10 เรื่องจริงของ “อสุจิ” ที่คุณจะต้องอึ้ง! ตอนที่ 1
* ภาพประกอบและเนื้อหาเหมาะสมแก่ผู้อ่าน 18+ *
ข้อมูล: listverse.com, bbc.co.uk, telegraph.co.uk, medicaldaily.com, Wikipedia
เรียบเรียง: อภิศักดิ์ เจือจาน
สเปิร์ม และอสุจิ เป็นส่วนประกอบพื้นฐานในร่างกายของมนุษย์และสัตว์เพศผู้ที่เติบโตถึงวัยเจริญพันธุ์ หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า นอกจากจะใช้ผลิตเด็กแล้ว ทั้งสเปิร์มและอสุจิยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อีกมากมายมหาศาล แต่ในบางกรณี มันก็ส่งผลกระทบต่อชีวิตเราอีกไม่น้อยเช่นกัน และต่อไปนี้คือข้อเท็จจริงสุดอะเมซิ่งของ “สเปิร์ม และอสุจิ” !!!
10. อสุจิใช้ทำผลิตภัณฑ์บำรุงหนังหน้า
เมื่อปี ค.ศ.1678 Anton Van Leeuwenhoek นักวิทยาศาสตร์ชาวดัตช์ ได้ค้นพบสารสกัดสำคัญจากอสุจิของมนุษย์เป็นครั้งแรก โดยตั้งชื่อว่า “สเปอร์มีน (Spermine)” ซึ่งต่อมาเมื่อมีการศึกษามากเข้าๆ ก็พบว่า มันสามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย และลดการติดเชื้อในอวัยวะเพศชายได
เมื่อไม่นานมานี้ บรรดานักวิจัยผลิตภัณฑ์บำรุงหนังหน้า ก็ได้ค้นพบความลับสุดมหัศจรรย์เพิ่มขึ้นอีกอย่างว่า สเปอร์มีน มีคุณสมบัติเป็น anti-oxidant ชั้นเลิศ เมื่อนำมาผ่านขั้นตอนในห้องแล็บ และทดลองผสมลงไปในครีมบำรุงผิวหน้าแล้ว มันสามารถช่วยชะลอริ้วรอยแห่งวัย และทำให้หนังหน้าดูเนียนนุ่มได้มากขึ้นกว่าเดิมถึง 20% จึงกลายเป็นส่วนผสมตัวเอกที่พ่อค้าครีมทั้งหลายให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ พร้อมพากันคอนเฟิร์มว่า อสุจิที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสเปอร์มีนนั้น ถูกนำไปผ่านกระบวนการทางเคมีจนไร้กลิ่นไม่พึงประสงค์ทั้งหลาย รวมทั้งปลอดจากเชื่อไวรัสทุกชนิดด้วย
ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์บำรุงหนังหน้าที่มีส่วนผสมของสเปอร์มีน ถูกส่งออกมาวางขายในร้านสปาระดับไฮเอนด์ทั่วโลก ในราคากระปุกละ 250 ดอลลาร์ (ราว 8,000 บาท) นอกจากนั้นยังถูกนำมาเป็นส่วนผสมของคอนดิชันเนอร์ ทรีตเมนต์ ครีมบำรุงผม ครีมบำรุงขอบตา ฯลฯ โดยมี ฮีทเธอร์ ล็อคเลียร์ เซเล็บสาวใหญ่ในวงการทีวีอเมริกัน เป็นผู้ถือธงนำแคมเปญโปรโมต ตอนนี้แม้เธอจะมีอายุผ่านวัยเลข 5 ไปแล้ว แต่ก็ยังคงสวยเช้งไร้ที่ติ
ลองกลับไปค้นโต๊ะหน้ากระจกที่บ้านดูนะ เผลอๆ คุณอาจเคยใช้ผลิตภัณฑ์จาก “สเปิร์ม” มานานแล้วก็ได้!
9. น้ำเชื้อวัวมีราคาแพงจนถูกขโมย
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ในวงการปศุสัตว์เขาถึงขั้นมีการขโมยน้ำเชื้อกันจริงๆ!
