พุทธประวัติ จาก พระโอษฐ(จากพระพุทธเจ้า)
พระประวัติตรัสเลา หรือพุทธประวัติจากพระพุทธโอษฐนี้ เลือกเก็บ
จากบาลีพระไตรปฎก รวบรวมเอามาเฉพาะตอนที่
พระองคตรัสเลาถึงประวัติ
ของพระองคเอง.
โดยไม่มีคำแต่งใหม่จากอรรถกาจารย์
ดังนั้นสิ่งที่เราเคยเรียนมาในหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการเป็นการเอาทั้งคำแต่งใหม่ผสมกับที่พระองค์เล่าเองมาสอนเราจึงรู้แบบผิดๆหรืออาจจะมีอะไรเพิ่มเติมขึ้นมา เช่น ในพระสูตรที่พระองค์ตรัส บอกว่า บัวมีสามเหล่า ไม่ว่าพระพุทธเจ้าองค์ไหนก็บอกว่ามีสามเหล่า แต่ที่เราเรียนมีสี่เหล่า!!
เรื่องแบบนี้มีเยอะในพระไตรปิฎก เพราะอรรภถาจารย์เหล่านั้นไม่รู้ในคำตรัสห้ามจากพุทธองค์ว่าห้ามแต่งใหม่ห้ามเพิกถอนในคำของพระองค์
พุทธประวัติจากพระโอษฐ
ภาคนำ
ขอความใหเกิดความสนใจในพระพุทธประวัติ.
---------------
โลกธาตุหนึ่ง มีพระพุทธเจาเพียงองคเดียว๑
อานนท! ภิกษุผูฉลาดในฐานะและอฐานะนั้น ยอมรูวา ขอนี้มิใช
ฐานะ ขอนี้มิใชโอกาสที่จะมี คือขอที่ในโลกธาตุอันเดียว จะมีพระตถาคต
ผูอรหันตสัมมาสัมพุทธะ สององค เกิดขึ้นพรอมกัน ไมกอน ไมหลังกัน. นั่นมิใชฐานะที่จะมีได.
สวนฐานะ อันมีไดนั้น คือใน โลกธาตุอันเดียว มีพระตถาคต
ผูอรหันตสัมมาสัมพุทธะองคเดียว เกิดขึ้น. นั่นเปนฐานะที่จะมีได.
๑. บาลี พหุธาตุกสูตร อุปริ. ม. ๑๔/๑๗๑/๒๔๕.
การปรากฏของพระตถาคต มีไดยากในโลก๑
ภิกษุ ท.! การมาปรากฏของ บุคคลเอก (ไมมีใครซ้ําสอง)
มีไดยากในโลก. ใครเลา เปนบุคคลเอก? ตถาคต ผูเปนพระอรหันตตรัสรู
ชอบเอง เปนบุคคลเอก (ไมมีใครซ้ําสอง). การปรากฏของบุคคลเอกนี้แลมีไดยากในโลก.
โลกที่กําลังมัวเมา ก็
ยังสนใจในธรรมของพระตถาคต๒
ภิกษุ ท.! เพราะเหตุที่ตถาคต ผูอรหันตสัมมาสัมพุทธะเกิดขึ้น
จึงเกิดมีของ นาอัศจรรยไมเคยมี สี่อยางนี้ปรากฏขึ้น. สี่
อยางอะไรเลา?
๑. ภิกษุ ท.! ประชาชนทั้งหลาย พอใจในกามคุณ ยินดในกามค ี ณุ
บันเทิงอยูในกามคุณ, ครั้นตถาคตแสดง ธรรมที่ไมเกี่ยวของกับกามคุณ
ประชาชนเหลานั้นก็ฟง เงี่ยหูฟง ตั้งใจฟง เพื่อใหเขาใจทั่วถึง. ภิกษุ ท.! นี่
คือ
ของนาอัศจรรย ไมเคยมี อยางที่หนึ่ง, มีขึ้นมา เพราะการบังเกิดของตถาคต
ผูอรหันตสัมมาสัมพุทธะ.
๒. ภิกษุ ท.! ประชาชนทั้
งหลาย พอใจในการถือตัว ยินดีในการ
ถือตัว บันเทิงอยูในการถือตัว, ครั้นตถาคตแสดง ธรรมที่กําจัดการถือตัว
ประชาชนเหลานั้นก็ฟง เงี่ยหูฟง ตั้งใจฟง เพื่อใหเขาใจทั่วถึง. ภิกษุ ท.!
นี่คือของนาอัศจรรย ไมเคยมี อยางที่
สอง, มีขึ้นมา เพราะการบังเกิดของ
ตถาคต ผูอรหันตสัมมาสัมพุทธะ.
