ทำไมต้องไว้เครา
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้กรุณาปราณีผู้ทรงเมตาเสมอ
ทำไมต้องไว้เครา?
เรียบเรียงและนำเสนอ โดย อัล-เฆาะรีบ
เราตามซุนนะฮฺของท่านนบีจริงหรือ..?..
คำถามนี้คือคำถามของมุสลิมอย่างเราๆต้องไตร่ตรองทบทวนอย่างถี่ถ้วนว่าจะให้คำตอบของคำถามนั้นออกมาอย่างไร และคำตอบที่ได้มานั้นคงจะไม่ใช่ถ้อยคำหรือว่าประโยคที่สวยหรูเพื่อให้ดูดี แต่ทว่าจริงๆแล้วคำตอบนั้นอยู่ที่ความจริงของการดำเนินชีวิตของเราต่างหาก ซึ่งท้ายสุดแล้วเราก็รู้อยู่แก่ใจว่าเราปฏิบัติตนตามซุนนะฮฺของท่านนบี
มากน้อย จริงแท้แค่ไหน...
คำว่า”ซุนนะฮฺนบี
”ในความกรอบคิดของพี่น้องบางท่านก็เป็นเพียงแค่การที่เราไม่จัดงานเมาลิดนบี การที่เราไม่อ่านกุรอานที่กุบูร ฯลฯ สรุปง่ายๆก็คือพี่น้องบางท่านคิดแค่ว่าการที่เราไม่ทำบิดอะฮฺซึ่งถือว่าเป็นการเพียงพอแล้วที่เราจะได้ชื่อว่าเป็นซุนนีย์.... แต่จะมีสักกี่คนกันเล่าที่มองว่า”ซุนนะฮฺของท่านนบี
”นั้น ไม่ใช่แค่การที่เราไม่ทำบิดอะฮฺอย่างเดียว แต่ทว่า.. ซุนนะฮฺของท่านนบี
นั้น เป็นระบอบของการดำเนินชีวิตจริงๆ ไม่ว่าจะหลักการศรัทธา หลักการปฏิบัติ หรือหลักการดำเนินชีวิตในสังคม..
การไว้เครา ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งจากซุนนะฮฺของท่านนบี
ที่ท่านได้ทำไว้เป็นรูปแบบและกำชับเราเอาไว้ อยากที่จะนำเสนอให้เราได้รับรู้ถึงความสำคัญของการไว้เคราและผลที่ได้รับของผู้ที่ปฏิบัติตามและผู้ที่ละทิ้ง และอยากที่จะให้พี่น้องได้มองเห็นซึ่งความสำคัญของซุนนะฮฺของท่านนบี
ทุกอย่างไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นเรื่องการไว้เคราหรือว่าเรื่องการต่อต้านการทำเมาลิดนบี ฯลฯ เพราะจริงๆแล้วผู้ที่อ้างตนว่าเป็นผู้ปฏิบัติตามและรักษาไว้ซึ่งซุนนะฮฺของท่านนบี
เขาจะขะมักเขม้นในการปฏิบัติตามแบบอย่างซุนนะฮฺของท่านนบี
อันบริสุทธิ์ โดยเขานั้นจะไม่คำนึงเลือกเอาเฉพาะที่เขาถูกใจ หรือโดนใจเท่านั้น....
การไว้เคราถือว่าเป็นการน้อมรับคำสั่งของอัลลอฮฺ
“ไม่เป็นการสมควรสำหรับผู้ศรัทธาชายและไม่เป็นการสมควรสำหรับผู้ศรัทธาหญิง ในการที่อัลลอฮฺและศาสนทูตของพระองค์ได้ทรงกำหนดสิ่งหนึ่งสิ่งใดขึ้นมาแล้วเขานั้นจะเลือกกระทำ(ตามอำเภอใจ)” (อัล-อะฮฺซาบ 36)
และอีกโองการหนึ่ง อัลลอฮฺ
ได้ทรงตรัสไว้ว่า
“ดังนั้น จงระวังไว้ให้ดีเถิด บรรดาผู้ที่พวกเขาฝ่าฝืนจากคำสั่งของเขา(มุฮัมมัด)แล้วไซร้ ความฉิบหายจะเกิดขึ้นแก่พวกเขา หรือว่าการลงโทษอันเจ็บปวดรวดร้าวจะเกิดขึ้นแก่พวกเขาเช่นเดียวกัน” (อัล-นูร 63)
และส่วนหนึ่งจากสิ่งที่ท่านนบีมุฮัมมัด
ได้สั่งใช้เรานั่นก็คือ การขลิบหนวด และไว้เครา
ดังที่ได้มีรายงานมาจากท่าน อิบนุ อุมัร
ว่า
“ท่านรอซูล
ได้สั่งใช้ให้เรานั้นขลิบหนวด และไว้เครา” (บันทึกโดย มุสลิม)
และอีกสำนวนหนึ่ง จากท่าน อบูฮุรอยเราะฮฺ
ได้กล่าวว่า
“สูเจ้าทั้งหลายจงขลิบหนวด(ไม่ใช่โกน) และสูเจ้าทั้งหลายจงไว้เครา และจงทำให้มันแตกต่างจากพวกบูชาไฟ” (บันทึกโดย มุสลิม)
ครั้นเมื่อท่านนบี
ได้เห็นสองผู้แทนจากอาณาจักรเปอร์เซียที่เขาทั้งสองนั้นได้โกนเคราจนเกลี้ยงแล้วไว้แต่หนวดเพียงอย่างเดียว ท่านนบี
