การแบ่งประเภทเรือรบ
เรือรบมีการแบ่งประเภทที่หลากหลาย โดยแบ่งตามหน้าที่และขีดความสามารถเฉพาะของเรือ ซึ่งการแบ่งประเภทของเรือรบในปัจจุบัน มีที่มาจากการแบ่งประเภทเรือตั้งแต่สมัยเรือใบเมื่อหลายร้อยปีก่อนนั้นเองค่ะ โดยเรือรบหลักในสมัยศตวรรษที่ 17 เรียกว่า Ship of the Line หรือ Ship of the Battle Line ตามยุทธวิธีการตั้งแถว Line of Battle ของเรือใบขนาดใหญ่ โดยเรือที่เป็น Ship of the Line ก็คือเรือที่ใช้ใน Line of Battle นั่นเอง โดยยุทธวิธี Line of Battle คือการตั้งแถวเรือเพื่อรวมอำนาจการยิงไปในทิศทางเดียวกัน และการดำเนินกกลยุทธจะเป็นการเลี้ยวตามกันทั้งแถวตามคำสั่งของเรือบัญชาการ (คำว่า “เรือธง” ก็มาจากยุทธวิธีเดียวกันนี้ หมายถึงเรือบัญชาการที่ให้สัญญาณธงในการสั่งการเรือในแถว)
Battle of the Cape St.Vincent ปี ค.ศ.1797 แสดงให้เห็นยุทธวิธีการตั้งแถว Line of Battle
(ภาพจาก Royal Museums Greenwich )
เรือ Ship of the Line ด้วยกันเอง ก็ยังมีการแบ่งชั้นเรือตามขนาดและจำนวนปืน ตั้งแต่ขนาดเรือปืน 2 ชั้น (Two-Decker) ติดปืนเกินกว่า 60 กระบอกขึ้นไปจนถึงเรือปืน 3 ชั้น (Three-Decker) ติดปืนกว่า 100 กระบอก ส่วนเรือที่มีขนาดเล็กกว่าและไม่สามารถจัดอยู่ในแถว Line of Battle ได้จะจัดเป็นเรือประเภทเรือฟริเกตและเรือสลุปค่ะ โดยเรือฟริเกต (Frigate) เป็นเรือปืน 2 ชั้นติดปืนตั้งแต่ 60 กระบอกลงมา เรือประเภทนี้จะมีขนาดเล็กกว่า แต่มีความเร็วและความคล่องตัวมากกว่า Ship of the Line เรียกได้ว่า เป็นเรือเอนกประสงค์สำหรับตรวจการณ์หน้ากระบวนเรือ คุ้มกันเรือสินค้า รวมถึงการปิดอ่าว และออกปฏิบัติการโดยลำพังเพื่อไล่ล่าเรือสินค้าฝ่ายข้าศึก
HMS Victory เป็นเรือ Ship of the Line ติดปืน 3 ชั้น จำนวน 104 กระบอก (ภาพจาก Royal New Zealand Navy)
เรือที่มีขนาดเล็กลงมากว่าเรือฟริเกตจะเรียกว่าเรือสลุป (Sloop) หรือ คอร์เวต (Corvette) ซึ่งเป็นเรือใบ 2-3 เสา ทำหน้าที่ในการคุ้มกันเรือสินค้าจากเรือ Privateer (เทียบได้กับทหารรับจ้างหรือทหารอาสา คือ เรือสินค้าติดอาวุธที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลให้โจมตีเรือสินค้าฝ่ายข้าศึก)
ในยุคของเรือเหล็กและเรือไอน้ำในช่วงศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา การแบ่งประเภทเรือดังกล่าว ได้มีวิวัฒนาการตามการพัฒนาของเรือ โดยเรือรบหลักยังคงใช้ยุทธวิธีการตั้งแถวแบบ Line of Battle อยู่ค่ะ และเรียกเรือประเภทนี้อย่างสั้นๆว่า Battle Ship หรือ เรือประจัญบานนั่นเอง ส่วนเรือฟริเกตยังคงหมายถึงเรือปืนขนาดเล็กลงมาที่ไม่สามารถทำการรบใน Line of Battle ได้ และมีหน้าที่คุ้มกันเรือสินค้าหรือออกปฏิบัติการโดยลำพัง