๑. บาลี เอก, อํ. ๒๐/๒๙/๑๔๐. ตรัสแกภิกษุทั้งหลาย.
๒. บาลี จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๗๗/๑๒๘. ตรัสแกภิกษุทั้งหลาย ที่เชตวัน.
ภาค ๑
เริ่มแตการเกิดแหงสากยวงศเรื่องกอนประสูติ จนถึงออกผนวช.
การเกิดแหงวงศสากยะ
อัมพัฏฐะ! เรืองดึกดําบรรพ, พระเจา อุกการาช ปรารถนาจะยก
ราชสมบัติประทานแกโอรสของพระมเหสีที่โปรดปรานตองพระทัย จึงไดทรง
ขับราชกุมารผูมีชนมายุแกกวา คือเจา อุกกามุข, กรกัณฑุ, หัตถินีกะ,
สินีปุระ, ออกจากราชอาณาจักร ไปตั้งสํานักอยู ณ ปาสากใหญ ใกลสระ
โบกขรณีขางภูเขาหิมพานต. เธอเหลานั้น กลัวชาติจะระคนกัน จึงสมสูกับ
พี่นองหญิงของเธอเอง.ตอมาพระเจาอุกการาชตรัสถามอํามาตยวา “บัดนี้กุมารเหลานั้นอยูที่ไหน?” กราบทูลวา บัดนี้
กุมารเหลานั้นเสด็จอยู ณ ปาสากใหญซึงอยูใกลสระโบกขรณีขางภูเขาหิมพานตพระกุมารทั้งหลายกลัวชาติระคนกัน
จึงสมสูกับภคินีของตนเอง.
๑. ความตอนนี้ตรัสแกอัมพัฏฐะมาณพ ศิษยพราหมณโปกขรสาติที่ปาอิจฉานังคละ. บาลีอัมพัฏฐสูตรที่ ๓ สี. ที.๙/๑๒๐/๑๔๙
ขณะนั้น พระเจาอุกกากราชทรงเปลงพระอุทานวา “กุมารผูอาจหาญ
หนอ, กุมารผูอาจหาญอยางยิ่งหนอ”. เพราะเหตุนั้นเปนเดิม จึงเปนพวก
ที่ไดชื่อวา “สากยะ”
สืบมา.... .
พวกสากยะอยูใตอํานาจพระเจาโกศล
“....วาเสฏฐะ! พระราชา ปเสนทิโกศล ยอมทราบวา “พระสมณ
โคดมผูยอดเย
ี่
ยม บวชแลวจากสากยตระกูล”. วาเสฏฐะ! ก็แหละพวกสากยะ ท.
เปนผู อยูใกลชิด และอยูในอํานาจของพระราชาปเสนทิโกศล. วาเสฏฐะ! ก็พวก
สากยะ ท. ยอมทําการตอนรับ, ทําการอภิวาท ลุกขึ้นยืนรับทําอัญชลีกรรม
และสามีจิกรรม ในพระราชาปเสนทิโกศล. วาเสฏฐะ ! พวกสากยะกระทําการ
ตอนรับเปนตน แกพระราชาปเสนทิโกศลอยางไร, พระราชาปเสนทิโกศล
ยอมกระทําการตอนรับเปนตนแกตถาคต (เมื่อออกบวชแลว) อยางนั้น”
๑.ชื่อนี้มีมูลมาจากตนสากก็ได,แหงคําวากลาหาญก็ได,เพราะสักก-กลาหาญ, สักกเราเรียกใน
เสียงภาษาไทยกนวั า สากยะ, เรื่องเกิดวงศสากยะมกลี าวไวอยางพิสดารในอรรถกถาของอัมพัฎฐสูตรนี้เอง
เชนเรื่องไมกะเบาเปนตน จะกลาวในโอกาสหลัง.
๒.บาลีอัคคัญญสูตร ปา. ที. ๑๑/๙๑/๕๔. ตรัสแกวาเสฎฐะ.
๓.ความขอนี้เราไมอยากจะเชื่อกันโดยมากวาจะเป นอยางนี้โดยที่เราไมอยากใหตระกูลของพระองค
เปนเมืองขึ้นของใคร แตพระองคเองกลับตรัสตรงไปทีเดียววาเปนเมืองขึ้นของโกศล, ตองนอบนอมตอ
พระเจาปเสนทิ. แตเมื่อพระองคออกบวชเปนพระพุทธเจาแลว. พระเจาปเสนทิโกศลกลับทําตรงกันขาม
คือนอบนอมตอพระองค เชนเดียวกับที่
พวกสากยะเคยนอบนอมตอพระเจาปเสนท. ิ บาลีตรงนี้ คือ รฺโ
ปเสนทิสฺส โกสลสฺส อนนฺตรา อนุยนฺตา. คําวา อนุยนฺตา อรรถกถาแกดังน
ี้
อนุยนฺตาติ วสวตฺติโน.
