ตำราชีวิตของแม่ลูกผู้เพาะถั่วงอกปลอดสารพิษ
นับตั้งแต่จำความได้ ทุกคืน จู้ไม่เคยได้นอนเต็มอิ่ม เธอต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 มารดน้ำให้ต้นถั่วงอกทุกๆ 2 ชั่วโมงตามคำบอกของแม่ เพื่อให้ได้ถั่วงอกอวบอ้วนน่ารับประทาน ถ้าเป็นวันศุกร์ ต้องตื่นตั้งแต่ห้าทุ่ม เพื่อล้างถั่วงอกที่จะต้องส่งขายตอนตีสี่ หลังจากนั้นจะไปช่วยแม่กรีดยางต่อ แต่ถ้าเป็นคืนวันเสาร์หลังล้างถั่วงอกเสร็จจะไปขายผักที่ตลาดกับแม่จนกระทั่งบ่ายถึงจะได้กลับบ้าน จู้ได้นอนเพียงคืนละ 2-4 ชั่วโมงเท่านั้น เพราะจะต้องทำการบ้านและทบทวนบทเรียนด้วย
แม้จะเหนื่อยเพียงใด ทุกครั้งที่ได้เห็นถั่วงอกปลอดสารพิษของครอบครัวอยู่บนแผงในตลาดเช้า อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ เธอก็ยินดีและภาคภูมิใจ ที่น้ำพักน้ำแรงของเธอและแม่ สามารถช่วยเหลือจุนเจือครอบครัว และส่งเสียให้ตัวเธอได้ไปเรียนหนังสือเหมือนเด็กคนอื่นๆ
การเป็นคนสู้ชีวิตและไม่จำนนต่อความลำบาก ทำให้เธอได้รับทุนการศึกษาจากโครงการสานรัก และรายการสานรัก คนเก่งหัวใจแกร่ง
จู้มีใจรักในการเรียนเสมอมา ชอบที่จะคิด ชอบทดลอง และลองทำในสิ่งต่างๆ อย่างไม่ย่อท้อ จากคำพูด “ลองดู” ที่เธอได้ยินจากแม่เสมอๆ จึงเป็นแรงบันดาลใจให้ จู้ เลือกเรียนสายวิทยาศาสตร์ และทำคะแนนได้อย่างโดดเด่น โครงการสานรักเห็นถึงความตั้งใจของจู้ จึงมอบทุนให้เธอต่อยอดความฝันจนถึงระดับปริญญาตรี ทำให้ในวันนี้จากเกษตรกรน้อยในที่ดินผืนเล็ก เธอเติบโตขึ้นเป็นนักวิทยาศาสตร์อย่างเต็มภาคภูมิ
ปีพ.ศ.2550 จู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี (เกียรตินิยมอันดับ 1) จากภาควิชาเทคโนโลยีชีวภาพโมเลกุลและชีวสารสนเทศ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ปีพ.ศ.2554 ได้ทุนเรียนต่อหลักสูตรปริญญาโทควบปริญญาเอก จากคณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และเข้าร่วมทำงานวิจัยกับนักวิจัยต่างประเทศที่มหาวิทยาลัยอุปซอลา ประเทศสวีเดน ( Uppsala Universitetet)
ปัจจุบัน จู้จบการศึกษาวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาเทคโนโลยีชีวภาพ เธอยังคงตั้งใจเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง โดยทำหน้าที่เป็นอาจารย์สอนวิชาเคมี ที่มหาวิทยาลัยทักษิณ จังหวัดพัทลุง และได้ยังรับโอกาสสำคัญในการเป็นตัวแทนไปทำงานวิจัยที่ประเทศสวีเดน
สำหรับ "จู้” เนตรนภา แซ่หลีแล้ว....
แม่ คือ ผู้สอนให้รู้ว่าตำราชีวิต คือ การลองผิดลองถูก เช่นเดียวกับตำราการเพาะถั่วงอกในแบบฉบับของแม่ ที่ต้องอาศัยทั้งความอดทน ความใส่ใจ เพื่อให้ต้นกล้าเล็กๆ งอกงามได้อย่างที่หวังไว้