หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ย้อนรอยคดีปริศนาของโลก Dyatlov Pass Incident

เนื้อหาโดย จุ๋มจิ๋มจ๊ะ

  ย้อนรอยคดีปริศนาของโลก Dyatlov Pass Incident นับเป็นเวลากว่า 55 ปีมาเเล้วที่นักสกีชาวรัสเซียทั้ง 9 คน "ตายเเบบปริศนา"บนเทือกเขาหิมะ โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นฝีมือของใครกันเเน่ เพราะทุกอย่างดูขัดกับหลักฐาน เเละไม่มีทางเป็นไปได้เลย ใครกันเเน่ที่ฆ่าพวกเขา ????

  Dyatlov Pass Incident เป็นคดีปริศนาเกี่ยวกับการตายของนักเล่นสกีหิมะ 9 คนที่ เสียชีวิตพร้อมกันอย่างลึกลับบนเทือกเขาดยัตลอฟ ในลักษณะที่แปลกประหลาด คือทั้ง 9 คนไม่มีร่องรอยขัดขืนหรือต่อสู้อย่างใดเลย ผิวหนังภายนอกไม่ปรากฏร่องรอยการถูก ทำร้าย แต่ผู้เคราะห์ร้าย 2 ร่างกะโหลกศีรษะร้าว อีก 2 ร่างกระดูก ซี่โครงหัก โดยร่างหนึ่งไม่มีลิ้น บนเสื้อผ้าของพวกเขาพบสารกัมมันตรังสีในปริมาณที่เข้มข้น นักนิติเวชและผู้เชียว ชาญทั้งหลายไม่สามารถอธิบายสาเหตุที่เกิดขึ้นได้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อคืนวัน ที่ 2 กุมภาพันธ์ 1959 ในช่องเขาดยัตลอฟ (Dyatlov) เทือกเขาโคแลต สแยกหล์ (Kholat Syakhl) ประเทศรัสเซีย เป็นหนึ่งในปริศนาตลอดกาลที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าอะไรเป็นสาเหตุการเสียชีวิตพร้อมๆกันของนักเล่นสกีหิมะที่เชี่ยวชาญ ปลายเดือนมกราคม 1959 อิกอร์ ดยัตลอฟ (Igor Dyatlov) วัย 23 ปี ชักชวนผู้หลงใหล

 

การเล่นสกีหิมะ 9 คน เป็นชาย 7 คน และหญิง 2 คน ประกอบไปด้วย

ซิไนด้า กอลโมโกโรวา (Zinaida Kolmogorova)
ลยุดมิลา ดูบินิน่า (Lyudmila Dubinina)
อเล็ก แซนเดอร์ โคลีวาตอฟ (Alexander Kolevatov)
รัสเตม สโลโบดิน (Rustem Slobodin)
ยูริ คริโวนิเชนโก้ (Yuri Krivonischenko)
ยูริ โดโรเชนโก้ (Yuri Doroshenko)
นิโคไล ทิบอกซ์บริจนอลลี (Nicolai Thibeaux-Brignolle)
อเล็กแซนเดอร์ โซโลทาเรฟ (Alexander Zolotarev)
และยูริ นูดิน (Yuri Yudin)

