก็คงถูกแผดเผาเละเป็นจุล”
2.หากนางเงือกมีจริง จมูกของ Aerial ควรอยู่บนส่วนหัว
สำหรับคอการ์ตูนดิสนีย์ Aerial ใน The Little Mermaid ถือเป็นนางเอกที่น่ารัก
แถมรูปร่างก็ยังดูชวนฝันจนใครหลายคนต้องรักเธอแต่ผู้เชี่ยวชาญที่ศึกษาด้านวิวัฒนาการและชีววิทยาระดับด็อกเตอร์
อย่างคุณ Bradford Hawkins ได้อธิบายว่า
“หากนางเงือกมีจริง พวกเขาน่าจะต้องมีครีบติดอยู่ตรงสันหลังคล้ายกับพวกโลมา และตรงส่วนแขน
ก็ควรจะมีบางสิ่งที่คล้ายครีบเช่นกัน แม้ว่าจะไม่ได้ใช้งานนักในท้องทะเลมากก็ตาม ในขณะที่จมูกของสิ่งมีชีวิต
ประเภทนี้ก็มักจะติดอยู่บนส่วนหัว ซึ่งนั่นจะพลอยทำให้นางเงือกไม่สามารถมีเส้นผมงอกเงยสลวยเหมือนในการ์ตูนได้” นี่คือคำอธิบายจากผู้เชี่ยวชาญมหาวิทยาลัย California
3.Finding Nemo คือเรื่องราวที่อาจนำไปสู่ ‘สัมพันธ์สวาท’ ระหว่างคนในครอบครัว
ในการ์ตูนต้นฉบับ Nemo คือปลาการ์ตูน (Clownfish) ที่ต้องสูญเสียแม่ไป ส่วนพ่อของเขาก็กลายเป็นพ่อหม้ายผู้น่าสงสาร
แต่ตามหลักชีววิทยาในโลกความเป็นจริง Patrick Cooney นักวิทยาศาสตร์ด้านปลาเผยว่า ปมสุดเศร้านี้อาจทำให้ Nemo ต้องมีสัมพันธ์สวาทร่วมกับพ่อ!? ใช่ คุณฟังไม่ผิด เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้ เนื่องจากโดยลักษณะทางธรรมชาติ ปลาการ์ตูนนั้นมีลักษณะเป็น ‘สิ่งมีชีวิต 2 เพศ (Hermaphrodites)’
โดยพ่อของ Nemo มีโอกาสที่จะแปรสภาพเป็น ‘สถานะเพศหญิง’ ทันที หลังจากที่ภรรยาตาย และ Nemo ก็คือปลาการ์ตูนในละแวกนั้น ซึ่งหากต้องการสืบสกุลต่อไป ทั้งสองก็อาจต้องครองรักกัน หรือจะเรียกว่ามันคือปมสุดเศร้า Oedifish Complex ก็ว่าได้”
4.ศีรษะของ Pinocchio อาจหลุดออกจากบ่า หลังโกหก 13 ครั้ง
ในการ์ตูน Pinocchio จะจมูกยาวขึ้นทุกครั้งที่เขาโกหก แต่ Steffan Llewellyn ได้ตีพิมพ์บทความการ
คำนวณลงบน Journal of Interdisciplinary Science Topics (JIST) ไว้ว่า
“หาก Pinocchio โกหก 13 ครั้งติดต่อกันจมูกของเขาจะยาวราว 682 ฟุต (ราว 207 เมตร) ซึ่งนั่นคือการถ่วงดุลน้ำหนักที่ผิดรูปทรง
และอาจทำให้หัวของเขาหลุดออกจากบ่าทันที” (สยองไปไหมเนี่ย)
5.ร่างของ Geppetto ใน Pinocchio ควรถูกฉีกเป็นชิ้นๆ หลังถูกวาฬ Monstro กลืนเข้าไป
ในเรื่อง Pinocchio ชายผู้เป็นพ่ออย่าง Geppetto ได้ถูกกลืนเข้าไปในท้องของวาฬ แต่แล้วเขาก็หนีออกมาได้ขณะที่มันจามออกมา
ทว่า Bradford Hawkins นักชีววิทยาเผยว่า “Monstro คือวาฬพันธุ์มีเขี้ยว ที่ระบบย่อยอาหารไม่ได้ถูกออกแบบให้สามารถบดสลายเนื้อของสัตว์
