เมื่อลูกสาวผม อายุ 23 ปี ป.ตรีปีสุดท้าย เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะที่ 4
น้องจอย (ลูกสาวคนที่ป่วย) กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยของรัฐบาล ปริญญาตรีปี 4 ปีสุดท้าย แถวนางเลิ้ง และอยู่ในช่วงฝึกงานนอกสถานที่ ได้เกิดมีอาการไอ อย่างไม่ทราบสาเหตุ ไอไม่หยุด อยู่ในช่วงเดือนกรกฏาคม 2556 จึงเข้ารับการตรวจเอ็กซเรย์ที่โรงบาลย่านอนุสาวรีชัยฯ พบก้อนเนื้อที่ทรวงอก จึงส่งตัวมารักษาที่ต้นสังกัด (บัตรทอง 30บาท) ที่ภูมิลำเนาเดิมฉะเชิงเทราและเริ่มวินิจฉัยก้อนเนื้อนั้นที่โรงพยาบาลที่ฉะเชิงเทรา โดยการเจาะเนื้อเยื่อไปพิสูจน์เพื่อหาว่าก้อนเนื้อนั้นคืออะไร (ทำการเจาะถึงสองครั้ง) ซึ่งก้ไม่สามารถสรุป"ด้ว่าเป็นอะไร จึงต้องทำเรื่องส่งต่อมารักษาตัว เพื่อผ่าเอาก้อนเนื้อนั้นมาพิสูจน์อีกครั้งที รพ.ราชวิถี จนผลสรุปออกมาว่าเป็น "มะเร็งต่อมน้ำเหลื่องระยะที่ 4"
เมื่อทราบผลว่าเป็น "มะเร็งต่อมน้ำเหลื่องระยะที่ 4" ก็เริ่มวางแผนการรักษาโดยการให้ "คีโม" 8 ครั้ง โดยเริ่มให้ครั้งแรก 28/10/2556 โดยให้ครั้งละสองชั่วโมงต่อครั้ง แล้วเว้นไปประมาณ 21 วันเริ่มให้ครั้งต่อไป (ตอนนี้ให้ที่โรงพยาบาลราชวิถี) จนเส็รจสิ้นการให้ครั้งที่สาม ซึ่งหลายๆ ท่านเคยบอกว่าถ้าให้คีโมครั้งที่สามผ่านทุกอย่างก็จะดีขึ้น แล้วสิ่งที่เรากังวลก็เกิดขึ้น เมื่อน้องจอยร่างการเริ่มอ่อนแอ เกิดภาวะปอดติดเชื้อ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่สามารถนอนได้ หายใจเองไม่ได้ต้องอยู่กับเครื่องช่วยหายใจ (ในครั้งนี้ผมเอาลูกเข้ารักษาตัวที่ รพ.ฉะเชิงเทรา) ซึ่งได้ปรึกษากับทางคุณหมอแล้ว จะเป็นผลดีกว่าเดินทางไปมา ระหว่างกรุงเทพกับฉะเชิงเทรา (ต้องขอขอบคุณคุณหมอทั้งสองที่ ที่ท่านเต็มที่กับการรักษามาก) ในช่วงนี้ทำให้ต้องหยุดการให้คีโมทั้งหมดทันที ช่วงนี้เป็นช่วงที่วิกฤตที่สุด หลายครั้งที่คุณหมอเรียกผมและภรรยาเข้าไปพูดคุยเรื่องการรักษาตลอด สิ่งที่คุณหมอถามและบอกตลอดคือ "น้องอาจไม่ได้กลับบ้านแล้วนะ" อาจต้องเจาะคอน้องนะ เพราะภาวะปอดติดเชื้อดื้อยาไม่ตอบสนองการรักษา ตอนนี้น้องจอยถูกนำตัวมาห้องแยก (ห้องปลอดเชื้อ) สิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้คือ
1. ไม่ยอมให้เจาะคอน้อง
2. หมอที่จะรักษาทางพระทางหมอดูเริ่มหาหมด
3. ยาสมุนไพร (มีมาให้จากทุกทิศทุกทาง) ต้องขอบพระคุณมาก
4. อธิษฐาน
