ขอเม้าท์ผู้โดยสารไทยที่ว่าแสบ แสบกันขนาดไหน
** ภาพประกอบจากอินเตอร์เน๊ต ไม่เกี่ยวกับเนื้อหา **
ออกตัวก่อนนะครับว่ากระทู้นี้ไม่ได้ตั้งใจจะเหยียดเชื้อชาติ ดูหมิ่นดูแคลน ประนามหยามเหยียด คนไทยด้วยกันเองแต่อย่างใด
ผู้โดยสารคนไทยที่ดีๆก็มี แต่กระทู้นี้แค่จะนำเสนออีกแง่มุมของความแสบๆคันๆ บางครั้งถึงขั้นต้องท่องพุธโธ พุธโธ รัวๆๆๆในใจ
ก็มีบ่อยของผู้โดยชาวสยามประเภทที่แสนจะมีไมตรีจิตเท่านั้น
จากประสบการณ์การเป็นสจ๊วตมาเกือบจะสิบปี เจอผู้โดยสารมาเรียกได้ว่าแทบจะทั่วโลก ถ้านับคำด่าใส่หน้าเป็นเหรียญห้าสิบตังส์ คาดว่าจะสามารถดาวน์รถ ไม่สิ ซื้อสดดีกว่า มาสด้าสามสีแดงได้คันนึงทีเดียว
1. ใสๆ
ในช่วงทำงานปีแรกๆ หัวใจดวงน้อยยังมุ่งมั่นกับการบริการจนตัวตาย โดยผมเริ่มทำงานกับสายการบินตะวันออกกลางก่อนที่แรก
ในจินตนาการ: ขอโทษครับ ไม่ทราบว่า กระผมจะขอน้ำดื่มสักแก้วได้ไหมครับ
: ได้ครับทั่นผู้โดยสาร ไม่ทราบจะรับน้ำอุ่นหรือน้ำเย็นดีครับ
: กระผมขอเป็นน้ำเย็นครับ
: ได้ครับ กรุณารอสักครู่นะครับ (ยิ้มพิมพ์ใจ ใสใส แบ๊วแบ๊ว)
ในความเป็นจริงอันแสนโหดร้าย : แป๊ก!!! (ดีดนิ้ว)
: Yes sir. How may I help you? ขอรับนายทั่น
: water!!
: Would you like hot or cold? อยากจะรับเป็นน้ำร้อนหรือน้ำเย็นครับ
: You think!! เมริงคิดสิวะ สมองอ่ะ สมอง
: เอิ่มมมม เดินเข้าไปหยิบน้ำเย็นให้เพราะเห็นว่าในเครื่องค่อนข้างร้อน
: what is it? (อ่าว น้ำสิเว้ย เมริงเห็นเป็นเห็ดหูหนูรึไง) don't you see I am cough
: บอกกันสักคำมั้ย คิดว่ากรุมีญาณ? คิดว่าเมริงซื้อตั๋วมาแล้วกรุจะเดาใจเมริงไปถึงอดีตชาติ?