(สุมัง. ๑,๖๒), แปลวาอยูในอํานาจ.
แดนสากยะขึ้นอยูในแควนโกศล
ตรัสตอบแกพระเจาพิมพิสารวา :-
“ราชะ! ชนบทตรงขางภูเขาหิมพานต สมบูรณดวยความเพียรเครื่อง
หาทรัพย เปนเมืองขึ้น๒
แหงโกศล มีพวกชื่อ อาทิตยโดยโคตร ชื่อ สากยะ
โดยชาติ. อาตมาภาพออกบวชจากตระกูล นั้น จะปรารถนากามก็หามิได...ฯ…”
การอยูในหมูเทพชั้นดุสิต
ขาแตพระองคผูเจริญ ! ขอนี้ ขาพระองคไดฟงมาเฉพาะพระพักตร
พระผูมีพระภาคเจาไดจํามาแตที่
เฉพาะพระพักตรพระผูมีพระภาคเจาวา “ดูกอน
อานนท ! โพธิสัตว มีสติ รูตัวทั่วพรอม บังเกิดขึ้นในหมู เทพชั้นดุสิต”
ดังนี้, ขาแตพระองคผูเจริญ ! ขอที่พระโพธิสัตว มีสติ รูตัวทัวพรอม
บังเกิดขึ้นในหมูเทพชั้นดุสิตนี้ ขาพระองคยอมถือไววา เปน ของนาอัศจรรย
ไมเคยมี เกี่ยวกับพระผูมีพระภาค.
ขาแตพระองคผูเจริญ ! ขอนี้ ขาพระองคไดฟงมาเฉพาะพระพักตร
พระผูมีพระภาคเจา ไดจํามาแตที่
เฉพาะพระพักตรพระผูมีพระภาคเจาวา “ดูกอน
อานนท ! โพธิสัตวมีสติ รูตัวทั่วพรอม ดํารงอยูในหมูเทพชั้นดุสิต” ดังนี้.
ขาแตพระองคผูเจริญ ! ขอที่พระโพธิสัตว มีสติ รูตัวทั่วพรอม ดํารงอยูในหมู
เทพชั้นดุสิต นี้ ขาพระองคยอมถือไววา เปนของนาอัศจรรย ไมเคยมี เกี่ยวกับ
พระผูมีพระภาค.
ขาแตพระองคผูเจริญ ! ขอนี้ ขาพระองคไดฟงมาเฉพาะพระพักตร
พระผูมีพระภาคเจาไดจํามาแตที่
เฉพาะพระพักตรพระผูมีพระภาคเจาวา “ดูกอน
อานนท! โพธิสัตวมีสติ รูตัวทั่วพรอม ดํารงอยูในหมูเทพชั้นดุสิต จนกระทั่ง
ตลอดกาลแหงอายุ” ดังนี้.ขาแตพระองคผูเจริญ! ขอที่พระโพธิสัตว มีสติ
รูตัวทั่วพรอม ดํารงอยูในหมูเทพ ชั้นดุสิต จนกระทั่งตลอดกาลแหงอายุนี้
ขาพระองคยอมถือไววา เปนของนาอัศจรรย ไม เคยมีเกี่ยวกับพระผูมีพระภาค.
การจุติจากดุสิตลงสูครรภ
ขาแตพระองคผูเจริญ! ขอนี้ ขาพระองคไดฟงมาเฉพาะพระพักตร
พระผูมีพระภาคเจา ไดจํามากแตที่
เฉพาะพระพักตรพระผูมีพระภาคเจาวา “ดูกอน
อานนท! โพธิสัตว มีสติ รูตัวทั่วพรอม จุติจากหมูเทพชั้นดุสิต กาวลงสูครรภ
แหงมารดา” ดังนี้. ขาแตพระองคผูเจริญ! แมขอนี้ ขาพระองคยอมถือไววา
เปนของนาอัศจรรย ไมเคยมี เกี่ยวกับพระผูมีพระภาค.
๑. บาลีอัจฉริยอัพภูตธัมมสูตรอุปริ. ม. ๑๔/๒๔๘/๓๖๓.
