11 ลักษณะนักวิจารณ์หนังที่ผมรู้สึกว่า..ไร้ค่าเกินกว่าจะรับฟังได้
วันนี้อยากพูดถึง พวกนักวิจารณ์ที่อยู่ดีๆก็สถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็น นักวิจารณ์มืออาชีพครับ พวกเค้าทั้งคู่เป็นคนที่ผมบังเอิญได้เป็นเพื่อนในFacebook ครับ คนนึงเป็นพวกแฟนคลับเดนตายของค่ายหนังค่ายนึง (ต่อไปผมขอเรียกเค้าว่าคุณติ่ง) ส่วนอีกคนเป็นกะเทยแก่ที่เกลียดหนังเกย์กะเทยเป็นชิวิตจิตใจ (ต่อไปผมขอเรียกเค้าว่าคุณดอก) ทั้งสองคนนี้เป็นนักวิจารณ์ที่สถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นมืออาชีพ ทั้งคู่เป็นแอดมินเพจวิจารณ์หนังที่มีคนกด Like คุณติ่งหลักหมื่น ส่วนคุณดอกหลักเกือบหมื่น ครับ
เหตุการณ์ที่ 1 ไม่ให้บัตรฟรี ไม่เชิญกูไปดูรอบสื่อ ...คอยดู!!!!!
เหตูการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ของคุณติ่ง เนื่องจากมีค่ายหนังค่ายนึงไม่ยอมเชิญคุณติ่งไปดูหนังรอบสื่อไม่ยอมประเคนบัตรฟรีมาให้ คุณติ่งจึงด่าหนังเรื่องนี้ลงFBส่วนตัวแบบไม่ได้ผุดได้เกิด ทั้งที่คุณติ่งไม่ได้ถูกเชิญให้ไปดูด้วยซ้ำ แล้วคุณติ่งรู้เนื้อเรื่องได้ยังไง? ไม่พอถ้าหากใครถามถึงหนังเรื่องนี้ในเพจของตัวเอง คุณติ่งจะพูดแบบประชดประชันและพูดเป็นเชิงว่าหนังห่วยมาก(ทั้งที่ยังไม่ได้ดู)แล้วก็สะบัดตูดหนีไปโดยไม่ไยดี ซึ่งถามว่าคุณติ่งไม่อยากวิจารณ์หนังเรื่องนี้ ผิดมั๊ย? ไม่ผิด คุณติ่งเลือกได้ที่จะไม่พูดถึง แต่สิ่งที่แย่คือ คุณติ่งวิจารณ์โดยไม่ได้ดูหนังเรื่องนั้น และแน่นอนมีคนแชร์บทความของเค้าออกไป ทั้งในFBและ ทวิสเตอร์
เหตุการณ์ที่ 2 หนังค่ายกู กูเป็นแฟนคลับ ใครอย่าแตะ
คุณติ่งเป็นแฟนคลับค่ายหนังค่ายนึง เมื่อไหร่ก็ตามที่ค่ายนั้นทำหนังใหม่ออกมาคุณติ่งจะเริ่มอวยตั้งแต่ตัวนักแสดงจนถึงโปสเตอร์หนัง แต่!!! เมื่อหนังของค่ายคุณติ่งถูกวิจารณ์ในแง่ไม่ดีเมื่อไหร่ก็ตามคุณติ่งจะมีคำพูดประจำตัวเอาไว้จิกกัดผู้คนในเพจของตัวเองและในFB ส่วนตัวคือ "สงสัยคนไทยจะไม่เคยดูหนังแบบนี้ ไม่ชินกับตอนจบแบบนี้ เมืองนอกเค้าทำแบบนี้มาตั้งนานแล้ว" แต่แล้ววันนึงคุณติ่งก็โดนแฟนคลับโต้กลับด้วยคำถามที่ว่า ช่วยแนะนำหนังที่คุณติ่งบอกว่า มีตอนจบอย่างที่ว่ามาหน่อยได้มั๊ยครับ/ค่ะ? คุณติ่งตอบไม่ได้และลบสเตตัสที่เชียร์หนังเรื่องดังกล่าวทิ้งอย่างเร็ว