นี่ครับทำงานวันแรก จำขึ้นใจ แต่นี่แขกซึ่งวีรกรรมนี่เด็ดดวงควงคฑา วิ้งๆๆๆๆ ไม่แพ้ไทยทีเดียว เดี๋ยวค่อยเล่ากันทีหลัง
มาดูพฤติกรรมพี่ไทยเวลาโดยสารสายการบินต่างชาตินะครับ
เวลาพวกทั่นเดินทางกับสายการบินที่ไม่ได้ใช้ภาษาไทยเป็นภาษาแม่ ทั่นๆจะ keep look เป็นคนไทยที่เรียบร้อย
ไม่หือไม่อือ ไม่เยอะไม่แยะ(แต่หลังๆนี่มี Gen ใหม่มา เริ่มไม่ใช่ละ) ไม่มีปากมีเสียง ถามรับน้ำอะไร จะเอาแต่น้ำเปล่าๆ
แต่ทันทีที่ท่านเห็นพนักงานคนไทยเท่านั้น ระดับความสนิทสนมจะพุ่งจากระดับติดลบ ไปจนถึงชนเพดานภายในระยะเวลา
แค่ช่วงสบตาเท่านั้น นับว่าไวมาก
สิ่งแรกที่ทั่นจะทักคือ "อ้าว คนไทยเหรอคะ"
ในใจจะบอกว่าเปล่าครับเป็นคนฝรั่งเศสก็ไม่ได้ ชื่อ สงวนศักดิ์ โชว์หราอยู่ที่หน้าอก
" ดีใจจังเจอคนไทย เออ พี่ขอย้ายที่ได้ไหม ตรงนี้มันใกล้ห้องน้ำพี่เหม็น"
"ได้ครับ"
"เออ หมอนมีมั้ย"
"เดี๋ยวผมไปเอาชั้นธุรกิจมาให้นะครับ"
"เหรอ เอาได้เหรอ งั้นพี่ขอผ้าห่มกับที่ปิดตาด้วยได้มั้ย แสงมันแยงตาพี่นอนไม่หลับ"
"แหะๆ ได้ครับ" หน้าเริ่มเจื่อน แต่ก็ยังยิ้มสู้
"ตรงนี้เสียงดังพี่ขอ ear plug ด้วยนะ"
"ให้ผมอุ้มขุ่นพี่ไปนอนเฟิร์สคลาสเลยมั้ยครับ หึ๊" แค่คิดในใจ ฮ่าๆๆ
"ดีจังเลยนะ มีคนไทย" พูดจบปั๊บ หันไปที่ เดอะแก๊งส์ " นี่เธอๆ น้องคนนี้เป็นคนไทยนะ มีอะไรขอน้องเค้าเลย"
พระเจ้าช่วย กระบวยหัก!!
"น้องพี่เอาหมอน พี่ขอน้ำขวด พี่ขอสลิปเปอร์ พี่ขอครีมทามือ พี่ขอผ้าปิดปาก พี่ขอถุง ขอช้อน ขอจาน ขอๆๆๆ"
" T_T"วิ้งๆๆๆๆ หูดับไปชั่วขณะ
และหลังจากนั้นสจ๊วตคนไทยคนเดียวก็จะโดนเรียกตลอดทั้งไฟล์
สิ่งหนึ่งที่สจ๊วตไทยสายการบินอื่นที่ไม่ใช่สายการบินไทยจะเจอเป็นประจำคือ
"คำชมที่ซุงแหล" ยังไงนะเหรอครับ เช่น
"น้องนี่บริการดีกว่าการบินไทยอีกนะ พี่นั่งการบินไทยบ่อย บริการไม่ได้แบบนี้เลย"
และจะจบประโยคด้วย
"พี่ขอหูฟังกลับบ้านได้มั้ย"
และ
"น้องนี่หน้าตาดีนะ ดูดีกว่าสจ๊วตการบินไทยอีก ทำไมไม่ไปสมัครการบินไทย"
และปิดประโยคด้วย "มีเนื้อเหลืออีกที่มั้ย"
และ
"พี่รู้จัก CEO ที่การบินไทย (เค้าเรียก ดีดี มั้ยขุ่นพี่) พี่ฝากให้เอามั้ย"
และก่อนใส่เครื่องหมายคำพูดปิด "พี่ขอเหล้าขวดเล็กๆ กลับบ้านหน่อยนะ"
พวกเรามักถูกเปรียบเทียบเชิงมวยกับการบินไทยเสมอ ไม่ว่าผมจะไปอยู่ตะวันออกกลาง สายเล็กๆ ของไทยไปแอฟริกา หรือมายุโรป ก็มักจะเอามาเปรียบกับการบินไทยเสมอๆ
แรกๆ ที่ได้ยินคำชมพวกนี้ พวกเรามักจะหัวใจพองโตโอ้โฮบางกอก ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
แต่หลังๆ เนื่องจากหัวใจบอบช้ำมามาก เลยเริ่มสร้างภูมิคุ้มกัน
"ขุ่นน้องนี่บริการดีกว่าการบิน......."
