เจ้าสาวขี้ริ้ว
สมัยราชวงศ์หยวน ครั้งหนึ่งมณฑลเหอหนานเกิดภัยแล้ง
ข้าวยากหมากแพง โจรผู้ร้ายเที่ยวอาละวาดปล้นจี้ชิงทรัพย์ชาวบ้าน
ชาวบ้านต่างก็ยากจนไม่มีสมบัติอะไร
พวกโจรจึงเปลี่ยนเป็น "ฉุดผู้หญิง" นำไปขายในท้องที่ๆไม่แห้งแล้ง
โดยขายในราคาถูก พวกผู้ชายที่ไม่มีกำลังทรัพย์มากพอจะแต่งภรรยา
เพียงแค่เสียเงินเล็กน้อยก็สามารถซื้อผู้หญิงมาเป็นภรรยาได้แล้ว
ดังนั้น ทุกครั้งที่โจรนำผู้หญิงที่ฉุดคร่ามาได้ไปขายจึงขายหมดอย่างรวดเร็ว
โจรพวกนี้จึงเที่ยวฉุดผู้หญิงไปทั่ว เพื่อให้ได้จำนวนมากที่สุด
ในวันนี้พวกโจรนำผู้หญิงกลุ่มหนึ่งมาขายที่ตลาด
ซึ่งมีหลายราคา ผู้หญิงที่สวยราคาก็แพง
ส่วนที่หน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่นอกจากราคาถูกแล้วยังไม่มีคนถามซื้อ
ดังนั้น ผู้หญิงที่ยังสาวและสวยจึงขายหมดก่อน
เหลือแต่ผู้หญิงที่มีอายุและขี้เหร่เท่านั้น
จือเหยินเดินเตร่อยู่ในตลาดพักใหญ่ ก็ยังตัดสินใจไม่ถูก
เพราะผู้หญิงที่หน้าตาสะสวยเขาไม่มีปัญญาซื้อ
ที่ขี้ริ้วขี้เหร่ซื้อกลับไปก็เกรงน้องชายจะไม่ถูกใจ
พูดแล้วน่าสงสาร เขาและน้องชายจืออี้
ต่างมีอายุถึงเกณฑ์แต่งงานแล้ว
สองพี่น้องมีเพียงที่นาผืนเล็กๆ
ปีหนึ่งเก็บเกี่ยวได้พอกินเท่านั้น
ดังนั้นจนบัดนี้ทั้งสองจึงยังไม่มีครอบครัว
เมื่อไม่นานมานี้ได้ฟังว่า ที่ตลาดมีผู้หญิงมาขายในราคาถูก
จือเหยินเกิดความคิด จึงพูดกับน้องชายว่า
โบราณว่า อกตัญญูมี 3 ไร้ทายาทสำคัญที่สุด
ปีนี้พี่อายุ 30 พ้นเกณฑ์แต่งงานแล้ว
เจ้าเพิ่งอายุ 22 ถึงเกณฑ์แต่งงานพอดี
ได้ข่าวว่าระยะนี้ที่ตลาด มีคนนำผู้หญิงมาขายราคาถูก
พี่คิดว่าจะใช้เงินที่เราเก็บสะสม ซื้อผู้หญิงให้เจ้าสักคน
เพื่อเป็นภรรยาของเจ้า "เจ้าว่าดีไหม?"
จืออี้ทำท่าคิดแล้วพยักหน้าตกลง
จือเหยินจึงเอาเงินในบ้านที่มีอยู่สิบตำลึงไปตลาด
ตั้งใจจะซื้อผู้หญิงไปแต่งงานกับน้องชายสักคน
แต่ผู้หญิงที่หน้าตาสวยงาม ล้วนแต่ราคา 20 ตำลึงขึ้นไป
ซึ่งเขาไม่มีปัญญาซื้อ และก็ขายหมดแล้วด้วย
ที่ขี้เหร่ก็เกรงน้องชายจะไม่ถูกใจ
ขณะที่ลังเลตัดสินใจไม่ถูก
พลันสายตาแลเห็นเด็กสาวคนหนึ่งอายุราว 18 ปี
หน้าตาของนางออก "ขี้ริ้ว" มิหนำซ้ำที่หน้าและแขนขาขึ้นฝี
ติดกอเอี๊ยะเต็มไปหมด เห็นแล้วน่าตกใจ
ดังนั้นจึงไม่มีใครซื้อ
จือเหยินรู้สึกสนใจ คิดว่าตัวเธอเต็มไปด้วยฝี
ถ้าไม่รีบรักษา อาจเรื้อรังเน่าเปื่อย จนแขนขาพิการได้
จะลองถามราคาดู หากราคาไม่แพงก็จะซื้อกลับบ้าน
ช่วยรักษาเธอก่อนค่อยมาว่ากัน
ถ้าน้องชายไม่ยอมแต่งกับเธอ ก็ถือว่าช่วยเธอเอาบุญแล้วกัน
จือเหยินรวบรวมความกล้า ถามคนขายว่าจะขายเท่าไหร่?