และๆๆเมื่อหนังค่ายที่คุณติ่งรัก ทำรายได้ไม่ค่อยดี คุณติ่งจะเริ่มปฏิบัติการณ์ เมคข้อมูล เช่น หนังเรื่องนี้ทำเงินถึง100ล้านแล้วจ้า(ทั้งที่ยังไม่ถึง มุกนี้คุณติ่งเล่นบ่อยมาก) วีรกรรมการเชียร์หนังค่ายที่คุณติ่งรักมีเยอะมากกกเชียร์ไม่ลืมหูลืมตา ซึ่งถึงคุณติ่งจะอยากติหนังค่ายนี้ก็คงทำได้ไม่เต็มปากเพราะ เพื่อนในเฟสส่วนตัวและเพจวิจารณ์ของคุณติ่งมีทีมงานของค่ายหนังเรื่องนี้เยอะแยะมากมายไล่ตั้งแต่คนเขียนบทถึงผู้กำกับ ลองวิจารณ์เสียๆหายแบบตรงไปตรงมาสิจ๊ะ ทีมงานเค้าจะได้ไม่เชิญไปดูรอบสื่อ สิ่งที่คุณติ่งทำได้จึงเป็นการเลียแข้งเลียขาเพื่อแลกบัตรฟรีแลกความสนิทสนมกับทางค่ายหนังเพื่อตีสนิทนักแสดงของทางค่ายซึ่งคุณติ่งมักเอามาอวดอ้างเสมอว่า ชั้นรู้จักสนิทสนมกับดารานะจ๊ะ เรียกว่าถ้าลูกเพจอยากได้คำวิจารณ์ด้วยความเป็นกลางจริงๆของหนังค่ายนี้จากเพจคุณติ่ง......ไม่มีทางหาได้
เหตุการณ์ที่3 เจ๊เกลียดหนังค่ายนี้
เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องของเจ๊ดอก เจ๊ดอกเป็นเพื่อนกับคุณติ่ง เข้าสู่วงการวิจารณ์ภาพยนตร์ด้วยการสถาปนาตัวเองเป็นมืออาชีพเหมือนกัน สร้างเพจวิจารณ์หนังเหมือนกัน คุณดอกเกลียดหนังค่ายนึงมากกกกก(ค่ายที่คุณติ่งชอบนั่นแหล่ะ) คุณดอกจะทำทุกอย่างต่างจากคุณติ่ง คุณติ่งชมหนังค่ายนี้ทุกอย่าง แต่คุณดอกด่าแหลกรานทุกสิ่ง ด้วยอารมณ์ส่วนตัวล้วนๆ คุณดอกจะดิสเครดิตหนังค่ายนี้ทุกทางเท่าที่จะทำได้ หนังแย่10%คุณดอกจะด่าให้80% ยังไม่สาแกใจคุณดอกจะลามไปด่าชิวิตของนักแสดงลงเพจส่วนตัวด้วย ด่าผู้กำกับ ด่าเหมารวมทั้งค่าย ด่าๆๆๆเหมือนโกรธเกลียดกันมาแต่ชาติปางก่อน หนักสุดคือคุณดอกอ้างว่าตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญในวิชาชีพแขนงนึงเพื่อให้ลูกเพจเชื่อในคำพูดในตัวคุณดอกในสิ่งที่คุณดอกวิจารณ์หนังออกไป..... แต่จริงๆคุณดอกไม่ได้ประกอบอาชีพนั้นจริงๆ เพราะคุณดอกเป็นเพียง กะเทยมีอายุปากร้ายเท่านั้น
แต่เจ๊ก็ฉลาดนะ ด่าแบบผู้ดีเนียนจิกเค้าไปเรื่อยๆ เค้าจะสวนกลับก็คงทำได้ไม่เต็มปาก หรือว่า... ทุกคนเค้าไม่เห็นหัวเจ๊ดอกแต่แรกอยู่แล้ว 555
เหตุการณ์ที่ 4 เจ๊เกลียดหนังตุ๊ด
