ภาวะ รกพันคอ
รก คำนี้ฟังแล้วมันก็ดูแปลกๆ แต่ถ้าเอ่ยชื่อรก ใครๆก็รู้ว่า รกคืออะไร แต่มีไม่กี่คนหรอกครับที่เคยเห็นรกมาก่อน หรือรู้ว่ารกมันมีหน้าตาเป็นอย่างไร…
รกเป็นอวัยวะอย่างหนึ่งของคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ เกิดมาพร้อมๆกับการตั้งครรภ์ โดยรกจะติดอยู่กับผนังด้านในของมดลูก เหมือนเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของตัวแม่ แต่จะอยู่นอกตัวของลูกในท้อง โดยจะมีสายสะดือ เป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างรกกับทารก แต่เชื่อหรือป่าวค่ะ ว่าที่จริงแล้วรกเป็นส่วนหนึ่งของทารก เป็นอวัยวะของทารก ไม่ได้เป็นอวัยวะที่แท้จริงของแม่ หากเอารกมาตรวจโครโมโซม หรือตรวจดีเอ็นเอ ก็จะมีโครโมโซมเหมือนของทารกมากกว่าของแม่อีก
ความแปลกประหลาดของรกอีกอย่างหนึ่งก็คือ รกเป็นอวัยวะเดียวที่ใช้ครั้งเดียวแล้วก็ทิ้งเลย เอากลับมาใช้ใหม่ไม่ได้ ถ้าคลอดลูกออกมาแล้ว อีกเดี๋ยวก็ต้องคลอดรกตามออกมาด้วย
จะว่าไปแล้วคุณแม่หลายๆคน อาจจะยังนึกภาพของรกไม่ออกด้วยซ้ำ วันนี้จะพูดถึง เรื่องของรกทั้งทีก็ต้องมาทำความรู้จักหน้าตาของรกกันก่อน นึกภาพไม่ออก
รกมีลักษณะเป็นก้อนเนื้อแบนๆ ติดอยู่กับผนังของมดลูก ทำหน้าที่ส่งอาหาร และออกซิเจนไปให้ลูกในท้อง และช่วยขับถ่ายของเสียต่างๆออกจากตัวเด็กนั้นเองค่ะ โดยรกจะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 15-20 เซนติเมตร หนาประมาณ 2-3 เซนติเมตร หลับตานึกภาพดูก็คงขนาดเท่ากับพิซซ่าถาดเล็กนั่นแหละค่ะ น้ำหนักของรก ปกติจะมีประมาณครึ่งกิโลฯ หรือประมาณหนึ่งในหกของน้ำหนักตัวเด็ก ถ้าเด็กตัวเล็ก รกก็มักจะเล็ก แต่ถ้าเด็กตัวโต รกมันจะโตด้วยเหมือนกัน พื้นผิวด้านหลังของรก มีเส้นเลือดมากมาย ซึ่งจะไหลไปรวมกันเป็นสายสะดือไปต่อกับตัวเด็กที่สะดือ สายสะดือนี้ยาวเฉลี่ยประมาณ 55 เซนติเมตร …นึกภาพออกหรือยังเอ่ย ถ้านึกไม่ออก วันหลังคลอดแล้วก็อย่าลืมขอคุณหมอดูนะค่ะ
รก หรือ สายสะดือ พันคอ