   บุคคลทั้งหมดเป็นนักศึกษาสถาบันยูรัลโพลีเทคนิคอล พวกเขาออกสำรวจเส้นทางเล่น สกีหิมะบนยอดเขาโอตอร์เทน (Otorten)แม้ว่าการเดินทางขึ้นสู่เทือกเขาโอตอร์เทนในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์จะถูกจัดอันดับให้ เป็นช่วงที่ยากลำบากที่สุด แต่ทีมนักเล่นสกีชุดนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญ ผ่านประสบการณ์การปีน เทือกเขาที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะมาแล้วหลายครั้งวันที่ 25 มกราคม 1959 ทีมนักเล่นสกีลงรถไฟ ที่เมืองอิฟเดล ก่อนจะต่อรถบรรทุกไป ยังหมู่บ้านวิซไฮ ซึ่งเป็นหมู่บ้านสุดท้ายบนเส้นทางการสำรวจ และหลังจากนี้ ต่อไปพวก เขาจะต้องเดินเท้าขึ้นยอดเขาไปตามลำพังโดยจะไม่ได้เห็นผู้คนไปตลอดทั้งเส้นทาง วันที่ 28 มกราคม ยูริ ยูดิน เกิดป่วยกะทันหัน เขาจึงถูกบังคับให้เดินทางกลับ ทีมนักเล่นสกีจึงเหลือเพียงแค่ 9 คน เป็นระเบียบปฏิบัติสำหรับนักไต่เขาที่จะต้องระบุวันเดินทางกลับเอาไว้ เพื่อคนทางบ้านจะได้ ทราบกำหนดการ หากว่าพวกเขายังไม่กลับมาตามวันที่กำหนดจะได้ส่งทีมกู้ภัยไปช่วยเหลือ ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ อิกอร์กำหนดว่าจะส่งโทรเลขแจ้งเพื่อนฝูงเมื่อกลับลงมาจากเขาภาย ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อยูริ ยูดิน ป่วยต้องเดินทางกลับ อิกอร์ก็ถือโอกาสเปลี่ยนแผนโดยบอกกับยูริว่าเขาอาจจะลงเขาช้ากว่ากำหนด 2-3 วันวันที่ 31 มกราคม ทีมนักเล่นสกีเดินทางถึงสุดเขตที่ราบสูง พวกเขาสร้างเพิงชั่วคราวเพื่อ เก็บเสบียงและอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นสำหรับการปีนเขา โดยจะกลับมาเอาไปใช้สำหรับขาลง
  วันรุ่งขึ้นคนทั้งหมดก็เริ่มภาระกิจการปีนเขาเพื่อเดินทางไปยังช่องเขา ที่เชื่อมต่อกับยอดเขาโอตอร์เทน แต่สภาพอากาศที่เลวร้าย พายุหิมะทำให้ทีมนักเล่นสกีหลงทาง เฉไฉไป ทางทิศตะวันตกและมุ่งขึ้นสู่เทือกเขาโคแลต สแยกหล์ ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยว่า “เทือกเขามรณะ” อิกอร์ รู้ตัวว่ามาผิดทางก็เป็นเวลาเย็นแล้ว ทีมนักเล่นสกีจึงตัดสินใจกางเต็นท์พักแรมบนเชิงเขาโคแลต สแยกหล์

 

การตัดสินใจครั้งนี้เป็นหนึ่งในปริศนาที่ทีมกู้ภัยไม่เข้าใจ เพราะ ทีมนักเล่นสกีอยู่ห่างจากเขตป่าไม้เพียงแค่ 1.5 กม. พวกเขาน่าจะเดินย้อนกลับไปกางเต็นท์ในป่า ซึ่งปลอดภัยกว่าการกางเต็นท์ในที่โล่งท่ามกลางอุณหภูมิ -30 องศาเซลเซียส เพื่อนบางคน พยายามหาเหตุผลเข้าข้างอิกอร์ โดยคิดว่าเขาอาจอยากทดสอบความ แข็งแกร่งของทีม แต่การนำกิ่งไม้สดมาก่อกองไฟใน ขณะที่มีกิ่งไม้แห้งมากมายอยู่ใน บริเวณนั้น ทำให้เกิดทฤษฎีว่าจะเป็นด้วยเหตุผลใดก็ตาม ณ เวลานั้นทีมนักเล่นสกีสูญเสียประสาทการมองเห็น วันที่ 12 กุมภาพันธ์ เพื่อนร่วมสถาบันเริ่มเป็นห่วงทีมนักเล่นสกี เมื่ออิกอร์ไม่ติดต่อกลับมาตามกำหนดการ หากแต่ยูริ ยูดิน ให้ข้อมูลใหม่ว่าอิกอร์อาจจะกลับมาล่าช้ากว่ากำหนด 2-3 วัน หลังจากที่ทนรอถึงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ เพื่อนๆก็มั่นใจว่ามีสิ่งปรกติเกิดขึ้นอย่างแน่นอน จึงแจ้งเรื่องไปยังหน่วยกู้ภัยให้ออกค้นหา โดยประกอบไปด้วยคณะอาจารย์และนักศึกษา สถาบันยูรัลโพลีเทคนิคอล เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารส่งเครื่องบินเล็กและเฮลิคอปเตอร์ ออกสำรวจ

 