รู้สึกรังเกียจในการที่จะหันไปมองเขาทั้งสอง ท่านนบี
ได้กล่าวแก่พวกเขาทั้งสองคนนั้นว่า“ความวิบัติจะประสบยังเจ้าทั้งสอง อันเนื่องมาจากเจ้าทั้งสองได้กระทำสิ่งดังกล่าว(โกนเคราและไว้หนวด)”
ผู้แทนทั้งสองได้กล่าวแก่ท่านนบี
ว่า “พระผู้อภิบาลของเราได้ทรงสั่งใช้เราให้กระทำเช่นนี้ (หมายถึง กษัตริย์แห่งเปอร์เซีย(กิสรอ)"
ท่านนบี
ได้ตอบกลับไปว่า “หามิได้ แต่ทว่าพระผู้ทรงอภิบาลของข้านั้น พระองค์ได้ทรงสั่งให้ข้าไว้เครา และขลิบหนวด”
ซึ่งลักษณะสำนวนคำสั่งใช้ในเรื่องการไว้เครานั้น แสดงให้เห็นว่า การไว้เคราและขลิบหนวดนั้นถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวดและจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปฏิบัติตาม เมื่อใครก็ตามที่ได้กระทำตาม เขาก็จะได้รับผลบุญตอบแทน แต่ถ้าในทางกลับกัน หากเขาไม่สนใจและได้ละทิ้งคำสั่งใช้ในเรื่องนี้แล้วละก็ เขาก็จะมีความผิด...
การโกนเครานั้นถือว่าเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนหลักการศาสนา
“และมันผู้ใดใครก็ตามที่ฝ่าฝืนอัลลอฮฺและศาสนทูตของพระองค์ แน่นอนเขานั้นได้หลงทางอย่างชัดเจน” (อัล-อะฮฺซาบ 36)
และในอีกโองการหนึ่ง อัลลอฮฺได้ทรงตรัสในลักษณะตำหนิอย่างรุนแรงว่า
“และผู้ใดใครก็ตามที่ฝ่าฝืนอัลลอฮฺและศาสนทูตของพระองค์ แท้จริงแล้วเขานั้นจะได้อยู่ในไฟนรกญะฮันนัม อย่างตลอดกาล” (อัล-ญิน 23)
การที่ท่านนบี
ได้สั่งใช้ให้เราขลิบหนวดและเลี้ยงเคราไว้นั้น ถือว่าเป็นการปฏิบัติและรักษาไว้ซึ่งหลักการของศาสนา ส่วนการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งใช้นั้น ก็ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนหลักการของศาสนา และท่านนบี
ก็ได้กำชับให้เราทั้งหลายตระหนักอยู่เสมอว่าอย่าทำสิ่งที่ฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮฺ
และรอซูล และก็เน้นย้ำให้เรานั้นออกห่างในสิ่งที่อัลลอฮฺ
และรอซูลห้าม..
ดังโองการที่ว่า
“และสิ่งใดก็ตามแต่ที่ศาสนทูตได้นำมาให้แก่สูเจ้าทั้งหลาย ดั้งนั้น สูเจ้าทั้งหลายก็จงยึดถือไว้ และสิ่งใดก็ตามที่เขาได้ห้ามดังนั้นสูเจ้าทั้งหลาย ก็จงยุติมันเสีย” (อัล-ฮัชรฺ 7)
“สิ่งใดก็ตามที่ฉันนั้นได้ห้ามสูเจ้าทั้งหลายไว้ ก็จงหันห่างออกจากมันเสียเถิด”
(มุตตะฟะกุน อะลัยฮิ)
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชง
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
เปิดการบ้านภาษาไทย เรียงอักษรให้เป็นคำ แบบนี้ยากไปไหม
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
ปิดฉาก! มหากาฬฯ โบนัสพนักงาน “ไดกิ้น” คือ Get out
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
เพื่อนสนิทเปิดใจหลังเกิดเหตุ! เผย 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา' หลับไม่ตื่น-ไม่ขอตอบปมทะเลาะในวงเหล้า ขณะผลชันสูตรชี้ชัดพบ "ไซยาไนด์"
นานา ไรบีนา ตำรวจสอบเครียดมาราธอน 10 ชม.
“ศุภจี” เฮ! ARASCO ซาอุฯ สั่งซื้อมันสำปะหลังอัดเม็ดเพิ่ม 3 หมื่นตัน ปีหน้าลุ้นพุ่งแตะ 1 แสนตัน
ตุ๋นลงทุนทิพย์: ไว้ใจ เชื่อใจ หรือเกรงใจ… สุดท้ายใครคือเหยื่อ?