ยังพูดไม่จบ รีบพูดแทรกมาเลย "เพ่เอาระ!!" ฮ่าๆๆๆ
ปีแรกๆของการทำงานผมน่วมครับบอกเลย โลกเปลี่ยน โอ้วว Presentation ที่สายการบินให้ดูตอนเรียน Service ทำไมมันช่าง
หลอกลวงเช่นนี้ นี่คือโลกความจริง โลกที่เราต้องอยู่ใช้มั้ย
นิสัยอย่างหนึ่งของคนไทยคือ ทำดี ไม่มีชม เสมอตัว (ออกตัวก่อนนะ ผมเป็นผู้ชายแท้ๆ แต่ศัพท์แสงอ่านจะทำให้ไฝ้เฝ๋ แหะๆ)
แต่อย่าเผลอทำพลาด หนังสือ complaint มายาวเป็น Harry porter 7 ภาคทีเดียว
เพื่อนผมเคยเสริฟอาหารผิด เนื่องจากผู้โดยสารบอกว่าเค้ากินไก่ไม่ได้เพราะเป็นเก๊าส์ เลยขอเป็นปลาไว้ เพื่อนมันก็เก็บปลาไว้ให้ แต่พอเสริฟจริงๆเจือกอยากรับทานไก่ (ภาษาวิบัติเยอะหน่อยนะครับ ตั้งใจให้อ่านสนุกๆ จริงๆเขียนภาษาไทยถูก ตอนสอบ ม.ปลายได้ top ห้องตลอด .....บอกทำไม) โดยให้เหตุผลว่าไก่หน้าตาดีกว่า ปลามันคาว (กินปลาไปแล้วคำนึง) ทำไงล่ะ อาหารหมดแล้ว ก็บอกว่าให้รอก่อนเดี๋ยวจะเอามาให้ใหม่
"ไม่รอ ชั้นรอไม่ได้ กระเพาะกำเริบ" โรคเยอะขนาดนี้ ส่งเข้าประกวดศิริราชคอนเทสมั้ยป้า
"ต้องรอไก่จากบิสสิเนสค่ะ" เพื่อนผู้นอบน้อมโค้ง
"ทำไมชั้นต้องรอของเหลือ ชั้นจ่ายเงินมานะ"
แหม่ คันปาก คือยูว์ ยูว์จ่ายเงินมาถ้าจะให้เอาดินสอวาดบนแผนผังนะ เงินที่ยูว์จ่ายน่ะ
มันอยู่นู่น ใต้ท้องเครื่องหนึ่งละกระเป๋ายูว์ สองที่นั่งที่ยูว์นั่ง สามอาหารหนึ่งที่ ย้ำๆๆๆๆๆๆ ว่าหนึ่งที่เท่านั้น สี่เครื่องดื่ม และห้าการพายูว์ไปถึงที่อย่างปลอดภัย
นอกเหนือจากนั้นคือน้ำใจจากพวกเรา หรือที่เรียกว่าบริการ ซึ่งอะไร ซึ่ีงน้ำใจมันไม่ได้มาจากเงินอย่างเดียว
และไม่ได้มาจากการหักหาญน้ำใจกัน หรือบังคับใจกัน เราทำให้เพราะเราเต็มใจทำ แต่ถ้าเราไม่ทำ ก็ไม่ถือว่าเราผิด
สุดท้ายเพื่อนก็ไปเอามาให้จากบิสสิเนสคลาส ทั้งๆ ที่เขายังเสริฟกันไม่เสร็จ แต่นั่นก็ยังไม่พอใจขุ่นป้า ขุ่นป้าขอใบคอมเพลน
และปากกาพร้อมทั้งชื่อ ก่อนจะเริ่มเขียน เขียน ยันแลนด์
ป้าส่งกระดาษให้กับหัวหน้าลูกเรือก่อนจะเดินหน้ามุ่ยออกไป หัวหน้าคลี่กระดาษออกมาอ่าน และสรุปใจความให้สั้นลงได้ว่า
1 พนักงานพูดจาไม่ดี (ตรงไหนวะ)
2 ไม่ให้เกียรติลูกค้าที่ถือว่าเป็นพระเจ้า
3 พนักงานทำให้ลูกค้าไมเกรนกำเริบ ต้องเข้าโรงพยาบาล (อ่ะ เป็นไมเกรนมาอีกโรคละ จับส่ง world grandprix ดีมั้ย)
