สมุนไพรที่ต้องระวังในผู้ป่วยโรคไต
สมุนไพรที่ต้องระวังในผู้ป่วยโรคไต
ข้อมูลล่าสุดจากสมาคมโรคไตแห่งประเทศไทยพบว่า คนไทยป่วยเป็นโรคไตประมาณ 8 ล้านคน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปีเฉลี่ยประมาณปีละ 1 หมื่นราย โดยสาเหตุส่วนใหญ่มาจากโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงซึ่งผู้ป่วยต้องทำความ เข้าใจก่อนว่าโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง เป็นโรคเรื้อรัง ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ และเป็นโรคเงียบ ที่ไม่ได้แสดงอาการของโรคใดๆ ออกมาชัดเจน ทำให้ผู้ป่วยหลายคนละเลยที่จะทานยา แต่ความจริงแล้วหากผู้ป่วยไม่สามารถคุมระดับน้ำตาลหรือความดันโลหิตในอยู่ใน ช่วงที่เหมาะสม เมื่อเวลาผ่านไป (ซึ่งระยะเวลาไม่แน่นอนในผู้ป่วยแต่ละคน) โรคที่ว่าเงียบ ก็จะนำมาซึ่งโรคต่างๆ ตามมามากมาย เช่น โรคหัวใจ อัมพฤตอัมพาต เนื่องจากความดันโลหิตสูงดันให้เส้นเลือดสมองแตก หรือนำมาซึ่งอีกโรคหนึ่งก็คือ โรคไต นั่นเอง ดังนั้นการทานยาโรคประจำตัว และไปพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ จึงไม่ได้ทำให้เป็นโรคไตอย่างที่ผู้ป่วยหลายคนเข้าใจผิด แต่จะทำให้ควบคุมโรคได้ ซึ่งจะช่วยชะลอการเสื่อมของไตได้
ต้องยอมรับว่างานวิจัยการใช้สมุนไพรยังขาดข้อมูลของความปลอดภัยของการใช้ สมุนไพรในระยะยาวในขณะเดียวกันผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคความดัน โรคไต กลับหันมาใช้สมุนไพรกันมากขึ้น โดยการใช้ส่วนใหญ่มาจากการแนะนำการใช้สมุนไพรของคนในครอบครัว หรือเพื่อน หรือผู้ป่วยมีความหวังว่าสมุนไพรจะช่วยรักษาโรคให้หายขาดได้ โดยบางครั้งขาดความรู้ หรือเกิดความเข้าใจผิดในการใช้ ซึ่งจะส่งผลเสียตามมาได้
สมุนไพร หรืออาหารบางชนิดควรหลีกเลี่ยงในผู้ป่วยโรคไต เนื่องจากมีรายงานว่าส่งผลเสียต่อไตได้ ลองไปดูกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง
มะเฟือง (Star Fruit)
เป็นผลไม้ที่มีสารออกซาเลตปริมาณมาก ซึ่งสามารถจับตัวกับแคลเซียมที่อยู่ในไตทำให้เกิดผลึกนิ่วตกตะกอน หรืออุดตันในเนื้อไตและท่อไต เกิดภาวะไตวายเฉียบพลันได้ ดังนั้นทั้งในคนปกติ และผู้ป่วยโรคไต จึงควรหลีกเลี่ยงการทานในปริมาณมาก หรือการทานต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการเกิดภาวะไตวายเฉียบพลัน
หญ้าไผ่น้ำ (River Spiderwort)
มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ และลดการอักเสบของทางเดินปัสสาวะ บำบัดอาการต่อมลูกหมากโต บรรเทาอาการบวม แต่ไม่เหมาะกับการใช้ในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังเพราะจะยิ่งทำให้ไตทำงานหนัก ขึ้นและเกิดอาการภาวะไตวายเฉียบพลันได้เร็วขึ้น
ลูกเนียง หรือชะเนียง (Djenkol bean) นิยมรับประทานกัน โดยเฉพาะทางภาคใต้ของไทย เป็นพืชตระกูลถั่ว ผลเป็นฝักใหญ่ ในหนึ่งฝักอาจมี 10-14 เมล็ด เนื้อในเมล็ดใช้บริโภค เมื่อแก่จัดเป็นสีเหลืองนวล มีรสมันกรอบ กลิ่นฉุน ธาตุและสารต่างๆ ที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกาย ในลูกเนียงประกอบด้วยแป้งร้อยละ 70 โปรตีนร้อยละ 15 นอกจากนี้ประกอบด้วยธาตุเหล็ก แคลเซียม วิตามินบี 1 บี 12 วิตามินซี ฟอสฟอรัส กำมะถัน กรดโฟลิค กรดอะมิโน 12 ชนิด และกรดแจงโคลิค (djenkolic acid) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่มีกรดกำมะถันสูงมาก และเป็นพิษต่อร่างกาย สารเป็นพิษชนิดนี้จะทำลายระบบประสาทของไตให้เสื่อมลง มักเกิดอาการภายใน 2-14 ชั่วโมง ภายหลังรับประทาน เริ่มด้วยมีอาการปวดตามบริเวณขาหนีบ ปัสสาวะลำบาก ปวดปัสสาวะมาก บางรายไม่มีปัสสาวะ (Anuria) ปัสสาวะขุ่นขัน หรือปัสสาวะเป็นเลือดบางรายมีอาการปวดท้อง อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ความดันโลหิตสูง การลดพิษของลูกเนียง ก่อนที่จะนำมารับประทาน สามารถทำได้โดยนำลูกเนียง หั่นลูกเนียงเป็นแผ่นบางๆ ตากแดดให้หมาดก่อนจะนำมารับประทาน หรือต้มลูกเนียงในน้ำที่ผสมด้วยโซเดียมไบคาร์บอเนตนาน 10 นาที จะทำให้กรดแจงโคลิคลดลงครึ่งหนึ่ง