เกิดแสงสวางเน่ืองดวย การจุติจากดุสิต
ขาแตพระองคผูเจริญ ! ขอนี้ ขาพระองคไดฟงมาเฉพาะพระพักตร
พระผูมีพระภาคเจา ไดจํามาแตที่
เฉพาะพระพักตรพระผูมีพระภาคเจาวา “ดูกอน
อานนท! โพธิสัตว มีสติ รูตัวทั่วพรอม จุติจากหมูเทพชั้นดุสิตแลว กาวลงสู
ครรภแหงมารดา ในขณะนั้น แสงสวางอันโอฬารจนหาประมาณมิได ยิ่งใหญ
กวาอานุภาพของเทวดาทั้งหลายจะบันดาลได, ไดปรากฏขึ้นในโลกพรอมทั้ง
เทวโลก มารโลก.พรหมโลก ในหมูสัตวพรอมทั้งสมณพราหมณพรอมทั้งเทวดา
แลมนุษย ถึงแมใน โลกันตริกนรก อันโลงโถงไมมีอะไรปดกั้น แตมืดมน หาการ
เกิดแหงจักขุวิญญาณมิได อันแสงสวางแหงพระจันทรและพระอาทิตย อันมี
ฤทธิอานุภาพอยางนี้ สองไปไมถึงนั้นแมในที่นั้น แสงสวางอันโอฬารจนหา
ประมาณมิได ยิ่งใหญกวาอานุภาพของเทวดาทั้
งหลายจะบันดาลได ก็ไดปรากฏขึ้
นเหมือนกันสัตวที่
เกิดอยู ณ ที่นั้
น รูจักกันไดดวยแสงสวางนั้น พากันรองวา
’ทานผูเจริญทั้งหลายเอย ผูอื่นอันเกิดอยูในที่นี้ นอกจากเรา ก็มีอยูเหมือนกัน’
ดังนี้ และหมื่นโลกธาตุนี้ ก็หวั่นไหว สั่นสะเทือนสะทาน. แสงสวางอันโอฬาร
จนหาประมาณมิได ไดปรากฏขึ้นในโลก เกินกวาอานุภาพของเทวดาทั้งหลาย
จะบันดาลได”. ดังนี้. ขาแตพระองคผูเจริญ! แมขอนี้ ขาพระองคยอมถือไววา
เปนของนาอัศจรรยไมเคยมี เกี่ยวกับพระผูมีพระภาค.
(ขอความเชนนี้ ที่อยูในรูปพุทธภาษิตลวน ๆ ก็มี คือ บาลีสัตตมสูตร ภยวัคค จตุกฺก. อํ.
๒๑/๑๗๖/๑๒๗, เปนอัศจรรยครั้งที่ ๑ (จุติ), ครั้งที่ ๒ (ประสูติ), ครั้งที่ ๓ (ตรัสรู), ฯลฯ
ไปตามลําดับ, สังเกตดูไดที่ตอนตรัสรูเปนตนไป, ในที่นี้ไมนํามาใสไว เพราะใจความซ้ํากันทุกตัวอักษร)
๑. บาลีอัจฉริยอัพภูตธัมมสูตรอุปริ. ม. ๑๔/๒๔๘/๓๖๔, และจตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๗๖/๑๒๗.
แผนดินไหว เนื่องดวยการจุติ
ดูกอนอานนท! เหตุปจจัยที่
ทําใหปรากฏการไหวแหงแผนดินอันใหญ
หลวง มีอยูแปดประการ.
ดูกอนอานนท ! เมื่อใดโพธิสัตว จุติจากหมูเทพชั้นดุสิต มีสติ
สัมปชัญญะ กาวลงสูครรภแหงมารดา , เมื่อนั้น แผนดินยอมหวั่นไหว ยอม
สั่นสะเทือน ยอมสั่นสะทาน. อานนท ! นี้เปนเหตุปจจัยคํารบสามแหงการ
ปรากฏการไหวของแผนดินอันใหญหลวง.
การลงสูครรภ
ขาแตพระองคผูเจริญ ! ขอนี้ ขาพระองคไดฟงมาเฉพาะพระพักตร
พระผูมีพระภาคเจาไดจํามาแตที่
เฉพาะพระพักตรพระผูมีพระภาคเจาวา “ดูกอน
อานนท! ในกาลใด โพธิสัตวกําลังกาวลงสูครรภแหงมารดา ในกาลนั้นเทพบุตร
ทั้งหลาย ยอมทําการอารักขาในทิศทั้งสี่ แกโพธิสัตว โดยประสงความนุษย
หรืออมนุษย หรือใครๆ ก็ตาม อยาไดเบียดเบียนโพธิสัตว หรือมารดาแหง
โพธิสัตวเลย” ดังนี้.ขาแตพระองคผูเจริญ! แมขอนี้ ขาพระองคยอมถือไววา
เปนของนาอัศจรรย ไมเคยมีเกี่ยวกับพระผูมีพระภาค.