เจ๊ดอกเป็นกะเทยที่เกลียดหนังกะเทยมากกกกกกกกกก หนังจะดีแค่ใหนเจ๊ก็เกลียด เรื่องนี้บอกไม่ถูกจริงๆว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น เจ๊จะติหนังทุกเรื่องที่เจ๊เห็นว่ามีเรื่องราวของเกย์กะเทย ล่าสุดเจ๊ดอกสามารถวิจารณ์หนังเกย์เรื่องนึงได้ทั้งเรื่อง ทั้งที่หนังเรื่องนั้นยังไม่ได้ฉายรอบสื่อด้วยซ้ำ เจ๊ดอกวิจารณ์ได้ยังไง? วิจารณ์จากตัวอย่างหนัง 4 นาทีกว่าๆจ้า.... เจ๊ดอกด่าไม่มีชิ้นดี หยิบนั่นโยงนี่มาด่ามั่วไปหมดทั้ง หนังจะเป็นตัวอย่างไม่ดี หนังจะสร้างค่านิยมผิดๆ หนังจะทำให้เด็กหลงผิด น่าสงสารผู้กำกับหนังเรื่องนั้นมากๆโดนกะเทยแก่ลอบกัดดิสเครดิตหนังไปซะแล้วเพราะอคติส่วนตัว แต่ที่ตลกกว่านั้นคือเจ๊ดอกแอ๊บแมนในเพจวิจารณ์หนังของตัวเองจ้า เจ๊ชอบสร้างภาพเป็นชายแท้ไม่ชอบตุ๊ดรังเกียจหนังเกย์จ๊ะ ว้ายยยยยยย
เรื่องที่ 5 จ่ายมาสิจ๊ะ ชั้นจะอวย
กลับมาที่เรื่องของคุณติ่ง คุณติ่งเป็นนักวิจารณ์ที่เหมือนจิ้กจก เหมือนนกสองหัว ขอแค่จ่ายคุณติ่งคุณติ่งจะอวยหนังให้สาแก่ใจกันเลยทีเดียว คุณติ่งมักรับเงิน ไม่ก็รับจ้างอวยหนังโดยแลกกับการถูกเชิญไปดูหนังรอบสื่อ บางทีคุณติ่งก็มีกิจกรรมให้ลูกเพจเล่นเกมส์ โดยเกมส์พวกนั้นก็จะแฝงด้วยการโปรโมตหนังเรื่องนั้นๆไปด้วยและหนังเรื่องนั้นคุณติ่งก็จะอวยรัวๆๆๆๆๆให้สาแก่ใจเลยจ้า แต่หนังเรื่องใหนที่คุณติ่งไม่ชอบผู้กำกับหรือคุณติ่งไม่สนใจอยากดูอย่าได้มาจ้างคุณติ่งอวยนะจ๊ะ คุณติ่งจะแฉจ้าาา ล่าสุดคุณติ่งแฉผู้กำกับท่านนึงที่มาจ้างให้คุณติ่งอวยหนังเพื่อแลกกับบางอย่าง คุณติ่งเอาข้อความจากในกล่องข้อความที่ผู้กำกับท่านนั้นส่งข้อความมาหาในFBส่วนตัวว่าให้ช่วยอวยหนังเค้าหน่อยมาโพสหราให้คนอ่านและแชร์เต็มที่ แถมท้ายด้วยการที่คุณติ่งบอกว่า ผมไม่เคยรับจ้างอวยหนังครับ เรื่องใหนดีผมก็ว่าดี อย่ามาทำแบบนี้ผมไม่ชอบและรู้สึกไม่ดีเลย........... ว้ายคุณติ่งช่างกล้าพูด สาบานสิฮะว่าคุณติ่งไม่ได้สะตอ
จากเหตุการณ์นี้ทำให้ผมรู้ว่า ผู้กำกับบางคนใช้วิธีนี้สินะในการโปรโมตหนังตัวเอง แทนที่จะพัฒนางานแต่ดันใช้ทางลัดด้วยซ้ำ ส่วนพวกวิจารณ์หนังบางคนก็อวยหนังเค้าไม่ลืมหูลืมตาเพื่อแลกกับตั๋วหนังฟรีและการถูกเชิญไปดูรอบสื่อ
เรื่องที่ 6 เจ๊บอกว่าดีก็ดี!!!