   วันที่ 26 กุมภาพันธ์ ทีมกู้ภัยพบเต็นท์ร้างของทีมนักเล่นสกีบนเชิงเขาโคแลต สแยกหล์ สภาพเต็นท์ทุกหลังจมใต้กองหิมะ มีรอยถูกฉีกขาดจากด้านในจนยับเยิน ข้าวของเครื่องใช้ ยังอยู่ในเต็นท์ครบถ้วน แต่ไม่พบนักเล่นสกีแม้แต่คนเดียวในบริเวณนั้น มีเพียงรอยเท้ามุ่ง ตรงไปยังเขตป่าไม้ ทีมกู้ภัยจึงแกะตามรอยเท้าไปเป็นระยะทางเกือบกิโลเมตรก็พบซาก กองไฟและร่าง ของ ยูริ คริโวนิเชนโก้ กับยูริ โดโรเชนโก้ จมอยู่ใต้หิมะ การหนีออกมานอนหนาวตายห่างจากเต็นท์ถึง 500 เมตรก็นับว่าประหลาดมากอยู่แล้ว แต่สภาพศพของคนทั้งสองที่นุ่งเพียงชุดชั้นในไม่สวมรองเท้ายิ่งทำให้แปลกประหลาดมาก ยิ่งขึ้นไปอีก รอยหักของกิ่งสนสูง 5 เมตร ที่อยู่ใกล้ๆกองไฟทำให้เชื่อได้ว่าใครคนใดคน หนึ่งปีนขึ้นไปบนต้นไม้เพื่อมอง หาอะไรสักอย่าง เมื่อสำรวจบริเวณโดยรอบ ก็พบร่างของอิกอร์ ดยัตลอฟ, ซิไนด้า กอลโมโกโรวา, และรัสเตม สโลโบดิน ดูเหมือนว่าทั้งสามคนกำลังเดินทางกลับเต็นท์เพราะทนความหนาวเย็นไม่ไหว แต่ไม่มีร่องรอยของคนที่เหลืออยู่ในบริเวณนั้น การชันสูตรไม่พบร่องรอยบาดแผลใดๆ บนร่างกาย

จึงลงความเห็นว่าผู้เคราะห์ร้ายทั้ง 5 คน เสียชีวิตจากภาวะร่างกายสูญเสียความร้อน (Hypothermia) แม้ว่ารัสเตม สโลโบดิน จะมีรอยร้าวเล็กๆที่กะโหลกศีรษะแต่มันไม่รุนแรงถึงขั้นทำให้เสียชีวิต หลังจากนั้นอีก 2 เดือน วันที่ 4 พฤษภาคม ทีมกู้ภัยก็พบร่างที่เหลือของทีมนักเล่นสกีจม อยู่ใต้กองหิมะหนา 4 เมตรลึกเข้าไปในป่า ทุกศพไม่มีร่องรอยบาดแผลใดๆบนร่างกายเหมือน 5 ศพแรกที่พบ อเล็กแซนเดอร์ โคลีวาตอฟ เสียชีวิตจากร่างกายบอบช้ำภายในอย่างรุนแรง นิโคไล ทิบอกซ์บริจนอลลี กะโหลกศีรษะร้าว อเล็กแซนเดอร์ โซโลทาเรฟ และลยุดมิลา ดูบินิน่า ซี่โครงหักหลายแห่ง ซึ่งแพทย์ให้ความเห็นว่าบาดแผลดังกล่าวเกิดจากการถูกกระแทกอย่างรุนแรงโดย เฉียบพลันเท่านั้น เช่น การถูกรถยนต์วิ่งด้วยความเร็วสูงพุ่งเข้าชน ยิ่งน่าประหลาดมาก เเล้วรถที่ไหนจะพุ่งมาชนด้วยความเร็วสูงได้บนภูเขาหิมะ ???