สำหรับพ่อพันธุ์วัวที่ผ่านการคัดเลือก ทั้งด้านสายพันธุ์ ความแข็งแรงปลอดโรค และลักษณะที่สวยงาม น้ำเชื้อชอตหนึ่งๆ ของมัน (ปริมาณ 0.25-0.5 มล.) อาจซื้อขายกันเป็นร้อยๆ ดอลลาร์เลยทีเดียว จึงทำให้เกิดอาชีพโจรขโมยน้ำเชื้อขึ้นมา โดยเจ้าโจรหัวใสพวกนี้จะเที่ยวจับตามองฟาร์มที่มีพ่อพันธุ์ระดับเทพไว้ในครอบครอง เมื่อเจ้าของฟาร์มรีดน้ำเชื้อพ่อทูลหัวไปเก็บรักษาไว้แล้ว ก็จะโดนนักย่องเบาไปฉกชิงออกมาขายในตลาดมืด ซึ่งถ้าจะวัดกันตามราคาที่ซื้อขายกันอยู่ในตอนนี้ น้ำเชื้อของพ่อพันธุ์ระดับเทพมีราคาสูงเฉลี่ยถึงลิตรละ 40,000 ดอลลาร์! (เป็นราคาแบบเทียบบัญญัติไตรยางศ์ เพราะเอาเข้าจริงๆ คงหายากที่วัวตัวไหนยิงน้ำเชื้อได้ทีละเป็นลิตรๆ)
เหตุผลที่น้ำเชื้อวัวมีราคาแพงมหาศาลเช่นนี้ ก็เป็นเพราะ เดี๋ยวนี้น้ำเชื้อพ่อพันธุ์วัวชั้นดีในอเมริกาขาดตลาดอย่างหนัก สืบเนื่องจากที่คนอเมริกันบริโภคเบอร์เกอร์ สเต็ก และนมวัวเพิ่มมากขึ้น ฟาร์มทั้งหลายจึงต้องเร่งผสมพันธุ์วัวเพื่อป้อนสู่ตลาดกันอย่างหนัก และถ้ายิ่งได้วัวคุณภาพดีก็จะยิ่งได้ราคาดีขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้ธุรกิจนี้เพิ่มมูลค่าขึ้นเป็นหลายๆ ล้านดอลลาร์ จึงเป็นที่มาของอาชีพขโมยน้ำเชื้อวัวนี่แหละ!
8. อสุจิช่วยเยียวยาอาการซึมเศร้าให้สาวๆ
อีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับสาวๆ ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า จากข้อมูลการศึกษาเมื่อปี 2002 ของ Gordon Gallup พบว่า ผู้หญิงที่มีเซ็กซ์กับแฟนโดยไม่สวมถุงยางอนามัย มีสัญญาณของอาการซึมเศร้าต่ำกว่าคนที่ป้องกันโดยการใช้ถุงยางอย่างมีนัยยะสำคัญ!
ซึ่งกอร์ดอนสรุปเป็นทฤษฎีไว้อย่างน่าสนใจว่า เมื่อฝ่ายชายหลั่งเข้าไปภายใน อวัยวะเพศหญิงไม่ได้ดูดซึมเฉพาะสเปิร์มเท่านั้น แต่ยังมีสารเคมีหลายอย่างที่มีผลกับอารมณ์โดยตรงด้วย เช่น เอ็นโดรฟิน (สารแห่งความสุข), เอสโตรน, โปรแลคติน และออกซิโตซิน โดยเฉพาะออกซิโตซินนั้น จะทำให้ความสัมพันธ์ของคู่รักลึกซึ้งขึ้น มีอาการตอบรับต่อกันและกันดีขึ้น ที่สำคัญคือ ช่วยลดภาวะเครียดและความกดดันต่างๆ ได้ดี
แต่ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ ไม่ได้หมายความว่าจะสนับสนุนให้คุณเลิกใช้ถุงยางอนามัยหรอกนะ เพราะไม่ว่าจะยังไง ถุงยางอนามัยก็วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมทั้งการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ ซึ่ง Gordon Gallup เองก็ยืนยันว่า เขาไม่ได้ต่อต้านการใช้ถุงยางอนามัย เพียงแต่ทำการศึกษาเพื่อชี้ให้เห็นอีกทางเลือกสำหรับลดความรุนแรงของอาการซึมเศร้า สำหรับผู้หญิงที่แต่งงานแล้วเท่านั้น... เข้าใจประเด็นกันด้วยนะจ๊ะ!