4 พนักงานชักสีหน้า (นางใช้คำว่า make face) หันไปยิ้มกับฝรั่ง แต่หน้าบึ้งใส่ตน
และ 5 พนักงานชายเสื้อหลุด จบตึง อึ้งแดรก......T_T
โชคดีที่วันนั้นหัวหน้าเป็นคนดี และรู้จักเพื่อน ได้เรียกเพื่อนมาคุย และผมก็เป็นพยาน ไม่อย่างนั้น หากจดหมายฉบับนี้ส่งถึงบริษัท ชีวิตเพื่อนบรรลัยแน่ๆ ป้าแกไม่ได้คิดเลยว่าเกือบจะทำลายชีวิตคนๆ นึงที่ทำงานหนักเพื่อเลี้ยงแม่ แต่เอาเพื่อความสะใจตนเองเข้าว่า และแล้ววันนั้นจดหมายฉบับนั้นก็ลงไปนอนเน่าอยู่ในถังขยะ
ยังมีความเข้าใจผิดของผู้โดยสารไทยอีกมากมายในการโดยสารเครื่องบิน
เรื่องหนึ่งที่เรามักจะเจอกันบ่อยๆคือเรื่องกระเป๋า เข้าใจกันไปว่าเธอต้องยกกระเป๋าให้ฉันนะ มันคือหน้าที่ แต่จริงๆแล้ว เราไม่ได้มีหน้าที่ยกกระเป๋าให้ทั่นนะครับ เราไม่ใช่วัวใช่ควาย กระเป๋าทั่นแบกมาจากบ้าน ทั่นขนไส้อั่วน้ำพริกหนุ่ม กะปิ ปลาร้า
ผักกาดดอง ขนมปังหมี สาหร่ายกิมหยง ครกอ่างศิลา กันมา ทั่นต้องรับผิดชอบ เราได้กิน ไส้อั่วทั่นมั๊ย เราได้เอาผักกาดดอง
ของทั่นไปต้มกับหมูสามชั้นให้พ่อให้แม่เราทานมั๊ย.....ไม่ เพราะงั้นทั่นต้องยกเอง
ไม่ใช่ไม่มีน้ำใจ แต่เราเจ็บหลังทั่นรู้มั้ย วันนึงเราบินกี่ตุ๊บ ไม่ได้เจอทั่นคนเดียวเสียหน่อย หลังเราหักเป็นอำมพาต ทั่นจะรับเราไป
เลี้ยงดูปูเสื่อ ผ่อนบ้านผ่อนรถ ดูแลพ่อแม่ พาหมาไปฉีดยา ให้ค่าฉีดปลวก เสียค่าเทอมน้อง จ่ายค่าทรูให้เรามั้ย....ก็ไม่
เพราะฉะนั้น ช่วยน่ะ ช่วยได้ แต่ต้องช่วยกันอย่างนี้ถึงจะแฟร์
ผมทำงานสายการบินยุโรปตอนนี้ เชื่อมั้ยครับ ไม่มีปัญหาเรื่องพวกนี้เลย ไม่ได้จะเยินยอนะ แต่พวกเขารู้จักบทบาทหน้าที่ของพวกเขาดีมาก จะย้ายที่นั่งก็มาขอ แค่จะขอเปิดที่เก็บกระเป๋ายังเดินมาขอเราเลย เพราะเค้าถือว่าเราเป็นเจ้าบ้าน เค้าต้องให้เกียรติเราด้วย (ไม่ใช่กรุเยี่ยวอยู่ คิดจะเปิดประตูส้วมแล้วกระชากแขนกรุออก บอกขอเยี่ยวก่อนเป็นผู้โดยสารก็ทำ สลัด!!)
เคสนึงที่ผมจำจนตายคือ
ผู้โดยสารสาวคนหนึ่งลากกระเป๋าใบใหญ่เท่ากับที่เก็บของมา เราแจ้งแล้วว่ามันใหญ่ขอโหลดใต้ท้อง
ไม่ยอม....
มันจะอะไรกันนักกันหนา มันไปเครื่องบินลำเดียวกัน กระเป๋าทั่นก็อยู่ใต้ทั่นนนั่นแหละ หากมีของมีค่า ของแตกง่ายก็แยกไว้ใบเล็ก นี่ทำเหมือนกระเป๋าจะหล่นหายกลางอากาศ (ไม่หายกลางอากาศแต่หายในสนามบิน ชะอุ่ย!!)