กลับมาที่เจ๊ดอก เจ๊ดอกเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองสูงมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก สูงยิ่งกว่ายอดเขาเอเวอเรสต์ เจ๊มักพูดว่าเจ๊ดูหนังเป็นเจ๊เป็นวงใน เจ๊รุ้จักผู้กำกับคนนั้นคนนี้ หากหนังเรื่องใหนเจ๊บอกว่าดีลูกเพจก็ต้องว่าตามเจ๊ดอกนะจ๊ะ ใครมาเถียงเจ๊เจ๊แบนเจ๊บล๊อกออกจากเพจนะจ๊ะ และเจ๊ดอกไม่วิจารณ์หนังทุกเรื่องนะจ๊ะ เจ๊จะวิจาร์ณเฉพาะหนังที่เจ๊ชอบกับด่าหนังค่ายที่เจ๊เกลียดเท่านั้นจ๊ะ เจ๊ดอกจะเหวี่ยงมากกกกกเวลาที่หนังที่ตัวเองชอบทำรายได้ไม่ดี เจ๊จะทั้งโพสสเตตัสถามลูกเพจว่าทำไมไม่ไปดูเห็นมั๊ยรายได้น้อยเลยเนี่ย(เจ๊ไปยุ่งไรกะเค้า) บางทีเจ๊ก็จะไปเหวี่ยงตามเว็บบอร์ดต่างๆว่าทำไมๆๆๆหนังเรื่องนนี้รายได้ไม่ดีว่ะ เจ๊ชอบหนังเรื่องนี้นะทำไมรายได้ไม่ดีอธิบายมาซิ คนที่ไม่ดูหนังเรื่องนี้ที่เจ๊คือพวกดูหนังไม่เป็น มันไม่ใช่ๆๆๆ เจ๊ไม่ยอมมม เจ๊บอกไรต้องเชื่อเจ๊สิย่ะ!!!!!
เรื่องที่ 7 อืมม วิจารณ์ยังไงดีน้า?.... ลอกดีกว่า
คุณติ่งเป็นนักวิจารณ์จอมลอกครับ คุณติ่งจะต้องอ่านบทวิจารณ์ของคนอื่นก่อนแทบจะทุกครั้งถึงจะเขียนวิจารณ์ ลอกทั้งเพจคนอื่น ลอกทั้งเพจเมืองนอก เว็บวิจารณ์หนังเมืองนอกที่ดังๆ คุณติ่งยิ่งชอบจ๊ะ เค้าพูดยังไงคุณติ่งพูดตามทุกอย่าง อวยตรงใหนชั้นอวยด้วย ด่าตรงใหนชั้นด่าด้วย แทบไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง แต่เรื่องมาโป๊ะแตกตรงที่วันนึงคุณติ่งดันไปลอกบทวิจารณ์หนังมาจากเว็บชื่อดังครับ คือยั่งงี้หนังเรื่องนั้นเป็นหนังรีเมคครับ แต่คุณติ่งดันไปเอาบทความวิจารณ์หนังเวอร์ชั่นเดิมที่สร้างตั้งแต่ช่วงปี90มาแปล ซึ่งเนื้อหาและเนื้อเรื่องมันแทบคนละอย่างกับหนังเวอร์ชั่นปัจจุบันเลยย คุณติ่งหน้าแตกรีบลบอย่างไวจ๊ะ อูว์ แต่ถามว่าคุณติ่งเลิกนิสัยลอกคำวิจารณ์จากเว็บเมืองนอกมั๊ย? ไม่เลยครับ ยังลอกเหมือนเดิมแทบทุกเรื่องด้วย ผมว่ามันคงทำให้คุณติ่งมั่นใจว่าคุณติ่งวิจารณ์ถูกต้องมั้งเลยทำแบบนี้ เพราะอย่างน้อยก็อ้างได้ว่าเมืองนอกยังคิดเหมือนเค้าเลย
เรื่องที่ 8 เจ๊ดอกเดินทางข้ามเวลาสู่อนาคต !!!!