7. อสุจิสามารถฆ่าเชื้อโรคได้
จากการศึกษาในเป็ดมาลลาร์ด (Mallard Ducks) สัตว์จำพวกนกเป็ดน้ำ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์สงสัยกันเหลือเกินว่า ทำไมพวกมันถึงมีอัตราการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Diseases หรือ STD) และลักษณะด้อยทางพันธุกรรมต่ำมาก เมื่อเทียบกับสัตว์ประเภทอื่น
Dr.Melissah Rowe ผู้ตีพิมพ์ผลการวิจัยนี้ใน Journal of the Royal Society Biology Letters เปิดเผยว่า สาเหตุที่เป็ดมาลลาร์ดไม่ค่อยจะมีโรคติดต่อที่เกิดจาการผสมพันธุ์ก็เพราะ น้ำอสุจิของตัวผู้สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย E.coli ซึ่งเป็นตัวการในการทำลายสเปิร์มได้ นอกจากนั้น ยิ่งตัวผู้มีปากสีสันสดใสมากเท่าไหร่ อสุจิของมันก็จะยิ่งฆ่าเชื้อโรคต่างๆ ได้ดีมากขึ้นเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ เป็ดมาลลาร์ดตัวเมียจึงเลือกคู่จากสีสันบนปากของตัวผู้ ทั้งนี้ก็เพื่อหลีกเลี่ยงอสุจิที่ไม่แข็งแรง หรือถ้าจะว่ากันง่ายๆ ตัวผู้ตัวไหนมีปากสีสวย ก็จะยิ่งเป็นที่หมายปองของตัวเมียนั่นเอง!
6. สร้างเซลไซบอร์ก จากสเปิร์ม
นานหลายปีดีดัก ที่เหล่านักวิทยาศาสตร์พยายามคิดค้นยาที่จะมาทำหน้าที่เหมือนตัวนำวิถีของจรวด ค้นหาเซลหรือเชื้อโรคเป้าหมาย แล้วก็ทำลายล้างแบบตรงจุด เพื่อผลในการรักษาโรคที่ดีกว่า ทำการวิจัยกันมาหลากหลายรูปแบบ จนเริ่มจินตนาการถึงการใช้นาโนเทคโนโลยีสร้างโรบอตตัวจิ๋ว ฉีดเข้าไปในร่างกายแล้วก็ใช้รีโมทคอนโทรลบังคับ ให้ตัวยาเข้าไปทำลายเชื้อโรคหรือเซลต้นเหตุให้สิ้นซาก แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่สามารถทำได้ เพราะเจ้าโรบอตหรือไซบอร์กพวกนี้ มันต้องใช้เชื้อเพลิงในการขับเคลื่อน ซึ่งอาจมีอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ได้
และแล้วก็มีพระเอกขี่ม้าขาวเข้ามาช่วย พวกเขามาจาก Dresden Institute for Integrative Nanosciences ซึ่งได้ศึกษาจนสรุปได้แล้วว่า เจ้าไซบอร์กที่ว่านี้ สามารถสร้างขึ้นได้จากเซลของสเปิร์ม!
ด้วยหลักการง่ายๆ สร้างหลอดขนาดจิ๋ว (ผลิตจากไทเทเนียมและเหล็ก) เข้าไปจับตัวสเปิร์มมาทำหน้าที่เป็นไซบอร์ก จากนั้นก็บังคับการเคลื่อนที่ของมันด้วยแม่เหล็ก ซึ่งนับเป็นวิธีที่ทั้งชาญฉลาดและได้ผลดีเยี่ยม เนื่องจากสเปิร์มมันไม่ทำอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ แถมยังสามารถว่ายดุ๊กดิ๊กได้ด้วยตัวของมันเอง ด้วยความเร็ว 100 ไมโครเมตร/วินาที โดยไม่ต้องใช้เชื้อเพลิงใดๆ ทั้งสิ้น ชอนไชเข้าไปได้ในทุกพื้นที่ของร่างกาย นำทางยารักษาโรคเข้าไปจัดการกับปัญหาได้แบบตรงจุด ซึ่งปัจจุบัน นี่เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ถูกนำไปใช้จัดการกับเซลมะเร็ง...
ขอบคุณพ่อสเปิร์มที่รัก นายคือฮีโร่ตัวจริง!