คนขายว่า “คนนี้ถ้าคุณเอาจะลดราคาให้ครึ่งหนึ่ง
คิดแค่ 10 ตำลึงก็แล้วกัน”
จือเหยินได้ฟังว่า 10 ตำลึงพอดี เขามีพอ
จึงรีบจ่ายเงินแล้วพาเด็กสาวกลับบ้านด้วยความดีใจ
เพื่อนบ้านฟังว่าจือเหยินจะแต่งเจ้าสาวให้น้องชาย
ต่างพากันมาบ้าน เพื่อดูว่าเจ้าสาวหน้าตาเป็นอย่างไร?
เมื่อพวกเขาเห็นหน้าเจ้าสาว
ที่แท้เป็นเด็กสาวที่มีฝีขึ้นเต็มตัว
อดไม่ได้ที่จะซุบซิบหัวเราะขึ้นมา
จืออี้ผู้เป็นน้องเห็นผู้หญิงที่พี่ชายซื้อกลับมาเป็นแบบนี้
โมโหจนควันออกหู เอ็ดตะโรลั่นว่า
“ฉันยอมไปบวชดีกว่าแต่งกับผู้หญิงแบบนี้ พี่แต่งเองเถอะ”
จือเหยินไม่สนใจคำเสียดสีของน้องชายและเพื่อนบ้าน
พูดกับสาวขี้ริ้วอย่างอ่อนโยนว่า
“ฉันซื้อเธอมา เดิมตั้งใจจะให้แต่งกับน้องชายของฉัน
เมื่อเขากับเธอไม่มีวาสนาต่อกันก็ไม่เป็นไร
ฉันจะรักษาให้เธอหายก่อน
เมื่อนั้นหากเธอยอมแต่งกับฉัน เราทั้งสองก็จะไหว้ฟ้าดินแต่งงานกัน”
เด็กสาวเห็นเขาท่าทางซื่อๆ ฟังจบรู้ว่าเขาเป็นคนดี
จึงพยักหน้าตกลง จือเหยินเห็นเธอตกลงดีใจมาก
ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะหาหมอมารักษา
รุ่งเช้าขณะที่จือเหยินเตรียมจะไปหาหมอ
และจืออี้กำลังแบกจอบจะไปทำนา
ทันใดก็เห็นสาวสวยคนหนึ่ง เดินออกมาจากบ้านของคนทั้งสอง
สองพี่น้องต่างมองตะลึงจนตาค้าง
“พวกพี่มองอะไร?”
สาวสวยคนน่าพูดอย่างเอียงอาย
พลางเดินมาหาจือเหยิน “จำฉันไม่ได้แล้วหรือ
ฉันก็คือ หญิงขี้ริ้วที่คุณซื้อคนนั้นไงล่ะ”
จือเหยินดูที่หน้าและมือของเธอ
ไม่ปรากฏมีฝีขึ้นแม้แต่น้อย
รู้สึกแปลกใจเพราะเมื่อวานมีฝีเต็มตัว
ไหนชั่วข้ามคืนจึงกลายเป็นเช่นนี้ จึงถามเรื่องราวเป็นมายังไง
ในที่สุดเธอก็เปิดเผยว่า
“ที่จริงฉันเป็นลูกคนรวย แต่เพราะพวกโจรอาละวาด
พ่อแม่เกรงฉันจะถูกพวกโจรข่มเหง
จึงเอากอเอี๊ยะติดที่หน้าและแขนขา
ทำเป็นว่ามีฝีขึ้นเต็มตัวเพื่อป้องกันอันตราย
ไม่คิดว่า สุดท้ายก็ยังถูกพวกโจรจับไปขายจนได้
ฉันเห็นพี่เป็นคนซื่อและใจดี
ดังนั้นจึงตกลงแต่งกับพี่
ฉันหวังเพียงอย่างเดียว คือ ขอให้พี่ดีต่อฉันเท่านั้น
รอให้ภัยแล้งผ่านไป
สถานการณ์สงบแล้วค่อยไปหาพ่อแม่ของฉันด้วยกัน”
ว่าแล้วก็ล้วงของห่อหนึ่งให้จือเหยิน
“นี่เป็นเครื่องทองที่พ่อแม่ให้ฉัน พี่เอาไปใช้เถอะ”
หลังจากแต่งงาน จือเหยินใช้เครื่องทองนั้นซื้อที่นาเพิ่ม
และหาผู้หญิงที่เหมาะสมมาเป็นเจ้าสาวของจืออี้ผู้เป็นน้องชาย
เมื่อภัยแล้งผ่านไปจือเหยินและภรรยาได้ไปสืบหาพ่อแม่ของเธอ
ที่สุดก็พบที่เมืองไคฟง จากนั้นทุกคนก็ดำเนินชีวิตด้วยความสงบสุข
รูปประกอบจาก : อินเทอร์เน็ต
ซ้ำขออภัยค่ะ