การอยูในครรภ
ขาแตพระองคผูเจริญ! ขอนี้ ขาพระองคไดฟงมาเฉพาะพระพักตร
พระผูมีพระภาคเจา ไดจํามาแตที่เฉพาะพระพักตรพระผูมีพระภาคเจา วา
“ดูกอนอานนท! ในกาลใด โพธิสัตวกาวลงสูครรภแหงมารดา ในกาล
นั้นมารดาแหงโพธิสัต ว ยอมเปนผู มีศีลอยูโดยปกติ เปนผูเ วนจาก
ปาณาติบาตเวนจากอทินนาทาน เวนจากกาเมสุมิจฉาจาร เวนจากมุสาวาท
เวนจากสุราและเมรัยอันเปนที่ตั้งของความประมาท” ดังนี้.
ฯลฯ “ดูกอนอานนท! ในกาลใด โพธิสัตวกาวลงสูครรภแหงมารดาในกาลนั้
น มารดาแหงโพธิสัตว ยอมไมมีความคิดอันเจือดวยกามคุณ ในบุรุษ
ทั้งหลาย, อนึ่ง มารดาแหงโพธิสัตว ยอมเปนผูที่บุรุษใดๆ ไมคิดจะลวงเกินดวยจิตอันกําหนัด” ดังนี้.
ฯลฯ “ดูกอนอานนท! ในกาลใด โพธิสัตวกาวลงสูครรภแหงมารดาในกาลนั้น มารดาแหงโพธิสัตว เปนผูมีลาภ ดวยกามคุณทั้งหา,
มารดาแหง
โพธิสัตวนั้น อิ่มเอิบดวยกามคุณทั้งหา เพียบพรอมดวยกามคุณทั้งหา ใหเขา
ประคบประหงมอยู” ดังนี้.
ฯลฯ “ดูกอนอานนท! ในกาลใด โพธิสัตวกาวลงสูครรภแหงมารดาในกาลนั้น มารดาแหงโพธิสัตว ยอมไมมีอาพาธไร ๆ มีความสุข ไมออนเพลีย, อนึ่ง มารดาแหงโพธิสัตว ยอม แลเห็นโพธิสัตว ผูอยูในครรภมารดา มีอวัยวะ
นอยใหญสมบูรณ มีอินทรียไมทราม. เหมือนอยางวา แกวไพฑูรย
อันงดงามโชติชวงสดใสเจียระไนดีแลว มีดายรอยอยูในแกวนั้น สีเขียว
เหลืองแกมเขียวแดง ขาว หรือเหลือง ก็ตาม บุรุษที่ตายังดี เอาแกวนั้นวาง
บนฝามือแลวยอมมองเห็นชัดเจนวา นี้
แกวไพฑูรย อันงดงามโชติชวงสดใส
เจียระไนดีแลว, นี้ดาย ซึ่งรอยอยูในแกวนั้น จะเปนสีเขียว เหลืองแกมเขียว
แดง ขาวหรือเหลืองก็ตาม, ฉันใดก็ฉันนั้น ที่
มารดาแหงโพธิสัตว เปนผูไมมีอาพาธมีความสบายไมออนเพลีย แลเห็นโพธิสัตวผูนั่งอยูในครรภ มีอวัยวะ
นอยใหญสมบูรณ มีอินทรียไมทราม” ดังนี้.
ฯลฯ “ดูกอนอานนท! หญิงอื่น ๆ อุมครรภไวเกาเดือนบาง สิบเดือน
บาง จึงจะคลอด, สวนมารดาแหงโพธิสัตว ไมเปนเชนนั้น, ยอมอุมครรภ
ไวสิบเดือนเต็ม ทีเดียว แลวจึงคลอด” ดังนี้.
ขาแตพระองคผูเจริญ! แมขอน
ี้
ๆ ขาพระองคยอมถือไววา เปนของ
นาอัศจรรย ไมเคยมี, เกี่ยวกับพระผูมีพระภาค.
๑. กามคุณหา ในที่นี้ หมายเพียงเครื่
องบํารุงตามธรรมดา มิไดหมายถึงที่เกี่ยวกับกามารมณโดยตรงเพราะมีปฏิเสธอยูในขอตนจากนี้อยูแลว.
ต่อจากนี้ไปจะเป็นการประสูติ เห็นว่าเนื้อหาเยอะพอสมควรแล้วไว้ต่อกระทู้หน้า