เมื่อลูกชายต้องการทานขนมกุ้ยช่ายในฤดูหนาว พ่อแม่จะทำอย่างไร
ลูกชายกลับมาเยี่ยมพ่อแม่ที่บ้านนอก แต่อยู่ได้แค่คืนเดียว เช้าวันที่ 2 ก็ต้องเดินทางกลับตอน 6 โมงเช้า
คืนนั้น แม่ลูกพูดคุยกันในบ้านหลังเก่าจนดึก ก่อนที่จะลาแม่ไปนอน ลูกชายพูดด้วยความรู้สึกผิดต่อแม่
“แม่ครับ ลูกกลับมาเยี่ยมแม่ครั้งนี้กระชั้นชิดเกินไป คราวหน้าถ้ามีเวลา ผมจะอยู่กับแม่ให้นานกว่านี้ ผมยังอยากกินขนมกุ้ยช่ายฝีมือแม่อยู่เลย ซื้อกินที่ไหนก็ไม่เหมือนที่แม่ทำ”
พูดเสร็จ ลูกชายก็เห็นแววตาของความปิติที่ไม่อาจปกปิดจากแม่ เขากอดแม่แล้วก็กล่าวคำราตรีสวัสดิ์จากนั้นก็เดินเข้าห้อง เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า
หลังจากลูกชายเดินเข้าห้องไปนอนแล้ว ผู้เป็นแม่กลับรู้สึกไม่อยากนอน นางเดินไปที่ห้องของนาง จากนั้นก็ปลุกสามีที่นอนหลับไปแล้ว
“ตาแก่ ตื่นๆ แกไปถามเพื่อนบ้านหน่อยสิ ว่าใครปลูกกุ้ยช่ายบ้าง? แกขอซื้อมาสักหน่อยได้ไหม ตาหนูอยากกินขนมกุ้ยช่าย ฉันจะทำให้ลูกกินก่อนกลับพรุ่งนี้เช้า!”
พ่อที่นอนหลับไปแล้ว บอกกับภรรยาเฒ่าว่า “ได้ๆ เดี๋ยวจะรีบไป” จากนั้นก็รีบลุกจากเตียง สวมเสื้อกันหนาว
“ตาแก่ แกเดินออกไปเบาๆ ละ อย่าได้เปิดปิดประตูเสียงดังนะ ตาหนูกำลังหลับอยู่ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า เดี๋ยวลูกจะหลับไม่อิ่ม!” นางเอ่ยกับสามี
ช่วงนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว อากาศข้างนอกค่อนข้างหนาว ชายชราเดินไปเคาะประตูบ้านหลังแล้วหลังเล่า เพื่อถามว่าบ้านใครได้ปลูกกุ้ยช่ายบ้าง แต่ช่วงเข้าหนาวไม่ค่อยมีใครปลูกกุ้ยช่ายกันมากนัก แต่ความพยายามของชายชราก็สำเร็จผลที่เพื่อนบ้านหลังสุดท้ายของหมู่บ้าน
“แกไปเก็บเองที่สวนของข้าก็แล้วกันนะ จะเอาไปเท่าไหร่ก็ตามสบาย” เพื่อนบ้านใจอารีบอก
ชายชราเดินไปที่สวนของเพื่อนบ้าน ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านไม่ไกล แต่การเดินเท้าในยามค่ำคืนก็ไม่ค่อยสะดวกนัก เมื่อชายชรากลับมาถึงบ้านก็ปาเข้าไป 5 ทุ่มแล้ว
สองสามีภรรยาก็ช่วยกันเด็ดกุ้ยช่ายประมาณเกือบ 2 กิโล จากนั้นก็ล้างจนสะอาด เวลาก็ปาเข้าไปเกือบตีหนึ่งแล้ว จากนั้นก็ช่วยกันนวดแป้งห่อและห่อขนมกุ้ยช่าย การทำขนมกุ้ยช่ายหากไฟสว่างก็ใช้เวลาไม่นานเท่านี้ แต่ครั้งนี้ สองตายายอาศัยแสงไฟของไฟฉายทำขนมกุ้ยช่าย ด้วยความกลัวว่าแสงไฟจะทำให้ลูกชายตื่นจากหลับฝันดี สองตายาห่อขนมกุ้ยช่ายเสร็จเมื่อตี 3 เดิมทีคิดกันว่าจะงีบกันสักครู่ แต่เดี๋ยวก็ต้องนึ่งกุ้ยช่ายแล้ว สองตายายก็เลยไม่ยอมงีบหลับเหมือนที่คิดไว้
ตี 5 ครึ่ง เสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือของลูกชายก็ดังขึ้น ชายหนุ่มงัวเงียตื่นขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นหอมเหมือนขนมกุ้ยช่ายลอยมาแตะจมูก ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้นึกถึงกุ้ยช่ายฝีมือแม่ “บ้านใครทำขนมกุ้ยช่ายแต่เช้าเนี่ย หอมจัง!” เขาพูดกับตัวเอง
ยิ่งมากลิ่นของขนมกุ้ยช่ายก็ยิ่งแรงขึ้น เมื่อสองตายายช่วยกันยกออกมาจากครัว ก็เห็นลูกชายเดินออกมาจากห้องพอดี
“มาๆ ตาหนู ขนมกุ้ยช่ายเพิ่งนึ่งเสร็จกำลังร้อนๆ เลย กินก่อนเดี๋ยวค่อยแปรงฟัน!” นางเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจ
“กินก่อนลูก กินก่อน ยังไม่ต้องแปรงฟันหรอก” ผู้เป็นพ่อช่วยแม่โฆษณาอีกแรง จากนั้นก็คีบขนมกุ้ยช่ายใส่จานยกให้ลูกชาย
เขามองพ่อแม่อย่างไม่เชื่อในสายตา คำพูดที่เขาพูดเอาใจแม่เมื่อคืน ไม่คิดว่าแม่จะจริงจังขนาดนั้น พ่อกับแม่วัย 60 กว่าแล้ว ทำขนมกุ้ยช่ายให้เขากินโดยไม่ได้นอนทั้งคืน เขามองพ่อแม่และคีบขนมกุ้ยช่ายเข้าปากด้วยน้ำตา
ใครหนอรักเราเท่าชีวัน
ไม่ว่าตอนนี้เราจะโตเป็นผู้ใหญ่ขนาดไหน ในสายตาของพ่อแม่ ลูกยังเป็นเด็กที่เล็กนัก!
รัก โดยปราศจากเงื่อนไข รักเช่นนี้หาได้จากใครอื่น
https://www.facebook.com/DemocratPartyTH/photos/a.396915786790.182755.296508406790/10152371321721791/?type=1&theater