หลังจากนั้นทางคุณหมอก็บอกว่าจำเป็นต้องให้ยาต้านเชื้อที่แรงที่สุด ถ้าครั้งนี้ยังดื้อยาอยู่ทุกอย่างก็......จบ ถึงอย่างไรเราก็ต้องยอมตามคุณหมอหวังว่าสิ่งต่างๆที่ครอบครัวเราสร้างมา และเจ้ากรรมนายเวร คงให้โอกาสเราบ้าง ...แล้วสิ่งต่างๆที่เราคาดหวังก็ดีขึ้นตามลำดับ น้องเริ่มรู้สึกตัว เริ่มสวดมนต์ได้ แต่ยังใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ เริ่มนอนตะแคงได้ (นอนหงายยังไม่ได้) แนวโน้มเริ่มดีขึ้น ทุกคนเริ่มมีความหวังมากขึ้น แต่ต้องอยู่ในการดูแลของคุณหมออย่างใกล้ชิด
หนึ่งอาทิตย์ก่อนที่จะรู้ว่าป่วย
หลังจากนั้นทุกสิ่งเริ่มดีขึ้นตามลำดับ จากทุกอย่างที่เป็นศูนย์แล้ว และกำลังเข้าสู่การวางแผนให้คีโมอีกครั้ง แต่ต้องรักษาร่างกายให้แข็งแรงเสียก่อน เพราะหลังจากนี้ไปการให้คีโม ต้องให้ครั้งละห้าวันต่อเนื่อง ภาพหลังจากฟื้น เริ่มสื่อสาร ช่วยตัวเองได้ ตลอดเวลาผมและภรรยาต้องสลับกันกอดลูกตลอดเพราะเขาจะสั่นตลอด ช่วงให้ยาต้านการติดเชื้อที่ปอด
หลังจากผ่านช่วงวิกฤตในช่วงรักษาอาการปอดติดเชื้อผ่านพ้นมาได้ ชนิดที่เหมือนกับ "ตายแล้วเกิดใหม่"
ต้องกราบขอบคุณ คุณหมอมากที่รักษาน้องจอยในครั้งนี้เป็นอย่างสูง ที่ท่านทุมเททุกอย่างจริงๆ ถึงว่าทางเราจะมีสิทธิในการรักษาแค่บัตรทอง 30บาท ท่านก็เต็มที่ หลังจากนั้นทางคุณหมอก็เรียกไปพูดคุยแผนการรักษาอีกครั้งว่า หลังจากนี้การให้คีโมต้องเปลี่ยนใหม่ มาให้สูตรใหม่คือปกติโดยทั่วไป จะให้แค่วันเดียวเพียง 2-4 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น แต่ในครั้งนี้ต้องให้ ครั้งละ 4 คืน 5 วัน ซึ่งเป็นอะไรที่นานมากแต่ละครั้ง แต่เราต้องสู้ และเมื่อให้แต่ละครั้งต้องทิ้งช่วงไปอีกประมาณ 21 วัน จนให้ครบ 8 ครั้ง ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงพักฟื้นให้ร่างกายแข็งแรง เพื่อเข้ารับคีโมต่อไป ซึ่งกำหนดให้ใหม่ในวันที่ 28 ตุลาคม 2556
เป็นภาพที่ผ่านการพักฟื้นหลักจากรักษาภาวะปอดติดเชื้อเริ่มแข็งแรงแล้ว
แต่สิ่งที่เป็นปัญหาคือ น้องจอยเจาะหาเส้นเลือดยากมาก ไม่ว่าจะเป็นการให้น้ำเกลือ หรือเจาะเลือด และการให้คีโม ทางคุณหมอเลยตัดสินใจให้ส่งตัวน้องมาทำ Piot (พล็อต) สำหรับให้ยาทางสาย เพื่อหลีกเลี่ยงการเจาะเข้าเส้นเลือดซึ่งทำได้ยาก ในการฝังพล็อตนี้จะผ่าตัดฝังทางด้านหน้าอก ซึ่งในส่วนนี้เราต้องเสียค่าใช้จ่ายเองประมาณร 30000 บาท ในครั้งนี้ทางเราต้องพาน้องเดินทางมาทำเองที่ รพ.ราชวิถี ซึ่งก็ถือว่าเราโชคดีที่คุณหมอท่านทำให้ทันที (หลายครั้งมากที่ทางครอบครัวเราโชคดีมากๆเมื่อเจอกับคุณหมอทั้งที่ รพ.ราชวิถี และรพ.พุทธโสธร ฉะเชิงเทรา จนบางครั้งภรรยาผมต้องถามผมว่ามันเกิดอะไรขึ้นหมอถึงดูแลเราดี)