ถ้านึกภาพออกแล้วจะรู้เลยค่ะ ว่าตัวรกเองนั้นไม่มีการที่จะพันคอเด็กได้เลย เพราะรกเป็นแผ่นแบนๆ ติดอยู่กับผนังมดลูก…ส่วนที่ไปพันคอก็จะเป็นสายสะดือเท่านั้น ที่เรียกว่า รกพันคอคงเข้าใจผิด หรือนึกภาพไม่ออกแล้วเรียกต่อๆกันมาผิดๆถูกๆ เสียมากกว่า ในระหว่างที่ลูกอยู่ในท้อง สายสะดือที่ต่อระหว่างสะดือของลูกกับรกก็จะขดไปขดมา ปะปนอยู่รอบๆตัวเด็ก ที่จริงสายสะดือไม่ได้ไปพันคอเด็กง่ายๆหรอกค่ะ เพราะเทียบกับขนาดดูแล้ว สายสะดือจะมีขนาดพอๆกับขาของเด็กเลย จะเอาสายอะไรขนาดเท่าขาไปพันรอบคอ มันก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้ามันไปพันจริงๆล่ะก็ เรียกว่าโชคร้ายสุดๆ เลยค่ะ
สายสะดือพันคอแล้วเป็นเหตุให้ทารกเสียชีวิตในครรภ์เกิดขึ้นบ่อยที่สุด เมื่อตั้งครรภ์ได้ประมาณ 32 สัปดาห์ ที่พบบ่อยช่วงนี้เพราะเป็นช่วงที่เด็กดิ้นมากที่สุด โดยจะดิ้นถึง 264 ครั้งต่อวัน ดิ้นไปดิ้นมา ดันไปเข้าล็อกเข้าพอดี คุณแม่มักจะไม่รู้เรื่องว่ามีอะไรเกิดขึ้นในท้องของตัวเอง ส่วนมากจะรู้ก็เมื่อลูกเสียชีวิตไปแล้ว คุณแม่ที่ช่างสังเกตหน่อย จะพบว่าลูกซึ่งเคยดิ้นเยอะอยู่แล้ว อยู่ๆก็ดิ้นมากจนผิดสังเกต เพราะแกพยายามดิ้นให้หลุด แต่บางทียิ่งดิ้นก็ยิ่งแน่น ต่อมาก็เลยหยุดดิ้น เงียบไปเลย ตอนที่หยุดดิ้นนี่ก็มักจะไม่รอดแล้วค่ะ
แต่โชคดีที่ว่าโอกาสที่เด็กในท้องจะมีสายสะดือพันคอแล้วเสียชีวิตก็ไม่ได้มีมากมายอะไร นานๆจะเจอสักราย โอกาสเสี่ยงก็พอๆกับเดินข้ามถนนตรงทางม้าลายแล้วถูกรถชนตายนั้นแหละค่ะ แต่ถ้ามันเกิดขึ้นมา ก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องของบุญของกรรมมากกว่า ด้วยว่า เหตุของสายสะดือพันคอเป็นอุบัติเหตุอย่างหนึ่งของธรรมชาติที่ไม่สามารถตรวจเจอได้ล่วงหน้า ตรวจตอนเช้าปกติ ตอนบ่ายดิ้นไปดิ้นมาพันพอดีก็เรียบร้อย จะหายาอะไรมากินป้องกันไว้ก่อนก็ไม่มี สายสะดือพันเวียนซ้าย แม่หมุนตัวเวียนขวาแก้มันก็ไม่หลุดหรอกค่ะ มันเป็นเรื่องสุดวิสัย ที่ไม่สามารถบอกล่วงหน้าได้ว่าจะเกิดขึ้นกับใคร ไม่สามารถป้องกันล่วงหน้าได้ และยังไม่เคยเจอด้วยว่ามีการวินิจฉัยว่า สายสะดือพันคอตอนท้อง 32 สัปดาห์แล้วผ่าออกมารอดเลย
ดิ้นไม่ดิ้น สัญญาณเตือน
แต่อย่างไรก็ตาม การสังเกตลูกดิ้นนั้นเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการระวังภาวะนี้ ลูกในท้องควรจะดิ้นอย่างที่เคยดิ้น เคยดิ้นมากก็ควรดิ้นมากเท่าเดิม เคยดิ้นน้อยก็ควรดิ้นน้อยเหมือนเดิม ถ้าลูกหยุดดิ้นก็ควรหยุดทำงานแล้วนั่งพักสังเกตลูกดิ้น ถ้าลูกดิ้นดีเหมือนเดิมก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าสังเกตดีแล้วลูกยังไม่ดิ้นเหมือนเดิม ควรรีบไปหาหมอให้เร็วที่สุด และไม่ควรเกิน 4-6 ชั่วโมง หลังหยุดดิ้นค่ะ