   ในที่สุดเมื่อพบว่าลิ้นของลยุดมิลาหายไป 4 ศพสุดท้ายที่พบล้วนแล้ว แต่แต่งกายในชุดป้องกันความหนาวอย่างถูกต้องกับ สภาพอากาศ อเล็กแซนเดอร์ โซโลทาเรฟ สวมเสื้อกันหนาวและหมวกของลยุดมิลา ดูบินิน่า ในขณะที่ลยุดมิลาพันเท้าด้วยเศษผ้าจากกางเกงของยูริ คริโวนิเชนโก้ จากหลักฐานนี้ทำให้เชื่อว่าพวกเขาพยายามต่อสู้กับสภาพอากาศที่หนาวเย็นด้วย การนำเสื้อผ้าของผู้ที่เสียชีวิตก่อนมาสวมใส่ แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครชนะสภาพอากาศ ที่ทารุนโหดร้ายไปได้ สภาพอวัยวะภายในที่เหมือนถูกของแข็งกระแทกอย่างรุนแรง จนแตกหักโดยไม่มีบาดแผล ภายนอกร่างกายให้เห็นแม้แต่น้อยก็นับว่าเป็นปริศนามากพอดูอยู่แล้ว แต่หลังจากตรวจ สอบเสื้อผ้าของผู้เสียชีวิตพบว่า มีการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีเข้มข้นก็ยิ่งทำให้คดีนี้เป็น ปริศนามากยิ่ง ขึ้นไปอีก จากการสืบสวนของตำรวจไม่พบว่ามีทีมนักไต่เขาทีมอื่นในช่วงเวลานั้น ไม่มีบ้านเรือนผู้คน อาศัยอยู่ หรือร่องรอยของสัตว์ร้ายในบริเวณนั้น ไม่พบสิ่งผิดปรกติใดๆทั้งสิ้น ทีมนักเล่นสกี ทั้ง 9 คนอยู่บนเทือกเขามรณะโดยลำพัง แต่อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาละทิ้งเต็นท์ที่ พักออกมานอนหนาวตายในกองหิมสมุดบันทึกการเดินทางและภาพถ่าย ตั้งแต่วันเริ่มออกเดินทางจนถึงเย็นวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ก็ไม่แสดงถึงสิ่งผิดปรกติใดๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้นจะต้องเกิดขึ้นโดยทันทีทันใด อย่างที่ไม่มีใคร คาดคิดมาก่อน สิ่งที่ยังคงเหลืออยู่บนเชิงเขามรณะคือ อนุสาวรีย์ของนักเล่นสกีและชื่อสถานที่ที่ถูกเรียกว่า“ช่องเขาดยัต ลอฟ” ตามนามสกุลของอิกอร์ ดยัตลอฟ หัวหน้าคณะทีมสำรวจ มี 2 ทฤษฎีพอจะอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเทือกเขามรณะในคืนวันที่ 2 กุมภาพันธ์ได้ระดับหนึ่ง ทฤษฎีแรกคือเกิดหิมะถล่มลงมาทับเต็นท์ที่พักของนักเล่นสกี ซึ่งเป็นเหตุผลว่า ทำไมเต็นท์จึงจมอยู่ใต้กองหิมะ นักเล่นสกีใช้ของมีคมกรีดเต็นท์ เพื่อหาทางออกซึ่งเป็น เหตุผลว่าทำไมเต็นท์จึงอยู่ในสภาพยับเยิน แรงกระแทกของก้อนหิมะอาจส่งผลให้นักเล่นสกีบางคนได้รับบาดเจ็บกะโหลกศีรษะร้าว และบางคนซี่โครงหัก นักเล่นสกีเกรงว่าหิมะอาจจะถล่มซ้ำลงมาอีก จึงตัดสินใจหนีออกห่าง จากเต็นท์ที่พัก เหลือเพียงเรื่องเดียวที่ไม่สามารถอธิบายได้คือสารกัมมันตรังสีเข้มข้นจากเสื้อผ้าของผู้เสียชีวิตมาจากไหน อีกทฤษฎีคือ นักเล่นสกีกางเต็นท์ในเขตทดลองอาวุธลับของทหาร ในคืนวันที่ 2 กุมภาพันธ์ นักเล่นสกีอีกชุดหนึ่งซึ่งออกเดินทางขึ้นเขาห่างจากทีมของผู้เสียชีวิตไปทางตอนใต้ราว 50 กม. อ้างว่าพวกเขาเห็นลูกไฟทรงกลมสีส้มขนาดใหญ่ลอยอยู่บริเวณใกล้เคียงกับจุดที่ พบผู้ เสียชีวิต ทีมนักเล่นสกีอาจจะออกจากเต็นท์ ที่พักเพื่อดูลูกไฟประหลาด และทันใดนั้นก็เกิดการระเบิดขึ้น แรงกระแทกจากการระเบิดทำให้นักเล่นสกีบางคนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งทฤษฎีนี้ สามารถอธิบายเรื่องสารกัมมันตรังสีเข้มข้นบนเสื้อผ้าของนักเล่นสกีได้ หากแต่ไม่มีร่องรอย