หลังจากนี้ไปวันที่ 28 ตุลาคม 2556 น้องจอยจะเริ่มต้นการให้คีโมสูตรใหม่อีกครั้ง หลังจากเริ่มเข้าสู่ขบวนการให้คีโมต่างๆ ตามระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งถือว่าผ่านไปด้วยดีทุกๆ ครั้ง ไม่มีอาการแทรกซ้อนจากโรคภัยต่างๆ นับว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก จากการทำ CT. Scan พบว่าก้อนเนื้อร้ายนั้นก็ฝ่อเป็นที่น่ายินดี ต่อจากนี้ไปก็เข้าสู่ขบวนการฉายรังสีอีกครั้ง ในการฉายรังสีครั้งนีจะต้องถูกส่งตัวมารักษาที่ รพ.ราชวิถีอีกครั้ง โดยกำหนดการฉายรังสี 25 ครั้งต่อเนื่องทุกวัน
รูปแสดงพื้นที่ ที่ต้องฉายรังสี ซึ่งจะอยู่ติดตัวน้องจอยแบบนี้ไปอีก 1 เดือน ห้ามลบ
ในครั้งนีกำหนดเริ่มฉายรังสี วันที่ 25 กรกฏาคม 2557 ที่ รพ.ราชวิถี ในช่วงนี้ก้ดำเนินการฉายรังสีตามเวลาที่กำหนดทุกครั้งไม่ขาด สิ่งดีๆ ต่างๆและข่าวดีที่สุด ของน้องจอยก็เกิดขึ้น เมื่อทางมหาวิทยาลัยฯ แจ้งว่า "น้องจอย จบการศึกษาปริญญาตรีแล้ว" พร้อมส่งเอกสารการจบต่างๆ มาให้ ซึ่งกำหนด รับพระราชทานปริญญาบัตรวันที่ 16 ธันวาคม 2557 ที่จะถึงนี้ ซึ่งในระหว่างรักษาตัวให้เคมี น้องจอยเองก็ยังคงเดินทางไปเรียนและสอบตามแต่ช่วงเวลาเท่าที่จะทำได้ เพราะน้องคาดหวังกับการเรียนมาก ซึ่งมันก็สร้างความสุขให้กับครอบครัวเราเป็นอย่างมาก ในช่วงนี้ก็พาน้องจอยไปตัดชุดครุยเรียบร้อยแล้ว.....ครอบครัวเรามีความสุข...........
ครอบครัวเรามีกันสี่คน มีผม,ภรรยา, และลูกสาวสองคน น้องจอย,น้องเจมส์ ผมและภรรยาเรียนหนังสือไม่มากนัก เราจึงทุ่มเรื่องการเรียนทุกอย่างมาให้ลูก ครอบครัวเราโชคดีที่ลูกผมไม่มีปัญหาเรื่องการเรียน น้องเจมส์ก็เรียนวิศวะปีสองแล้ว แต่...ในช่วงที่การฉายรังสีครบตามระยะที่กำหนดแล้ว น้องจอยเริ่มพักผ่อนเพื่อรักษาตัวเอง ในช่วงนี้น้องจอยเริ่มมีอาการไอเกิดขึ้นอีก ซึ่งเริ่มสร้างความวิตกให้กับเรามาก เราต้องพาน้องจอยไปพบหมออีกครั้ง คุณหมอได้ให้เข้าทำ CT.Scan ทันที แล้วสิ่งที่เรากังวลก็เกิดขึ้นอีก
วันที่ 10 ตุลาคม 2557 คุณหมอเรียกเข้าไปฟังผล CT.Scan อีกครั้ง
เมื่อเราได้คุยกับหมอแล้วปรากฎว่า "มะเร็งที่เป็นนั้นที่ผ่านมามันดื้อยาไม่ตอบสนองกับคีโมที่ได้รับ ฉายแสงทำให้ก้อนฝ่อลงบ้าง แต่ตอนนี้มันได้เกิดก้อนมะเร็งตัวใหม่ขึ้นมาบริเวณใกล้หัวใจ ซึ่งแน่นอนต้องได้รับคีโมใหม่ และยาสูตรเดิมก็ใช้ไม่ได้ผล จึงต้องใช้ยานอกค่าใช้จ่ายเข็มละ 70,000 บาท ให้ 4 ครั้ง เป็นเงิน 280,000 บาท และจะต้องปลูกถ่ายกระดูกไขสันหลังอีกเป็นเงิน 300,000 บาท ค่าใช้จ่ายโดยประมาณที่ยังไม่รวมค่าอุปกรณ์อื่นๆ ทั้งสิ้น 580,000 บาท