เมื่อไปถึงหมอแล้วหากลูกในท้องเสียชีวิตไปแล้ว ก็คงทำใจกันลำบาก เหมือนกันนะ แต่ในทางการแพทย์หมอจะให้การกระตุ้นเร่งคลอดออก แต่ถ้ามาตรวจแล้วพบว่าลูกยังปกติดี อาจจะไม่มีสายสะดือ พันคอเลยก็ได้ การดิ้นน้อยอาจมาจากสาเหตุอื่น เมื่อคุณหมอตรวจจนแน่ใจแล้วว่า เด็กในครรภ์มีสุขภาพแข็งแรงดีก็จะให้คุณแม่กลับบ้านได้ แต่จะให้ใบบันทึกลูกดิ้น มาให้คุณแม่ทำการบ้านด้วย หากลูกดิ้นน้อยกว่าที่กำหนดต้องกลับไปพบแพทย์อีกครั้งค่ะ
สายสะดือ ยิ่งยาวยิ่งเสี่ยง
สายสะดือที่เป็นเหตุของเรื่องนี้ทั้งหมด ปกติจะยาวเฉลี่ยประมาณ 55 เซนติเมตร แต่บางคนก็อาจจะยาวมาก หรือ บางคนอาจจะสั้นมากกว่านี้ แต่คนที่สายสะดือยาวๆ จะมีความเสี่ยงในการเกิดสายสะดือพันคอได้มากกว่าคนที่สายสะดือสั้นๆ แล้วสายสะดือของเด็กแต่ละคนก็ใหญ่ไม่เท่ากันอีกด้วยค่ะ เด็กตัวใหญ่ๆอ้วนๆ มักมีสายสะดืออ้วนตามไปด้วย เด็กตัวเล็กๆผอมๆ สายสะดือก็จะผอมตามไปด้วย คนที่มีสายสะดืออ้วนๆ มักไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องพันคอ แต่สายสะดือเล็กๆจะมีโอกาสพันคอได้มากกว่า แต่ตอนที่อยู่ในท้องเราก็ไม่รู้หรอกค่ะ ว่าสายสะดือมันจะยาวหรือสั้นแค่ไหน จะอ้วนหรือผอมแค่ไหน จะรู้ก็ตอนเกิดเรื่องไปแล้วนั่นแหละ
นอกจากสายสะดือพันคอแล้ว บางทีก็อาจจะพันกันเองเป็นปม พอเป็นปมแล้ว ก็จะทำให้เลือดไหลเวียนไปมาไม่ได้ หรือบางทีเด็กดิ้นไปทางเดียวกันตลอดจน สายสะดือบิดเข้าจนเป็นเกลียวเหมือนเชือกฟั่น สุดท้ายเลือดก็ไหลเวียนไม่ได้ ผลก็คือเด็กขึ้นสวรรค์ไปเหมือนกัน
ตัวหมอเอมเองเคยเจอกรณีอย่างนี้เหมือนกัน ส่วนมากก็จะมาหาหมอแล้วถามว่า วันนี้ลูกไม่เห็นดิ้นเหมือนก่อนหน้านี้เลย รู้สึกกังวลเลยรีบมาให้หมอตรวจดูซะหน่อย หมอได้ยินก็ชักหนาวๆแล้ว พอลองเอาเครื่องฟังเสียงหัวใจนั่งฟังนั่งหาอยู่นาน ก็ไม่เจอเสียงหัวใจเต้น ตอนนั้นหมอใจเสียเลยค่ะ แย่แล้ว แต่หมอว่าคุณแม่ น่าจะซีเรียสกว่าหมอเยอะนะ เลยเอาไปตรวจด้วยอัลตราซาวนด์ต่อ ก็เห็นว่า หัวใจมันไม่เต้น แต่รู้ไหมค่ะ ว่ามันพูดไม่ออก! มันยากสำหรับหมอคลอดลูก ที่ทำคลอดให้ชีวิตใหม่เกิดมาทุกวัน เหมือนเราเคยให้แต่ความสุขแก่คนอื่น