เลือดอุ่นได้ดีนัก ฉะนั้นหากมันเขมือบ Geppetto เข้าไปจริง มันก็ต้องใช้เขี้ยวในการบดขยี้ร่างกายของเหยื่อก่อนอย่างแน่นอน
และหากมันคายออกมา ร่างของเขาก็คงจะขาดจากกันเป็นชิ้นๆมากกว่า ”
6.Sleeping Beauty อาจไม่ได้จบแบบที่ทุกคนคิด
ในเรื่อง Sleeping Beauty ตัวละครอย่าง Aurora คือคนที่หลับแบบดำดิ่ง และไม่อาจฟื้นขึ้นมาได้หากปราศจากรอยจูบ จากชายผู้เป็นรักแท้
ทว่าในโลกวิทยาศาสตร์ อาการหมดสติไม่ฟื้นแบบนี้เรียกกันว่า ‘โคม่า (Coma)’ และหากไม่ได้รับการช่วยเหลือด้วยวิธีทางการแพทย์
ร่างของคนผู้นั้นก็จะต้องตายจากสภาวะขาดน้ำในระยะเวลาเพียง 1-2 สัปดาห์เท่านั้น
โดยผิวหนังของเธอจะค่อยๆแห้งเรื่อยๆจนกลายเป็นเกร็ด และเธอก็จะมีลมหายใจที่เน่าเหม็น จนเจ้าชายอาจจะจูบไม่ลงเลยทีเดียว
7.Elsa แห่ง Frozen อาจกลายเป็นฆาตกรใจเหี้ยม
ในเรื่อง Frozen คุณ Elsa ได้เผลอแช่แข็ง Anna ผู้เป็นน้องสาวของตัวเองแบบหน้าตาเฉย แต่เมื่อปรับความเข้าใจกันได้
ทั้งสองก็กลับมาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
หากแต่ในความเป็นจริง Anna มีหวังตายแน่นอนหากโดนแบบนั้น โดย Bradford Hawkins อธิบายว่า “ในปัจจุบัน เรายังไม่มีวิธีใดที่จะช่วยให้มนุษย์รอดจากการถูกแช่แข็งได้ โดยสภาวะที่เรียกว่า Cryogenics (ภาวะเย็นจัด) จะทำให้เลือดร่างกายของ Anna แข็งเป็นก้อน จนไม่สามารถหล่อเลี้ยงอวัยวะส่วนใดได้ ซึ่งนั่นอาจพลอยทำให้เซลล์ส่วนอื่นของเธอตายสนิทตามไปด้วย”
8. Lion King คือการ์ตูนที่ใกล้เคียงกับหลักวิทยาศาสตร์มากที่สุด
หากใครเป็นแฟนของการ์ตูน Lion King ก็คงจะไม่มีทางลืมเลือนซีนที่ 3 สหาย Simba,Timon และ Pumbaa นอนมองดาวบนฟากฟ้า และอธิบายเกี่ยวกับดวงดาว โดย Simba คิดว่าประกายบนท้องนภานั้นคือหิ่งห้อย ทว่าPumbaa ได้ตอบกลับมาว่า “ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็น ก้อนแก๊สที่กำลังแผดเผาอยู่ห่างจากเราเป็นล้านๆไมล์มากกว่า” ซึ่งถือเป็นประโยคที่ฟังดูวิทยาศาสตร์มาก
อย่างไรก็ตาม หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในความเป็นจริง ทั้งสามคงไม่ได้นอนเล่นด้วยกัน เพราะ Simbaa คงจะเขมือบ Timon และ Pumbaa เรียบ
ทั้งหมดนี้ก็คือสิ่งที่จะเกิดขึ้น หากคิดแบบหลักวิทยาศาสตร์ อย่างไรก็ตามนี่ก็เป็นอีกเพียงมุมมองเท่านั้น
และไม่ได้ทำการริดรอนคุณค่าของการ์ตูน Disney แต่อย่างใด เพราะผลงานทั้งหลายเหล่านี้แม้มันจะเต็มไปด้วยเวทย์มนตร์เหนือธรรมชาติเกินจริง
หากแต่คำสอนและบทเรียนที่แทรกอยู่ภายในเนื้อเรื่องนั้น ก็คือสิ่งล้ำค่าที่เป็นแรงบันดาลใจให้แก่เด็กทั่วโลกมาทุกยุคทุกสมัยเลยล่ะจ้ะ