ทุกอย่างของเรามืดไปหมด เพราะคุณหมอบอกว่าจะต้องสั่งยาทันที เพื่อมาให้คีโมอีกครั้งในวันที่ 13 ตุลาคมนี้ นั้นซึ่งแสดงว่าเรา แทบจะไม่มีเวลาคิดปรึกษาใครทั้งสิ้น เพราวันที่ 10 ซึ่งเป็นวันศุกษ์ที่เราไปพบหมอ และวันจันทร์ที่ 13 เราต้องให้ยาทันที ซึ่งผมและภรรยาตัดสินใจที่จะรักษาต่อ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ครอบครัวเราคาดหวังมากว่า วันที่ 16 ธันวาคมนี้ เราจะไปรับปริญญาด้วยกัน ผมเองวางแผนไว้หมดแล้วว่าจะออกรถ (ซึ่งจริงๆผมไปจองไว้แล้ว รถครอบครัวกำหนดออก 31 ตุลาคมนี้ ) หวังที่จะใช้อำนวยความสะดวกกับเขา...คงต้องยกเลิก
ตอนนี้ (วันนี้ 15 ตุลาคม 2557 ) น้องจอยให้คีโมสูตรใหม่อยู่ที่โรงพยาบาลพุทธโสธร ฉะเชิงเทราครั้งแรก เป็นวันที่สองของการให้ต่อเนื่องห้าวัน
และเมื่อคำนวนระยะเวลาการให้คีโมแล้ว กินเวลาไปถึงกลางเดือนธันวาคม (ให้สี่ครั้ง) เวลา 11:15 น. ภรรยาโทรมาบอก ตัวน้องเมื่อได้รับคีโมสูตรใหม่ ตัวบวมมาก ต้องฉีดยาขับน้ำออกทางปัสสาวะ ซึ่งผมเองไม่ทราบว่าจะมีผลกระทบอะไรหรือเปล่า และตัวยาเป็นอย่างไร ....ได้แต่ภาวนาเท่านั้น เพราะวันนี้ต้องมาทำงาน (แต่กลับไปนอนกับน้องทุกวัน)
" บุญกุศลอันใดที่พ่อและแม่ได้ทำไว้ทั้งในชาตินี้และชาติที่แล้ว ขอจงช่วยส่งเสริมให้ลูกสาวของข้าพเจ้าหายจากโรคร้ายนี้ด้วยเทอญ"
ต้องขอขอบคุณทุกกำลังใจครับ....
ขอบคุณที่รับอ่าน มันอาจจะเป็นอีกแง่มุมหนึ่งในการชี้นำการรักษา เพื่อประโยชน์สำหรับท่านที่อาจจะประสพชะตากรรมอย่างผม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขออย่าได้เกิดขึ้นกับท่านใดเลย
น้องจอยทำทุกอย่างเพื่อให้ผมสบายใจ และไม่ให้ผมกังวล อีกคนหนึ่งที่เข็มแข็งมากๆ คือภรรยาของผม ที่เป็นคนคอยกระตุ้นผมทุกอย่าง "พ่ออย่าท้อนะ พ่อสู้ๆ นะ" เหมือนกับพี่เลี้ยงนักมวยที่คอยกระตุ้นตลอดเพื่อให้สู้ เมื่อคนผมไม่ได้นอนเฝ้าน้องจอยเพราะต้องกลับบ้านเพื่อไปดูแลบ้าน และเก็บสิ่งของ เช้ามาต้องรีบมาทำงาน (ผมทำงานอยู่กรุงเทพ)
หลากหลายกำลังใจที่มอบให้ครอบครัวผม สร้างความตื้นตันใจกับผมเป็นอย่างมากผมต้องขอขอบพระคุณอีกครั้งครับ ขอบคุณมากครับ
สามาถเข้าไปให้กำลังใจเจ้าของกระทู้ คุณพ่อผู้เข้มแข็งเพื่อลูก ได้ที่
สมาชิกหมายเลข 1117617 http://pantip.com/topic/32712715/story
สมาชิกหมายเลข 1117617 http://pantip.com/topic/32712715/story