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เรือประจัญบานมีขนาดใหญ่มากขึ้น ติดเกราะหนาขึ้น และมีปืนขนาดใหญ่ขึ้น จนเป็นที่มาของเรือประเภทใหม่ คือเรือลาดตระเวน หรือ Cruiser ซึ่งเป็นเรือติดปืนขนาดใหญ่กว่าเรือฟริเกต แต่ยังมีขนาดเล็กกว่าเรือประจัญบาน ในสมัยสงครามโลก เรือ Cruiser แบ่งย่อยออกได้เป็นเรือ Armored Cruiser ซึ่งติดเกราะหนาและมีปืนขนาดใหญ่พอที่จะร่วมอยู่ใน Line of Battle ได้ และเรือ Battle Cruiser คือเรือที่ติดปืนขนาดใหญ่เท่ากับเรือประจัญบานแต่ติดเกราะบางเท่ากับเรือ Cruiser ธรรมดาเพื่อเพิ่มความคล่องตัว เป็นต้น
HMS Belfast เป็นเรือลาดตระเวนเบาสมัยสงครามโลก ปัจจุบันเป็นเรือพิพิธภัณฑ์ (ภาพจาก War History Online)
ในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 นอกจากจะมีการพัฒนาเรือประจัญบานให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและติดเกราะหนาขึ้นแล้ว ยังมีการพัฒนาอาวุธแบบใหม่คือตอร์ปิโด ทำให้เกิดเรือรบประเภทเรือตอร์ปิโดขึ้น ซึ่งเรือตอร์ปิโด (Torpedo Boat) เป็นเรือความเร็วสูงขนาดเล็กติดอาวุธตอร์ปิโด ที่สามารถสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับเรือขนาดใหญ่อย่างเรือประจัญบานได้ และเนื่องจากการระเบิดของตอร์ปิโดจะระเบิดที่ใต้แนวน้ำ ทำให้น้ำท่วมเรือจนถึงขั้นเรือจม ในขณะที่การระเบิดจากปืนจะระเบิดเหนือแนวน้ำซึ่งยังไม่ทำให้เรือจม ภัยจากเรือตอร์ปิโดนี้ส่งผลให้เกิดเรือประเภทใหม่ขึ้นมา เพื่อไล่ล่าเรือตอร์ปิโดโดยเฉพาะค่ะ นั่นก็คือเรือพิฆาตเรือตอร์ปิโด (Torpedo Boat Destroyer) หรือเรียกย่อๆว่าเรือพิฆาต (Destroyer) เรือพิฆาตในยุคแรกทำหน้าที่ในการไล่ล่าเรือตอร์ปิโดตามชื่อเรียก แต่ด้วยความที่เรือพิฆาตเองก็มีลักษณะเช่นเดียวกับเรือตอร์ปิโด คือมีขนาดไม่ใหญ่มากและมีความเร็วสูง จึงมีแนวคิดในการใช้เรือพิฆาตในบทบาทของเรือตอร์ปิโดเสียเองด้วย โดยเรือพิฆาตติดตอร์ปิโดจะทำหน้าที่เป็นฉากหน้า (Screen) ของ Line of Battle เพื่อป้องกันเรือประจัญบานและเรือลาดตระเวนจากเรือตอร์ปิโดของฝ่ายข้าศึก และในขณะเดียวกันหากเรือพิฆาตพบเรือประจัญบานข้าศึกก็จะเข้าโจมตีด้วยตอร์ปิโดเสียเองด้วย
เรือพิฆาตสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ติดปืนและตอร์ปิโด ทำความเร็วได้สูงสุด 35 นอต
(ภาพจาก Naval History and Heritage Command)
การแบ่งประเภทเรือในปัจจุบัน เรือประจัญบานได้ถูกลดความสำคัญลงไป เพราะเนื่องจากปัจจุบันได้มีอาวุธที่มีระยะยิงที่ไกลกว่าและมีความแม่นยำมากกว่าปืนใหญ่เรือ เช่น เครื่องบินและอาวุธปล่อยนำวิถี เรือรบหลักตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่2 เป็นต้นมา จึงถูกแทนที่ด้วยเรือบรรทุกเครื่องบิน (Aircraft Carrier) ซึ่งมีอาวุธหลักคือเครื่องบินโจมตีและเครื่องบินขับไล่ ส่วนหน้าที่ของการป้องกันเรือบรรทุกเครื่องบินตกเป็นของเรือลาดตระเวนและเรือพิฆาต ซึ่งเน้นขีดความสามารถในการป้องกันภัยทางอากาศเป็นหลัก นอกจากนี้แล้ว ยังมีขีดความสามารถด้านอื่นด้วยค่ะ ได้แก่การรบผิวน้ำ การปราบเรือดำน้ำและการโจมตีฝั่ง ทำให้สามารถเป็นเรือรบเอนกประสงค์ที่ปฏิบัติการได้หลากหลายภารกิจ นอกจากนี้ การแบ่งแยกระหว่างเรือลาดตระเวนและเรือพิฆาตในปัจจุบันเริ่มจะเลือนลางลงไป เนื่องจากเรือพิฆาตสมัยใหม่มีขีดความสามารถที่สูงขึ้นและมีขนาดใหญ่ขึ้นมาก