เรื่องชวนฮาของเจ๊ดอก เจ๊ดอกวิจารณ์หนังเรื่องนึงว่าเรื่องนี้ไม่เท่าไหร่เลยไม่สนุก ดูแล้วชวนง่วงมากแทบเดินออกจากโรง แต่ก็พยายามดูจนจบจะได้เอามาวิจารณ์ได้ แต่สุดท้ายหนังห่วยมากไม่ขอวิจารณ์ดีกว่า แต่เจ๊ดอกคงลืมไปว่าหนังเรื่องนั้นยังไม่เข้าฉายในไทย ที่ฉายไปก่อนคือทางฝั่งอเมริกาเท่านั้น แต่เรื่องนี้กระแสในไทยแรงมาก แจ๊ดอกเลยรีบมาวิจารณ์ก่อนนักวิจารณ์ทุกคนในเมืองไทย จากสเตตัสนั้นเจ๊ดอกโดนลูกเพจถามว่าหนังเข้าแล้วเหรอครับ/ค่ะ ผมไม่รุ้ว่าเหตุการณ์ต่อจากนั้นเป็นยังไงเพราะผมออกไปข้างนอกกับเพื่อนแล้วไม่ได้ติดตามครับ เข้าไปดูในเพจเจ๊ดอกอีกทีสเตตัสนั้นโดนลบไปแล้ว เซ็งเลยยย55555555555555555555555555 เจ๊ดอกข้ามเวลา
เรื่องที่ 9 ก็หนังเก่าเค้าทำไว้ดีนี่นา
คุณติ่งรักหนังค่ายนึงเป็นอย่างมากเป็นแฟนคลับเดนตาย มีครั้งนึงที่หนังค่ายนั้นดันปล่อยหนังห่วยๆออกมา คนด่าแทบไม่มีชิ้นดี คุณติ่งอดรนทนไม่ไหวโพสในเพจตัวเองโดยพลัน หนังเรื่องอื่นของค่ายนี้ดีมากนะ ถ้าเอาหนังเก่าๆมาหักลบกลับหนี้กับเรื่องนี้ก็ถือว่าหนังเรื่องนี้โอเคแล้วนิ่ จากนั้นคุณติ่งกก็จะโพสคำในนี้ในเพจตัวเองบ่อยมากกเพื่อจูงใจลูกเพจให้ไปดูหนังแทนที่จะวิจารณ์อย่างถูกต้องตามเนื้อหนังจริง
เรื่องนี้ผมงงคุณติ่งมาก สรุปคือคุณติ่งจะบอกว่าหนังค่ายนี้ดีหมด ถึงบางเรื่องจะห่วยมากก็ต้องบอกว่าดีเพราะเรื่องก่อนๆของค่ายนี้เค้าทำไว้ดี คือตรรกะอะไรว่ะครับ แบบนี้ค่ายนี้ก็ไม่มีหนังห่วยเลยสิ หรือนี่คือตรรกะ "ก็ถือว่าเจ๊ากันแล้วกัน"
เรื่องที่ 10 เจ๊ดอก Copy แล้ว Paste
เรื่องขำขันของเจ๊ดอก เจ๊ดอกแกชอบมโนครับ มีครั้งนึงแกเอาบทความเกี่ยวกับการคัดเลือกนักแสดงในหนังฝรั่งเรื่องนึงว่าเค้าพิถีพิถันขนาดใหนไปลงในเพจของแก แล้วไม่มีคนกดLikeไม่มีคนคุยกับเจ๊เลยครับ เจ๊แกก็โกรธสิ เจ๊แกก็ด่าเลยประมาณว่า เรื่องมีสาระไม่อ่านกันรึไงว่ะ ถึงว่าคนไทยอ่านหนังสือไม่ถึง7 บรรทัด คนอุตส่านั่งพิมพ์ตั้งนานไม่ยอมกดlike ไม่ยอมมาเม๊ามอยกัน(แต่พูดแบบสุภาพกว่าที่ผมพิมพ์นะประมาญว่าด่าแบบผู้ดีน่ะครับ) อ้าวววว เจ๊เหวี่ยงใส่ลูกเพจแบบนี่ก็โดนเค้าสวนกลับสิครับ โดยเจ๊โดนลูกเพจคนนึงถามว่า คุณพิมพ์เองเหรอค่ะ เจ๊ดอกเงียบ.... จากนั้นก็มีคนมาถามอีก2-3คนว่า คุณพิมพ์เองเหรอครับ เจ๊ดอกเงียบ.... สุดท้ายมีคนพิมพ์สวนกลับไปว่า ผมเคยอ่านเรื่องนี้แล้วในเว็บอื่น คุณไป Copy บทความเค้ามาไม่ใช่เหรอ เจ๊ดอกเงียบ.... แล้วสเตตัสนั้นก็อันตธานหายไป