แต่ถึงตอนบทเศร้ากลับทำอะไรไม่ถูก แต่สุดท้ายก็ต้องตัดใจบอกความจริงกับคุณแม่ ว่าหัวใจลูกไม่เต้นแล้ว เสียใจด้วยนะค่ะ ตอนที่พูดรู้สึกเลยค่ะ ว่าหน้าเรามันชาๆ ตาคุณแม่ที่สบตากับเรานั้นมีน้ำเอ่อไหลออกมาทั้งสองข้าง เป็นความรู้สึกที่ติดตาติดใจ เราไปอีกนานทีเดียวเลยล่ะ หลังจากนั้นอีกหนึ่งปีเธอก็ตั้งท้องใหม่อีกครั้ง เพราะฉะนั้นหมอเอมขอยืนยันว่า สายสะดือพันคอไม่ใช่โรคติดต่อ ท้องที่แล้วเป็น ท้องนี้ก็มีโอกาสเป็นได้แต่น้อยมาก ตอนหลังก็แฮปปี้เอ็นดิ้ง ได้ลูกกลับบ้านไปเลี้ยงสมใจ
อ่านเรื่องวันนี้ก็แค่รู้ไว้ใช่ว่าเองนะค่ะ เดี๋ยวคุณแม่จะกังวลไปกันใหญ่ สายสะดือพันคอเกิดขึ้นได้แต่น้อยมากๆ ข้ามถนนแล้วดวงไม่ดีโดนรถชนตาย ยังจะมากกว่าด้วยซ้ำไป อะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิด คิดว่าเป็นเรื่องของบุญของกรรมก็แล้วกันนะ ทุกวันนี้ถ้าเราทำแต่ความดี ก็ไม่ต้องไปกลัวอะไร…สาธุ
ค้นพบแหล่งทองคำกว่า 500 ตัน มูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านหยวน
เครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจ
เด็กพลัดตกท่อลึก ผ่านไปเป็นชม. กว่าจะมีคนมาช่วย
ไทย ชวดเหรียญทอง ปันจักสีลัต ทั้งที่กำลังจะขึ้นรับเหรียญ
ทหารเขมรใช้สไนเปอร์ลอบยิง "ผบ.ทร." รอดหวุดหวิด กระสุนพลาดถูกรถยนต์
ปุ๋ยล็อตใหญ่ ไปชายแดนเกือบ 3,000 นาย
นักมวยรองแชมป์โอลิมปิก แซะเจ้าภาพไทย หลังตกรอบรองฯ ซีเกมส์ 33
ดร.เขมร หาว่าไทยจะบุกลาวกับเมียนมาเป็นรายต่อไป
ช็อกวงการมวย! “ตะวันฉาย” ขาหักหลังพ่าย TKO ยกแรก
สมอง สามารถทำนายอนาคตได้
สถานีรถไฟเกือบเจ๊ง แต่รอดเพราะแมวตัวเดียว ตำนาน ทามะนายสถานีขนฟูแห่งญี่ปุ่น
เมื่อการชอปปิงบำบัด Retail Therapy กลับไม่ได้ทำให้หายเครียด วางแผนการซื้ออย่างไรให้การชอปปิงช่วยฮีลใจ และ ฮีลเงินในกระเป๋า
ดร.เขมร หาว่าไทยจะบุกลาวกับเมียนมาเป็นรายต่อไป
เมื่อวิทยาศาสตร์อธิบายวินาที "กระดูกร้าวถึงหัก" บนสังเวียนของตะวันฉาย
ทึ่งทั่วโลก : หุบเขาเทวดาวั้งเซียนกู่" หมู่บ้านที่สร้างอยู่ริมหน้าผา สถานที่ท่องเที่ยวแสนน่าทึ่งของประเทศจีน
นักมวยรองแชมป์โอลิมปิก แซะเจ้าภาพไทย หลังตกรอบรองฯ ซีเกมส์ 33
4 พันธุ์ไม้ "นักดูดฝุ่น" ฟอกอากาศขั้นเทพที่ควรมีติดบ้าน
ช็อกวงการมวย! “ตะวันฉาย” ขาหักหลังพ่าย TKO ยกแรก