การระเบิดในบริเวณที่เกิดเหตุ และพยานที่อ้างว่าเห็นลูกไฟประหลาดก็ไม่เห็นการระเบิด และที่สำคัญที่สุดคือ ณ เวลานั้นยังไม่มีการสร้างสถานีทดลองอาวุธทางทหารในบริเวณนั้น แต่ถ้ามีการทดลองอาวุธลับจริงมันก็ยังคงถูกปิดเป็นความลับอยู่จนถึงทุกวันนี้


ภาพนี้เป็นถาพสุดท้ายที่พวกเค้าถ่ายไว้ได้ซึ่งมันก็ยังคงเป็นปริศนาว่ามันคืออะไรกันเเน่

 

อันนี้สร้างเป็นหนังเเต่คงไม่เหมือนเรื่องจริงหรอก

 

ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ ไงเดี๋ยวมีมาให้อ่านอีกเเน่นอน

 

เนื้อหาโดย: จุ๋มจิ๋มจ๊ะ
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
จุ๋มจิ๋มจ๊ะ's profile


โพสท์โดย: จุ๋มจิ๋มจ๊ะ
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
36 VOTES (4/5 จาก 9 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ทัพภาค 2 จัดหนัก งัดจรวดไทย DTI-1G รับใช้ชาติ ถล่ม BM-21 เขมรให้กระจายเขมรวิเคราห์ "จุดอ่อนของ T-50TH คืออะไร?""ทัพฟ้าไทย" ยืดอกรับ ส่งฝูงบินถล่มคลังแสงพระตะบอง ลั่น "เราไม่ได้เริ่มก่อน" แต่ต้องทำเพื่อปกป้องประชาชน📜 ภาพเก่าประวัติศาสตร์ “พระตะบอง” จากแผ่นดินสยาม สู่ความทรงจำ"ซินแสดัง" เผยดวงเมืองประเทศไทย ปี 2569..ยิ่งรบ ยิ่งแข็งแกร่ง ศัตรูแพ้ราบคาบวิเคราะห์หวยงวดวันที่ 2 มกราคม 69 โดยใช้ AI..เลขไหนมีสิทธิ์ถูกรางวัลเกาหลีแฉเอง! จีนเมินช่วยกัมพูชา ทัพฟ้าไทยจัดเต็มบินถล่มรังลับในเขมรปิดตำนาน 10 ปี "น้องคะน้า หรือ โมโมโนกิ คานะ" อำลาวงการทั้งน้ำตาเผยคลิป ระอุกลางดึกถนนหมายเลข 5 เมืองปอยเปต ถูกปืนใหญ่ถล่มใส่ อาจเป็นการตัดเส้นทางลำเลียงอาวุธและกำลังพลของฝ่ายเขมรF-16 บินลุยแล้ว! เข้าจัดการเป้าหมายหลัง เขมร เติมอาวุธหนักเข้ามาที่บ้านหนองจานทหารไทยยิงกระสุนส่องสว่างเหนือปอยเปต มองเห็นได้จากชายแดนฝั่งไทย เปิดการมองเห็นทำลายเป้าหมายทางการทหารเขมรให้สิ้นซากมาลีแถลงเดือดโต้ไทยปล่อยข่าวปลอม! อ้างเขมรซุกทหารที่ปอยเปต ยืนยันไม่จริง ประเทศต้องการสันติภาพ
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ทหารไทยยิงกระสุนส่องสว่างเหนือปอยเปต มองเห็นได้จากชายแดนฝั่งไทย เปิดการมองเห็นทำลายเป้าหมายทางการทหารเขมรให้สิ้นซากมะม่วงกวนหรือที่บางคนเรียก ส้มแผ่น/มะม่วงแผ่น..ขนมไทยสุดคลาสสิกพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์และสำคัญที่สุด ของคนที่นับถือศาสนาอิสลามรีวิว THE FAST & THE FURIOUS TOKYO DRIFT เร็ว..แรงทะลุนรก ซิ่งแหกพิกัดโตเกียวปิดตำนาน 10 ปี "น้องคะน้า หรือ โมโมโนกิ คานะ" อำลาวงการทั้งน้ำตาเกิดอุบัติเหตุรถชนครั้งใหญ่ มีไฟลุกไหม้ บนทางหลวงในจังหวัดกุนมะ
โบว์-เมลดา @ Harper's BAZAAR Thailand December 2025ลีน่า ลลินา & หมิว ณัชชา @ WiNK China December 2025การ์ตูน​เซ็กซี่​วันคริสมาสต์​แก้ไขตอนหลังยังได้หน้า แก้ผ้าตอนหน้ายังได้หลัง
ตั้งกระทู้ใหม่