ในส่วนของเรือฟริเกตและเรือคอร์เวตในปัจจุบัน ยังคงมีความหมายใกล้เคียงความหมายเดิม คือเป็นเรือรบขนาดเล็กลงมา ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เรือฟริเกตมีหน้าที่หลักในการคุ้มกันกระบวนเรือสินค้าและปราบเรือดำน้ำ แต่เรือฟริเกตสมัยใหม่ได้มีการเพิ่มขีดความสามารถด้านอื่นเข้ามา จนสามารถปฏิบัติการได้ทั้ง 3 มิติ คือการป้องกันภัยทางอาการ การปฏิบัติการรบผิวน้ำ และการปราบเรือดำน้ำ ส่วนเรือคอร์เวตในปัจจุบันหมายถึงเรือที่มีขนาดเล็กลงมาที่มีขีดความสามารถใกล้เคียงเรือฟริเกตและอาจมีความหมายรวมถึงเรือฟริเกตขนาดเล็กด้วย
ร.ล.สุโขทัย ขณะกำลังฝ่าคลื่นลม จัดเป็นประเภทเรือคอร์เวตชุด ร.ล.รัตนโกสินทร์ (ภาพโดย Nightingale)
ในส่วนของเรือเร็วโจมตี (Fast Attack Craft) เป็นเรือที่พัฒนามาจากแนวคิดเดียวกันกับเรือตอร์ปิในช่วงสงครามโลกนั้นเองค่ะ โดยเรือประเภทนี้เป็นเรือขนาดเล็กที่มีความเร็วสูง เน้นการติดตั้งอาวุธระยะไกล แบ่งออกได้เป็นประเภทย่อยตามอาวุธที่ติดตั้ง ได้แก่ เรือเร็วโจมตีปืน เรือเร็วโจมตีตอร์ปิโด และเรือเร็วโจมตีอาวุธปล่อยนำวิถี (อาจเรียกโดยรวมแค่เรือเร็วโจมตี) เรือประเภทนี้เป็นที่สนใจอย่างมากจากสงครามอาหรับ-อิสราเอลเมื่อปี ค.ศ.1973 ที่ฝ่ายอิสราเอลใช้เรือเร็วโจมตียิงอาวุธปล่อยนำวิถีที่อย่างได้ผลดีมาก แต่ในช่วงสงครามอ่าวเปอร์เซียเมื่อปี ค.ศ.1991 เรือเร็วโจมตีอาวุธปล่อยนำวิถีของอิรัคถูกโจมตีด้วยเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธปล่อยนำวิถีอย่างหนัก โดยที่ไม่สามารถตอบโต้ได้ จนทำให้เรือเร็วโจมตีสมัยใหม่มีการติดตั้งอาวุธป้องกันภัยทางอากาศเข้าไปด้วยค่ะ
เรือรบประเภทสุดท้ายเรือตรวจการณ์ (Patrol Boat) ซึ่งเป็นเรือปืนขนาดเล็ก มีหน้าที่ในการตรวจการณ์ในพื้นที่ใกล้ฝั่ง เรือประเภทนี้มีขีดความสามารถในการรบต่ำ เมื่อเทียบกับเรือประเภทอื่น แต่ก็มีค่าใช้จ่ายต่ำเช่นเดียวกันค่ะ จึงเหมาะกับภารกิจตรวจการณ์ในยามสงบ รวมทั้งทำหน้าที่ในการรักษากฎหมายในทะเล ในปัจจุบัน เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่สู้ดีนัก ทำให้มีการขยายขนาดเรือตรวจการณ์ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและมีความคงทนทะเลสามารถปฏิบัติการในพื้นที่ห่างฝั่งได้ ในสำหรับภารกิจตรวจการณ์ รักษากฎหมาย และคุ้มกันเรือสินค้า เรียกว่าเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง (Offshore Patrol Vessel หรือ OPV) ซึ่งเรือ OPV อาจมีขนาดใกล้เคียงเรือคอร์เวตหรือเรือฟริเกตขนาดเล็ก แต่มีขีดความสามารถในการรบที่ด้อยกว่า
นอกจากประเภทหลักๆของเรือรบดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ยังมีประเภทเรือที่มีขีดความสามารถเฉพาะทาง เช่น เรือยกพลขึ้นบก เรือล่าทำลายทุ่นระเบิด และเรือส่งกำลังบำรุง ซึ่งจะไม่กล่าวถึงในที่นี้ เนื่องจากมีรายละเอียดปลีกย่อยที่มากจนเกินไปค่ะ
สุดท้ายก่อนจะจบ ขอกล่าวถึงเรือประเภทใหม่ที่เพิ่งจะมีเมื่อไม่นานมานี้ และอาจสร้างความสับสนได้มากพอสมควร คือเรือ Littoral Combat Ship (LCS) ของสหรัฐอเมริกา และเรือ Helicopter Destroyer ของญี่ปุ่น โดยเรือ LCS น่าจะเทียบได้กับเรือฟริเกต แต่ถูกออกแบบมาให้สามารถเปลี่ยน Mission Module ได้ โดยมี Mission Module หลักได้แก่ Surface Warfare Module, Anti-Submarine Warfare Module และ Mine Countermeasure Module ซึ่งจะเป็นการเน้นขีดความสามารถหลักเฉพาะทางของเรือตาม Mission Module นั้น ดังนั้นจะเรียกเรือ LCS ว่าเป็นเรือฟริเกตเสียทีเดียวก็คงไม่ได้ เพราะมี Mine Countermeasure Module สำหรับภารกิจต่อต้านทุ่นระเบิดด้วยค่ะ
ส่วนล่าสุดที่เป็นข่าวฮือฮาก็คือเรือ Helicopter Destroyer ของญี่ปุ่น ซึ่งหน้าตาเหมือนเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์หรือเรือบรรทุกเครื่องบินขนาดเล็กทุกอย่าง แต่เป็นการเรียกชื่อว่าเป็นเรือพิฆาตเพื่อหลีกเลี่ยงคำว่าเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์หรือเรือบรรทุกเครื่องบิน เพื่อไม่ให้มองว่าเป็นอาวุธในเชิงรุกนั่นเองค่ะ
เจ้าของบริษัทขายกิจการ แจกโบนัสพนักงานคนละ 443,000 ดอลลาร์
นายกรัฐมนตรีกัมพูชา “ฮุน มาเนต” เรียกร้องให้สื่อมวลชนรายงานข่าวชายแดนกัมพูชา–ไทยอย่างถูกต้องตามจริยธรรมวิชาชีพ
เจาะสเปก กริเพน ทําไมกองทัพไทยถึงเลือกใช้
ศาลสั่งจำคุกตลอดชีวิต "จ้านฮ่าวหลี่" คดีฉ้อโกงพันล้านหยวน
เขมรเผย เราจะเป็นเพื่อนบ้านไทยอย่างถาวร
นรกแตกก่อนวันเซ็นสัญญา F16 ไทยบึ้มสะพาน คืนหมาหอน "ฮุนเซน" อกแตก แพ้หมดรูป จำยอมเซ็นสงบศึก
เกาหลีเหนือ..จับหญิงศัลย์ฯหน้าอก ลั่นไม่เป็นสังคมนิยม
พ่อแม่เปิดกล้องหัวใจแทบสลาย แม่บ้านแอบใส่ "เดทตอล" ในขวดนมให้ลูกน้อยกิน
เมื่อเกิดภาวะ รักเขาข้างเดียว
Avatar 3 ช่วยแบก MAJOR ไม่ไหว! กำไรดิ่งหนัก 30%
เผยประวัตินักธุรกิจอายุน้อยร้อยล้าน ผู้ต้องสงสัยฆ่าหนุ่มขับอัลติสบนทางด่วน พบมีหมายจับพยายามฆ่าด้วย
มาตรการ ‘มหาเถรสมาคม’ - ‘คพช.’ กู้คืนศรัทธาวงการสงฆ์: บทเรียนจากปีแห่งการล้างบาง
Avatar 3 ช่วยแบก MAJOR ไม่ไหว! กำไรดิ่งหนัก 30%
แนะนำ! เว็บไซต์ ai สามารถวาดรูป [l8+](สร้างฟรี) ผู้ใหญ่เท่านั้น
เขมรเผย เราจะเป็นเพื่อนบ้านไทยอย่างถาวร
เผยประวัตินักธุรกิจอายุน้อยร้อยล้าน ผู้ต้องสงสัยฆ่าหนุ่มขับอัลติสบนทางด่วน พบมีหมายจับพยายามฆ่าด้วย