ผู้โดยคนนั้นเรียกผมมาพร้อมชี้ไปที่กระเป๋า ไม่พูดอะไร
"ให้ทำอะไรครับ" รู้แล้วว่าจะให้ช่วยยก แต่หมั่นไส้ (บอกก่อนนะ ผมเป็นสจ๊วตด้านมืดนะครับ ฮ่าๆๆ)
"กระเป๋า เก็บให้หน่อย"
ผมลองยก ฮึ่บ แมร่ง ใส่ครกกระเดื่องมารึไง
"มันหนักมากครับ ขอโหลดดใต้ท้องนะครับ" จริงๆไม่ต้องขอนะขอรับ เรามีสิทธิในการออฟโหลดโดยไม่ต้องขออนุญาตด้วยซ้ำ
"ไม่ได้" แว๊ดดขึ้นมา ผมพยายามอธิบาย แต่ไม่ฟังดื้อจะเก็บข้างบน ถามว่าข้างในเป็นอะไร
"เรื่องส่วนตัว" แน๊!! ดูนางตอบ ผมขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับนาง เพราะผเครื่องจะดีเลย์ละ นางมาเอาคนสุดท้าย นาทีสุดท้าย
พอตอนเครื่องลงกำลังแท็กซี่เข้าที่จอด นางกดปุ่มเรียก ตึงๆๆๆๆๆ รัวเป็นปืนกล ตามกฏถ้าไม่มีใครตายจริงๆ ลูกเรือจะไม่ทิ้งประตูไปนะครับทั่น เพราะเกิดอะไรขึ้นมาไม่มีใครเปิดประตู เรารักทวารเครื่องบิน มากกว่าทวารเราเสียอีก
แต่เคสนี้นางกดจนผู้โดยสารอื่นตกใจเลยต้องเดินไปหา
"ยกกระเป๋ามาให้หน่อย"
"ไม่ได้ครับมันขวางทางเดิน"
"ยกมาไว้บนตักชั้นสิ"
"ไม่ได้ครับมันขวางทางคนอื่นออก หากเกิดอะไรขึ้นมา ผู้โดยสารท่านอื่นจะออกไม่ได้"
"โอ้ย อย่ามาอ้าง ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา มันก็ตาย"หฮ่า"กันหมดนี่แหละ"
จี๊ดครับจี๊ด กัดจนฟันเกือบแตก
"ผมบอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้ ถ้าขืนคุณยังพูดแบบเมื่อสักครู่อีก ผมจะแจ้งกัปตัน และคุณจะเป็นคนสุดท้ายที่จะได้ออกจากเครื่อง"
พูดเสร็จผมก็กลับมานั่ง เส้นเลือดที่ขมับขวาเหนือคิ้วไป 45 องศา กระตุกตึบๆๆๆ
เครื่องจอดสนิท ทุกคนลุก ทีนี้นางลุก โบกมือเรียกผม แต่ผมเข้าไปไม่ได้ ใจจริงคือต้องช่วยแหละ เพราะมันหนักจริงๆ ให้นางยกมีหวัง จมูกซิลิโคนที่ทำมาคงทะลุเพราะแรงดันแน่ๆ แต่จะรอให้ผู้โดยสารคนอื่นออกก่อน
แต่ทีนี้นางรีบไง มาทีหลังคนอื่น แต่จะออกก่อน นางเลยขอให้คนอื่นช่วยแทน พอเดินผ่านหน้าผม นางมองแล้วส่งคำหวานมาว่า
"ไปเอาผ้าถุงมาครอบหัวซะ"
โอโห คุณครับ ผมโกรธจนตัวสั่น นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้ชาย (จริงๆนะ)และใส่ยูนิฟอร์มนี่ ผมตบหน้าหันจริงๆนะ ถึงจะเป็นสุภาพบุรุษ
แต่ก็ไม่ได้เป็นกับทุกคนนะเว้ย หลังจบงานผมเดินหาผู้หญิงคนนั้นจนทั่ว แต่ไม่เจอ ถ้าเจอนี่ มีหวังเรื่องยาวแน่ๆ