เรื่องที่ 11 เกลียดผู้กำกับโว้ยยยย จะด่า
เรื่องนี้คุณติ่งกับคุณดอกเป็นเหมือนกันคือการมีอคติกับผู้กำกับท่านนึงมากๆ โดยเรื่องที่จะเล่าให้ฟังมาจากเหตุการณ์นึงที่คุณติ่งด่าๆๆๆๆๆๆๆๆหนังของผู้กำกับท่านนึงทั้งที่หนังเค้ายังไม่เริ่มถ่ายทำด้วยซ้ำ แถมหนังภาคก่อนๆของผู้กำกับท่านนี้คุณติ่งก็ประกาศตัวเองว่าไม่ดู เป็นหนังขยะ ไม่ชอบเสียเงินเสียเวลาที่จะดู สุดท้ายผู้กำกับคนนั้นเข้ามาคุยกับคุณติ่งในFBส่วนตัวเลยครับ ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าถ้าคุณติ่งเกลียดผู้กำกับท่านนั้นมากแต่ทำไมดันรับเป็นเพื่อนในFBส่วนตัว แล้วดันมาด่าหนังเค้าด้วยไม่กลัวเค้าเห็นเหรอ? ตอนที่เห็นผมก็งงมากๆนะ แต่ไม่กล้าถามเพราะไม่ได้สนิทกันมาก ซึ่งคุณติ่งก็โดนผู้กำกับคนนี้จัดไปหลายดอกทั้งในสเตตัสนั้นและในกล่องข้อความส่วนตัว จากนั้นเกิดอะไรขึ้นรู้มั๊ยครับ คุณติ่งอวยหนังผู้กำกับท่านนั้นแทบตายเลยครับทั้งในFBส่วนตัวและเพจตัวเอง เรียกว่าเชียร์จนคนเค้างงกันอ่ะ สงสัยจะโดนผู้กำกับท่านนั้นขู่ล่ะมั้งนะ ไม่ก็โดนจ้างไปแล้ว
****
ก็ประมาณนี้แหล่ะครับ เรื่องที่ผมประสบพบเจอมากับนักวิจารณ์หนังทั้งสองคน ถือว่าเป็นการแชร์ประสบการณ์แล้วกันครับ ต่อไปเราจะเลือกเชื่ออะไรจากเพจนักวิจารณ์ก็ต้องตัดสินใจเอาเองดีๆ แล้วล่ะ ไม่ก็ต้องเลือกนักวิจารณ์ที่เป็นกลางจริงๆ ผมไม่ได้จะบอกว่านักวิจารณ์ทุกคนไม่ดีนะครับที่เล่าให้ฟังเป็นแค่ส่วนน้อยครับแค่ 2 คนเท่านั้น
แต่สำหรับผมนะผมคิดว่าทางที่ดีที่สุดคือไปดูหนังด้วยตัวเองครับ อย่าไปเอาคำพูดนักวิจารณ์เป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจใช้ตัวเองนี่แหล่ะตัดสินใจ ผมชอบไปดูหนังก่อนจะอ่านบทวิจารณ์ครับ มันทำให้เราไม่เกิดอคติหรือคาดหวังอะไรไปก่อน มันได้ลุ้นดีครับ
แล้วมีใครเจอประสบการณ์กับนักวิจารณ์แบบนี้บ้างครับ เอามาเม๊าเอามาคุยกันบ้างนะครับ5555