วีทกราส หรือ ต้นกล้าอ่อนข้าวสาลี มีปริมาณฟอสฟอรัสและปริมาณโพแตสเซียมสูงมากซึ่งในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังมักจะ มีปริมาณแร่ธาตุสองตัวนี้สูง และต้องทานยาที่ช่วยควบคุมระดับแร่ธาตุทั้งสองตัวนี้ให้อยู่ในค่าที่เหมาะสม เนื่องจากฟอสฟอรัสที่สูงในเลือด จะทำให้แคลเซียมถูกดึงออกมาจากกระดูกเพื่อนำไปใช้ในการลดระดับฟอสฟอรัสใน เลือด ซึ่งทำให้เกิดภาวะกระดูกบางและเปราะได้ หรือปริมาณโพแทสเซียมที่สูงในเลือดอาจส่งผลให้หัวใจเต้นผิดปกติได้
เชอร์รี่ (Cherries) เป็นผลไม้ที่มีโพแทสเซียมในปริมาณสูง และมีสรรพคุณช่วยระบาย แต่ก็มีพิษซ่อนอยู่ในเมล็ด นั่นคือไฮโดรเจนไซยาไนต์ โดยเพาะเวลาที่เคี้ยว บด เชอรี่จะผลิตไฮโรเจนไซยาไนต์โดยอัตโนมัติ ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ หากกินมากอาจมีปัญหาเรื่องหัวใจและความดันโลหิตอาจทำให้ไตวาย ชักและเสียชีวิตได้ อย่างไรก็ตามการทานในขนาดเล็กน้อย เช่น วันละไม่เกิน 10 ผล หรือไม่ได้ทานต่อเนื่องติดต่อกันทุกวัน ก็ไม่ทำให้เกิดผลเสียแต่อย่างใด
หญ้าหนวดแมวและยอ มีปริมาณโพแทสเซียมที่สูง ซึ่งในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง โดยเฉพาะในระยะท้ายๆ (ระยะที่ 3 และระยะที่ 4) มักจะมีปริมาณแร่ธาตุโพแทสเซียมที่สูง และต้องทานยาที่ช่วยควบคุมระดับแร่ธาตุโพแทสเซียมนี้ให้อยู่ในค่าที่เหมาะสม เนื่องจากปริมาณโพแทสเซียมที่สูงในเลือดอาจส่งผลให้หัวใจเต้นผิดปกติได้ อย่างไรก็ตามในคนปกติ ที่ไม่ได้มีการทำงานของไตบกพร่องสามารถทานได้ โดยไม่เกิดผลเสียใดๆ โดยหญ้าหนวดแมวมีฤทธิ์กระตุ้นการขับปัสสาวะ ช่วยในขับนิ่วในทางเดินปัสสาวะ และลดความดันโลหิตได้เล็กน้อย ส่วนยอเป็นยาอายุวัฒนะ บำรุงสุขภาพ ยอมีสารคล้ายฮอร์โมนเพศหญิง ช่วยปรับสมดุลประจำเดือนให้ปกติ และรักษาอาการกรดไหลย้อนได้อีกด้วย
นอกจากนี้ผู้ป่วยโรคไตควรหลีกเลี่ยงหรือลดอาหารเค็ม อาหารที่มีเกลือโซเดียมสูง เช่น น้ำปลา ซอสปรุงรส ผงชูรส รสดี ซุปก้อน(หลายคนเข้าใจผิดว่าไม่ใช่ผงชูรส แต่ทำจากเนื้อสัตว์ ช่วยให้อาหารรสชาติกลมกล่อม อร่อยขึ้น จึงใส่ในปริมาณมากกว่าการใช้ผงชูรส ทั้งที่ความจริงแล้วมีปริมาณโซเดียมสูงกว่าผงชูรสเสียอีก) เบเกอรี ขนมปัง ขนมเค้ก ซึ่งจะมีผงฟู (ชื่อทางเคมีคือ โซเดียมไบคาร์บอเนต) อาหารแปรรูป อาหารกระป๋อง อาหารหมักดอง และขนมกรุบกรอบ อาหารกึ่งสำเร็จรูปเช่นบะหมี่ โจ๊ก ซึ่งมีสารกันบูด ผงปรุงรสผสมอยู่ จึงมีสารโซเดียมในปริมาณสูงเช่นกันสารตกค้างที่ปนเปื้อนมาในผักและผลไม้ และอาหารสำเร็จรูปบางชนิด ก็เป็นตัวเร่งทำให้เกิดภาวะไตวายเฉียบพลันได้ เช่น ยาฆ่าแมลง สารเร่งเนื้อแดง สารกันบูด เนื่องจากสารปนเปื้อนเหล่านี้ ทำให้ไตทำงานหนักและหากสะสมในปริมาณมาก สามารถทำให้เกิดภาวะไตวายเฉียบพลันได้
สำหรับสมุนไพร หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่นๆ หากผู้ป่วย หรือประชาชนทั่วไปมีความต้องการใช้ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ เพื่อจะได้ช่วยพิจารณาว่าเหมาะสมที่จะใช้ในผู้ป่วยแต่ละคนหรือไม่ หรือหากใช้ จะได้มีการติดตามดูแลความปลอดภัยในการใช้อย่างเหมาะสม
ผู้เขียน : ภญ.อาสาฬา เชาวน์เจริญ และนายพิทักษ์ ตีเหล็ก โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร