หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ศาสตร์วิชา“สัญชีวนีวิทยา(วิชาที่ทำให้ไม่ตาย)”

โพสท์โดย นาคเฝ้าคัมภีร์

ความหมายของ มนตร์สัญชีวนี นี้ค่อนข้างกว้าง วิชาที่ทำให้ไม่ตายตามหลักสูตรโบราณแบ่งได้๓สาขาวิชา ดังนี้

 

 

๑.น้ำทิพย์(Divaya Water"Revive Water") หลังจากการค้นคว้าและตีความร่วมกันของ นาคพิกลจริตและพี่ปู่จ้าวสามเศียร(ไตรศิระ) เราได้พบวิชาสัญชีวนีวิทยา หลังจากการเทียบกับสาขาอื่นๆแล้ว เราได้จัดให้วิชาใหม่นี้เป็นวิชาพื้นฐาน

 

แต่ก่อนอื่น เราขอแจ้งให้ทราบถึงศพลักษณะต่างๆและร่างที่ใช้ในวิชาระดับต่างๆ

 

๑.ศพที่ยังไม่เน่าไม่อืด ตายได้ไม่นานนัก(ต่ำสุด)

๒.ซากโครงกระดูก เศษเถ้าผงอัฐิ ชิ้นส่วนเศษเนื้อแผ่นหนังเก่าเก็บ

๓.คนเป็นๆมีวิชาพอสมควร

(ข้อ๑กับ๒ คือ พวก ศพ๙ประเภท)

 

ป่าช้า ประกอบด้วยศพ๙ประเภท ดังนี้

 

๑.ซากศพที่ตายได้แล้ว๑วัน

๒.ซากศพที่ถูกพวก(นกและ)กาจิกกิน

๓.ซากศพที่มีแต่ร่างกระดูก ยังมีเนื้อและเลือดติดอยู่ ยังมีเอ็นร้อยรัด

๔.ซากศพที่ไม่มีเนื้อ แต่ยังเปื้อนเลือด ยังมีเอ็นร้อยรัด

๕.ซากศพที่ไม่มีเนื้อและเลือดติดอยู่ แต่ยังมีเอ็นร้อยรัด

๖.กระดูกที่ไม่มีเส้นเอ็นร้อยรัด

๗.กระดูกขาวดังสีสังข์

๘.กระดูกที่รวมอยู่เป็นกองค้างปี

๙.กระดูกผุแหลกเป็นผุยผง

เราคาดว่า ศพที่พวกเวตาลบังคับใช้ได้น่าจะอยู่ในข้อ๑-๒(แต่สำหรับสัญชีวนีวิทยาแล้ว ศพแบบไหนก็ใช้ได้ทั้งนั้น)

 

และวิชาน้ำทิพย์ที่พบใหม่นี้ เราพบจาก รามเกียรติ์ เวอร่ชั่นบทละคร(คำกลอนทั้งเล่ม พิธีกรรมต่างๆละเอียดยิบ!)เป็นตอนที่นางมณโฑเสกน้ำทิพย์ให้ทศกัณฐ์ทำศึกครั้งที่๔ เนื้อหาพิธีมีดังนี้

วิชานี้ ใช้พรมใส่สิ่งมีชีวิตที่ตายแล้วให้ฟื้นคืนชีพ

 

ลักษณะโรงพิธี

 

โรงพิธีนั้นต้องมีหม้อน้ำทอง โรงพิธีปลูกในเวลาค่ำตั้งอยู่นอกประตู(เมือง?)ทิศอีสาน(ตะวันออกเฉียงเหนือ) ประดับด้วยธงฉัตรดัดเพดาน มีม่านทองล้อมมิดชิด พร้อมจัดเครื่องพลีกรรมประจำทิศ ที่สำคัญ ไม้ที่ใช้ปลูกโรงพิธี(ทั่วๆไป)ต้องตัดจากบริเวณใกล้เคียงและใช้แบบครั้งต่อครั้งเท่านั้น!

โรงพิธีนี้มีเฉลียงสูงเสมอประตู โรงพิธีมี๑๗ห้อง(เลข๑๗คือ พุธ หมายถึง ความคล่องว่องไว) หลังคาโรงเป็นสีแดงแย่งทอง ติดลำยองช่อฟ้าบราลี โขมพัตถ์ดัดเต็มเพดานสีขาว มีเดือนดาวเนาวรัตน์จำรัสศรี(แก้ว๙ประการแทนดาว๙ดวง?) ห้อยระย้าพรอยแพรวแก้วมณี มีพวงผกามาลีนานาพรรณ ราชวัติฉัตรทองและเบญจรงค์ทรงเครื่องจัดไว้ลดหลั่นกัน มีการวงสายม่านทองและตั้งบัลลังก์อาสนะลาดพรมเจียม หม้อน้ำสำหรับทำทิพยมนตร์นั้นตั้งบนเตียงมณีสี่เหลี่ยม เครื่องบูชาเตรียมตามธรรมเนียมโบราณ

 

ขั้นตอนการทำพิธี

 

ก่อนประกอบพิธีใดๆต้องอาบน้ำทุกครั้ง

นางมณโฑ(ฝ่ายหญิง)ก็ต้องใช้ประคำนับมนตร์และปฏิบัติตนแบบดาบสินี(พิธีนี้นุ่งผ้าขาว) เมื่อถึงโรงพิธีให้ขึ้นแท่นแก้วมณีจุดธูปเทียนทองทันที แล้วหยิบข้าวตอกดอกไม้มาโปรย จากนั้นพนมมือเหนือศีรษะนึกถึงผู้ประสาทวิชา ตั้งสมาธิสำรวมกายร่ายเวทวิทยา

ข้อห้ามสำคัญตาท้องเรื่องคือ หญิง๓ผัวทำพิธีไม่ได้!

อาจกระท่อนกระแท่นไปนิด เพราะตรงที่แปลไม่ได้เราละไว้เป็นคำกลอน(ลองไปคิดเองนะ)

 

*อนึ่ง น้ำทิพย์นี้มี ๒ แบบ คือ แบบพรมใส่ศพ และแบบพ่น(จากปาก)ใส่ศพ

 

*บ้างว่า สิ่งที่ใช้หุงทำน้ำทิพย์ คือ น้ำมันดิบ ใช้ทาถูร่างศพแล้วจะฟื้น

 

* พืชสมุนไพรที่สามารถชุบชีวิตได้(พวกที่เคี้ยวพ่นใส่ศพ) น่าจะเป็นเพราะ พืชเหล่านี้ดูดซึมอานุภาพจากน้ำทิพย์ชุบชีวิต รึ ตบะฤๅษีจนกลายพันธุ์ จัดเป็นพืชหายากที่มีจำนวนน้อยมาก ส่วนวิธีใช้ที่ระบุว่า ต้องเคี้ยวแล้วพ่นใส่ศพนั้น ไม่น่าจะเป็นการพ่นเศษสมุนไพรที่เคี้ยวจนละเอียดแล้วออกจากปาก แต่น่าจะเป็นการพ่นละอองไอของตัวยาออกมาจากลมปากเป่า เพราะพืชเหล่านี้ดูดซับน้ำทิพย์ซึ่งมีรสเย็นเข้าไป ความหวานเย็นนี้น่าจะหมายถึงรสเย็นหวานซ่าคล้ายรสมินท์ ที่เมื่อพ่นออกจากปากจะเป็นละอองเย็นวาบไปต้องถูกศพและศพนั้นจะดูดซับละอองยาจนฟื้นขึ้นได้นั่นเอง

 

อานุภาพของน้ำทิพย์นี้จะแทรกซึมอยู่ตามส่วนต่างๆของต้นไม้นั้น ๑๐ จุด(กัฏฐยักขะ) ดังนี้

 

๑. มูลคันธัพพะ        ในรากไม้

๒. สารคันธัพพะ       ในแก่นไม้

๓. เผคคุคันธัพพะ     ในเนื้อไม้

๔. ตจคันธัพพะ        ในเปลือกไม้

๕. ปปฏิกคันธัพพะ    ในตะคละไม้

๖. รสคันธัพพะ        ในน้ำหอม

๗. ปัณณคันธัพพะ    ในใบไม้

๘. ปุปผคันธัพพะ      ในดอกไม้

๙. ผลคันธัพพะ        ในผลไม้

๑๐.กันทคันธัพพะ    ในเหง้า(หัว)ใต้ดิน

***อนึ่งสัพพคันธัพพะ คือ ต้นไม้นั้นหอมทั้ง ๑๐ ส่วน

 

วิธีใช้ก็คล้ายกับการใช้น้ำทิพย์ คือ เคี้ยวส่วนยาของไม้นั้นแล้วพ่น(จากปาก)ใส่ศพ

 

อีกสูตรหนึ่งของพืชสมุนไพรชุบชีวิต ปรากฏอยู่ในรามเกียรต์ ตอน พระลักษณ์ถูกหอกโมกขศักดิ์ เป็นการรวมตัวยาสมุนไพรหลายชนิดนำมาบดรวมกันผสมกับน้ำตามตำราแล้วนำมารดลงตรงแผลที่ถูกหอกแทง ซึ่งสูตรยาคร่าวๆ มีดังนี้

 

กำเนิดยา สังกรณีตรีชวาที่รักษาบาดแผลพระลักษมณ์จากหอกโมกขศักดิ์ของพระยายักษ์กุมภกรรณ

 

เรียกว่า ต้นยาสี่วิสุทธิ์

ต้นยา ต้นที่ ๑ วิศัลยกรณี-ถอนอาวุธหอกต้นยา

ต้นยา ต้นที่ ๒ มฤตสัญชีวนี-ทำชีวิตให้กลับฟื้นต้นยา

ต้นยา ต้นที่ ๓ สันธยานี-เยียวยาบาดแผลให้หายสนิท(สามต้นแรกนี้ เรียกว่า ตรีชวา)

ต้นยา ต้นที่ ๔ สวรรณกรณี(สังกรณี)-รักษาบำรุงผิวพรรณให้แช่มชื่นคืน

 

ยาเหล่านี้ต้องเรียกชื่อ จะส่งเสียงขานรับ แต่ด้วยสมุนไพรเหล่านี้มีลักษณะคล้ายต้นแมนเดรก(Mandrake)และโสมมนุษย์ สมุนไพรเหล่านี้จึงไมาอยู่นิ่ง เมื่อขานตอบแล้วก็จะหนี(แทรกธรณี?)ไปซ่อนตามที่ต่างๆในภูเขา หนุมานมึนงงไม่สามารถเก็บสมุนไพรได้จึงต้องยกกลับไปทั้งภูเขาให้พิเภกคัดเลือกเอาตามต้องการแทน

 

พิเภก เป็นผู้ปรุง โดยบดยาทั้งหมดให้ละเอียดแล้วใช้น้ำจากแม่น้ำ ๕ สาย(ปัญจมหานที)เป็นกระสาย ใช้คุณพระพรหม เป็นบทเสกก่อนก่อนนำยามาลูบลงแผล

 

แต่ก็เป็นไปได้ว่า น้ำทิพย์บางชนิดอาจถูกสร้างขึ้นจากการนำสมุนไพรต่างๆมาบดรวมกัน คือ ใช้ตัวยาจากสมุนไพรมาทำเป็นน้ำทิพย์ ในขณะที่พืชสมุนไพรบางชนิดเกิดจากการปลูกรดด้วยน้ำทิพย์(กลับไปกลับมาได้ไม่ตายตัว)

 

๒.มนตร์/วิชาชุบชีวิต(โคลนนิ่ง) วัตถุดิบสำคัญ คือ เศษเถ้ากระดูก อัฐิของผู้ตาย(ในกรณีที้เผาไปแล้ว)หรือซากศพ(ที่ตายใหม่ๆยังไม่เน่า) เนื้อ และเลือด หรือ ชิ้นส่วนคนเป็น(หรือเศษเซลล์ที่ยังมีชีวิต) สถานที่ประกอบพิธี กองไฟขนาดใหญ่ วิชานี้คือการใช้อำนาจจิตเหนือสนามพลังงานที่เป็นกสิณนำจิตดวงเดิมของผู้ตายมาสถิตในร่างที่ทำการสังเคราะห์ขึ้นมาใหม่ (ผู้ทำพิธีมักเป็นฤาษีที่มีความรู้เรื่องวิชาจิตสรีระศาสตร์เป็นอย่างดี) ตัวอย่างผู้ผ่านพิธีกรรมนี้ ได้แก่

 

 

๑.นางมณโฑ มเหสีทศกัณฐ์ เดิมทีนางเป็นกบแล้วตายเพราะช่วยฤาษีทั้ง๔จากพิษนาค ฤาษีทั้ง๔จึงทำพิธี”ชุบ”ชีวิตและเสกนางเป็นสาวงามและตั้งชื่อว่า นางมนโฑ ซึ่งหมายถึง นางกบ

 

 

๒. พระลบฝาแฝดของพระมงกุฎ เกิดจากความผิดพลาดทางเทคนิคของท่านฤๅษีวัชมฤควัน เมื่อครั้งที่พระรามสั่งพระลักษณ์ให้นำนางสีดาไปประหารเนื่องจากแอบวาดภาพของทศกัณฐ์ให้นางรับใช้ดู พระลักษณ์สงสารเลยปล่อยตัวไป นางกับพระมงกุฎจึงไปอาศัยอยู่กับฤๅษีวัชมฤค วันหนึ่งนางสีดาไปทรงน้ำที่ลำธารปล่อยพระมงกุฎอยู่กับพระฤๅษี ขณะนั่นฤๅษีทำสมาธิอยู่ นางกำลังทรงน้ำเห็นชะนีอุ้มลูกน้อยจึงคิดถึงลูกกลับไปนำพระมงกุฎมาทรงน้ำ ฤๅษีออกจากสมาธิไม่เห็นพระมงกุฎกลัวนางจะเสียใจ(คิดว่าตัวเองทำลูกนางสีดาหาย)จึงทำพิธี”เนรมิต(Coppy)”กุมารขึ้น นางกลับมาพอดี พระฤๅษีจะเลิกทำพิธีแต่นางขอร้องให้ทำต่อเพื่อจะได้เป็นเพื่อนเล่นกับพระมงกุฎเมื่อทำพิธีเสร็จเกิดกุมารขึ้นเหมือนพระมงกุฎทุกประการจึงให้ชื่อว่า พระลบ(สาขาวิชานี้สูงกว่าของนางมณโฑนิดนึง คือเป็นการโคลนนิ่งโดยการแยกส่วน(ก๊อปปี้)จิตของคนเป็น มาสถิตในร่างที่ทำการสังเคราะห์ขึ้นมาใหม่ จนเกิดเป็น พระลบ ขึ้นมา

    อนึ่ง  มนุษย์ที่เกิดจากการโคลนนิ่ง จะให้ชื่อว่า ลบ ซึ่งเลือนมาจากคำว่า ลพ(ลว) แปลว่าการตัด, การเกี่ยวท่อน, ชิ้นหยาดน้ำ อันเกิดจากการที่มนุษย์นั้นเกิดจากชิ้นส่วนต่างๆที่นำมาทำการโคลนนิ่ง

    ดังนั้น ทางเราจึงขอเรียกวิชานี้ว่า ลพชีพ หมายถึง ชีวิตที่เกิดจากชิ้นส่วน(ก็ Cloning นั่นแหละ)

 

 

๓.หลวิชัย-คาวี เดิมทีเป็นลูกเสือและลูกวัวแต่สาบานเป็นพี่น้องร่วมกัน  เป็นลูกกำพร้าทั้งคู่ จึงออกเดินทางท่องเที่ยวไปในป่า วันหนึ่งไปถึงอาศรมฤาษี ฤาษีแปลกใจมากที่สัตว์ทั้งสองเป็นเพื่อนรักกัน(สงสัยกลัวถูกจับออกงานวัด)ฤาษีกลัวว่าจะเดินทางลำบาก จึงชุบชีวิตลูกเสือลูกวัวให้เป็นคน และตั้งชื่อลูกเสือว่าหลวิชัย ลูกวัวชื่อคาวี หลวิชัยกับคาวีก็เรียนศิลปวิทยา(ศิลปะศาสตร์๑๘ประการ?)กับฤาษีจนเติบโต เมื่อมีอายุพอสมควรแล้ว หลวิชัยกับคาวีก็ขอลาพระฤาษีไปเผชิญโชค ฤาษีให้พระขรรค์วิเศษที่บรรจุ”หัวใจ”(“วิชาถอดดวงใจ”เป็นมนต์สัญชีวนีระดับสูง)ของหลวิชัยกับคาวีไว้ ภายหลังคาวีได้อภิเสกกับพระนางจันทร์สุดา(นางผมหอม)และได้เป็นกษัตริย์ ต่อมายายเฒ่าทัดประสาดซึ่งเคยเป็นพี่เลี้ยงของนางจันทร์สุดา รู้เรื่องพระขรรค์วิเศษที่บรรจุหัวใจของคาวี จึงเกิดความคิด และชวนให้คาวีกับพระนางจันทร์สุดาไปสรงน้ำที่ชายทะเล คาวีและพระนางจันทร์สุดาถอดเครื่องทรงรวมทั้งพระขรรค์ให้ยายเฒ่าเก็บรักษา ยายเฒ่าได้ทีนำพระขรรค์ไปเผาไฟ คาวีกำลังว่ายน้ำเล่นก็รู้สึกร้อนจึงรีบชวนนางจันทร์สุดาว่ายกลับเข้าฝั่ง พอถึงชายหาดคาวีเห็นยายเฒ่ากำลังเผาพระขรรค์อยู่ ก็นึกโกรธที่พระนางจันทร์สุดาไม่รักษาความลับ แต่ยังไม่ทันพูดคาวีก็ล้มลงสิ้นสติ พระนางจันทร์สุดาตกพระทัยมากได้แต่ร่ำไห้กอดร่างคาวี ยายเฒ่าจึงรีบให้ทหารของท้าวสัณนุราชนำพระนางจันทร์สุดาไปถวายท้าวสัณนุราช ภายหลังฤาษีมาช่วยไว้ได้โดยการนำพระขรรค์วิเศษที่บรรจุหัวใจของคาวี มาชุบชีวิต(โคลนนิ่ง)ให้ใหม่ในร่างเดิม

 

 

หมายเหตุ ร่างโคลนที่”เนรมิต(Coppy)”แบบพระลบ เป็นการทำสำเนาแยกส่วนจิตจากพระมงกุฎ(ต้นแบบ) อายุจึงไม่ยืนยาว(แบบการโคลนนิ่งแกะดอลลี่)

*โดยทั่วไปตายในสภาพใด ก็จะฟื้นขึ้นมาในสภาพนั้น เป็นมะเร็งตายก็ฟื้นมาเป็นมะเร็งต่อ ตายตอนแก่ฟื้นมาก็แก่ ถ้าผู้ทำพิธีไม่เอาตบะของตัวเองไปแลกกับการแก้โรค/ย้อนวัย ก็ช่วยไม่ได้

*ความทรงจำของร่างโคลนอาจมีรึไม่มีก็ได้อยู่ที่ผู้ทำพิธีจะกำหนด วิชาที่ติดตัวก็เช่นกัน

 

อนึ่ง วิชานี้เองยังแบ่งได้อีก ๓ ประเภท คือ

 

๑.ชุบจากผู้ที่ยังมีชีวิตร่างมีจิตสถิตย์สมบูรณ์ดี มักใช้ในการเปลี่ยนสถานภาพของผู้ที่มีร่างเป็นสัตว์แต่ดวงจิตอยู่ในระดับเดียวกับมนุษย์ เช่น หลวิชัยคาวี รึ นางเอื้อยที่เกิดเป็นนกแขกเต้า

 

๒.ชุบชีวิตจากซากกเฬวรากที่หาได้ทั่วไป มักใช้กับพวกที่ตายนานจนซากผุเปื่อยเหลือเพียงเศษกระดูก ครบบ้างไม่ครบบ้าง กระดูกเสี้ยวเล็กๆถ้าผู้ทำพิธีอยู่ในระดับสูงก็ชุบได้ อาจใช้จิตดวงเดิมรึหาใหม่ก็ได้

 

๓.ชุบชีวิตจากวัสดุรีไซเคิล มักชุบจากวัสดุเท่าที่หาได้ มีการใช้เคล็ดเชิงนามธรรมบางประการเพื่อเชื่อมต่อให้เป็นรูปธรรม เช่น การชุบพระลบ(ลูกนางสีดา)จากหนังราชสีห์ จุดนี้อ้างอิงเคล็ดทางโหราศาสตร์ คือ ราชสีห์ เป็นสัตว์ประจำดาวพระอาทิตย์ ความหมายทางโหราศาสตร์ คือ ยศศักดิ์ หมายความว่า ผู้ที่ถูกชุบร่างจากหนังราชสีห์นี้จะมีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ เป็นต้น(แต่าผู้ทำพิธีอยู่ต้องอยู่ในระดับสูงมากๆจริงๆนะ)

*และรวมถึงชุบชีวิตขึ้นมาจากของรักของผู้ตายเอง โดยใช้หลักที่ว่าเป็นของใกล้ตัวที่ใช้เป็นประจำมีความสัมพันธ์กับตัวเจ้าของดี

       

แผนผังการชุบชีวิต(Cloning)ด้วยหนังสัตว์
https://www.facebook.com/dakini.naga/media_set?set=a.379217772207371.1073741874.100003574546762&type=3
 

แผนภาพสัญชีวนีวิทยา(Sanjivanivitaya) สาขา ชุบฯจากกระดูก

https://www.facebook.com/dakini.naga/media_set?set=a.180826005379883.37020.100003574546762&type=1

๓.วิชาย้ายร่าง(สถิตในร่างคนตาย) อีกสาขาวิชาผู้ทำพิธีต้องมีความเชี่ยวชาญเรื่องจิตในระดับสูงมากๆ เป็นวิชาสำหรับย้ายวิญญาณ(จิต)จากร่างหนึ่งไปสู่อีกร่างหนึ่ง มีปรากฏในนิทานเวตาล เรื่องที่ ๒๓ เรื่องของฤๅษีเฒ่า วามศิวะ ผู้อยากเป็นหนุ่ม โดยฤาษีเฒ่าผู้มีมนตร์วิเศษก็เกิดความคิดว่าตนจะเข้าสิงร่างเด็กหนุ่มเพื่อละร่างชราน่าเกลียดของตนกลับไปเป็นหนุ่มอีกครั้งหนึ่ง ฤาษีเฒ่าผู้ต้องการจะเป็นหนุ่มอีก ก็ละร่างของตนและร่ายมนตร์วิเศษเข้าสิงร่างเด็กหนุ่มในบัดดล ทันใดนั้นร่างของเด็กหนุ่มซึ่งนอนอยู่บนกองฟืนในจิตกาธาน ก็ขยับร่างและลุกขึ้นนั่งพร้อมกับอ้าปากหาวนอน เมื่อบรรดาญาติและคนทั้งหลายที่รายล้อมอยู่ ณ ที่นั้นแลเห็นก็พากันส่งเสียงตะโกนกึกก้องว่า “ไชโย เขาฟื้นแล้ว เขาฟื้นแล้ว”แต่นักบวชเจ้าเล่ห์ ผู้เป็นหมอผีอาคมฉมัง ได้เข้าสิงพราหมณ์หนุ่มเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องการที่จะละศีลของตน(เพราะตนเป็นนักพรตอยู่) จึงเดินทางออกจากที่นั้นท่องเที่ยวไปในโลกกว้าง

คำเตือน วิชาย้ายร่างแบบถาวร จิตของผู้ย้ายจะไปเฉพาะจิตสุดท้ายก่อนตานเท่านั้น(ที่เหลือต้องไประลึกเอาต่อ)แบบทายาทอสูร

 

๔.วิชาถอดดวงใจ(การปฏิเสธเหตุการณ์) สาขาวิชาผู้ทำพิธีต้องมีความเชี่ยวชาญเรื่องจิตในระดับสูงมาก เช่น พระฤาษีโคบุตร ผู้ถอดดวงใจให้ทศกัณฐ์ นับเป็นพระฤาษีที่มีฤทธิ์มาก เป็นครูฝ่ายยักษ์ ได้สั่งสอนวิชาเวทวิทยาอาคมขลังจนทำให้ทศกัณฐ์ กำเริบเสิบสานระรานทั่วทั้งสามโลก แต่ภายหลังสู้พระรามไม่ได้ ทศกัณฐ์ขอร้องให้อาจารย์ช่วยถอดดวงใจ เพื่อตนจะได้เป็นอมตะไม่มีวันตาย เมื่อพระฤาษีโคบุตรเห็นใจช่วยถอดดวงใจออกมาไว้นอกร่างกายทศกัณฐ์ก็ยิ่งมีฤทธิ์ไม่กลัวตายเพราะใครก็ทำอะไรตนเองไม่ได้  วิชาถอดกล่องดวงใจนี้ถือว่าเป็นยอดวิชาที่สร้างความคงกระพันไม่มีวันตายได้ ในมหาสงครามครั้งสุดท้าย พิเภกบอกกลอุบายให้พระรามและหนุมานได้ทราบ หนุมานจึงไปหลอกทศกัณฐ์ว่าตนทะเลาะกับพระรามไม่ขออยู่ด้วยแล้วต่อไปนี้จะช่วยทศกัณฐ์รบ ทศกัณฐ์หลงกลรักหนุมานดั่งลูก ที่สุดหนุมานสืบได้ว่ากล่องดวงใจอยู่ที่พระฤาษีโคบุตร หนุมานกับองคตจึงเข้าไปหลอกล่อ ลวงขอกล่องดวงใจของทศกัณฐ์ ที่สุดพระฤาษีโคบุตรเสียรู้ ทศกัณฐ์จึงต้องตายในสนามรบ โดยพระรามแผลงศร(ธนุรเวท-เครื่องยิงขีปนาวุธข้ามกำแพงเวลา) ในขณะที่หนุมานขยี้กล่องดวงใจ ดังนั้นเรื่องตบะฌานอันแก่กล้าของพระฤาษีโคบุตรจึงถือว่าสุดยอดหาผู้ใดมาเปรียบด้วยยาก เพราะมีเพียงพระฤาษีไม่กี่ตนเท่านั้นที่จะสามารถทำวิชาอันน่าอัศจรรย์นี้ได้ ดังนั้นพระฤาษีโคบุตรจึงถูกยกย่องว่า เป็นพระฤาษีที่มีฤทธิ์วิทยาแก่กล้ามากตนหนึ่งในเรื่องรามเกียรติ์

 

การถอดดวงใจของทศกัณฐ์นี้ไม่ใช่การควักหัวใจออกมาจริงๆ(เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ควักหัวใจออกมาแล้วจะไม่ตาย)แต่หมายถึง ความสามารถในการควบคุมจิตที่เป็น”สนามแรงที่รองรับเหตุการณ์/สนามเวลารองรับอายุขัย(สนามแรง/สนามเวลา คือ จิต/เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนจิต คือ กายเนื้อ)”ให้เป็นอิสระจากกัน ดังนั้นเมื่อกายเนื้อของทศกัณฐ์ถูกโจมตี หรือทำลายมันจะไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อดวงใจ(จิต)ของทศกัณฐ์ เพราะสนามแรงไม่ถูกทำลาย มันจึงปฏิเสธเหตุการณ์อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นบนกายเนื้อ ทำให้เป็นอมตะไม่มีวันตาย(ถ้าจะให้ตายในทันทีต้องทำลายทั้งจิตและกายเนื้อพร้อมกัน)แบบซาลามานเดอร์หรือจิ้งจกที่แม้ขาหรือหางจะขาดก็ยังงอกใหม่ได้(เพราะเกิดการกระทบกระเทือนเฉพาะกายเนื้อไม่ถึงระดับโครงสร้างจิต)

 

แต่ที่โบราณเรียกชื่อวิชานี้ว่า การถอดดวงใจ เพราะโบราณถือว่าร่างกายจะยุติการทำงาน(ตาย)ก็ต่อเมื่อหัวใจหยุดทำงานไม่ใช่สมอง เช่นการทำมัมมี่ของอียิปต์ จะเน้นการเก็บรักษาหัวใจเป็นหลักเพราะถือว่าเป็นศูนย์ของการมีชีวิต หรือในปี๒๔๘๘มีเรื่องของ“ไมค์ ไก่ผู้ไร้หัว”ที่สามารถอยู่ได้โดยไร้หัวถึง ๑๘ เดือน!?!(คล้ายแมลงสาบที่ตัดหัวแล้วอยู่ได้๙วันแล้วจึงตายเพราะขาดอาหาร)

 

*ผู้ถอดหัวใจ จะไม่แก่ ไม่ตาย เพราะจิตถูกแช่แข็งไว้ และหากในกรณีที่สิ่งบรรจุสนามเวลานี้ตกอยู่ในสภาวะไม่ปลอดภัยและอยู่ห่างไกลจากเจ้าของ สิ่งบรรจุนี้จะพยายามหาทุกวิ๔ีทางเพื่อกลับคืนสู่เจ้าของๆมันเพื่อความปลอดภัย ถ้าสิ่งบรรจุนั้นเป็นสิ่งของอาจใช้วิธีครอบงำผู้ที่ถือครองให้นำไปคืนเจ้าของโดยไม่รู้ตัวแบบแหวนของเซารอน ถ้าเป็นสิ่งมีชีวิตอาจพยายามเข้าไปอยู่ข้างกายเจ้าของอย่างนาคินี(Nagini)ของโวลเดอมอร์ก็เป็นได้

 

แต่หากว่า ร่างกายนั้นได้รุบการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงมากๆจนไม่อาจปฏิเสธและฟื้นฟูความเสียหายนั้นได้ เช่น ร่างต้นสลายจนฟื้นฟูไม่ได้(ไม่เหลือซากร่างให้ปฏิเสธเหตุการณ์)แต่หัวใจ(สนามเวลารองรับอายุขัย)ยังอยู่ ก็สามารถคืนชีพโดยการสังเคราะห์ร่างใหม่ขึ้นมาได้ เช่น กรณีตัวอย่างจากการถือกำเนิดของนางผีเสื้อสมุทร ดังนี้

 

นางผีเสื้อเมื่อก่อนเป็นก้อนหิน        อยู่กระสินธุ์สมุทรมหาชลาไหล

นางอสูรชาติก่อนได้พรชัย              ถอดดวงใจฝากแฝงแท่งศิลา

แล้วขึ้นจากฝากฝั่งมหรรณพ          ไปรุกรบกับพระเพลิงที่เชิงผา

ต้องไฟกรดหมดไหม้ทั้งกายา        ยังแต่ว่าอายุอสุรินทร์

กับดวงใจไม่ดับไปกลับชาติ           เป็นปิศาจสังหรณ์อยู่ก้อนหิน

ถูกไอน้ำซ้ำได้ไอแผ่นดิน             บันดาลหินนั้นให้งอกออกทุกที

เป็นหน้าตาขาแข้งอันแรงฤทธิ์        ด้วยพรอิศรารักษ์พระลักษมี

นับอนันต์วันคืนได้หมื่นปี              จึงเป็นผีเสื้อสมุทรผุดทะยาน

ขึ้นต้องแสงพระอาทิตย์ยิ่งฤทธิกล้า   ปราบบรรดาพวกปิศาจด้วยอาจหาญ

ได้เป็นใหญ่ในแม่น้ำอโนมาน         ใครล้างผลาญชีวัญไม่บรรลัย

 

แปลความได้ว่า ในอดีตนั้น นางผีเสื้อได้ถอดหัวใจไว้ในก้อนหินยักษ์ก้นทะเล แล้วขึ้นไปสู้กับพระเพลิง แต่ด้วยถูกอานุภาพของไฟกรดทำลายร่างกายจนไม่อาจฟื้นฟูได้ ร่างต้นของนางจึงสลายไปเหลือแต่จิตที่ฝากไว้ในก้อนหินที่ดูดซับธาตุน้ำและดินอยู่ก้นทะเลจนเริ่มสังเคราะห์เป็นแขนขาและร่างกายส่วนต่างทั้งภายนอกและภายใน(ชีวิตเริ่มต้นจากอาการ๓๒ ประกอบด้วย ธาตุดิน๒๐ ธาตุน้ำ๑๒ สังเคราะห์ร่วมกันเกิดเป็นร่างกาย) จนเวลาผ่านไปร่วมหมื่นปีร่างกายของนางก็สมบูรณ์ดีกลับมาคืนชีพอีกครั้ง

    หากว่ากัตามหลักวิชาจริงนั้น การจะสังเคราะห์ร่างกายทั้งหมดขึ้นมาใหม่จากวัตถุดิบที่ฝากจิตไว้นั้น จำเป็นต้องมี"ผู้ชำนาญการพิเศษทำพิธีให้"ไม่อาจเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติได้ทั้งหมด ตามท้องเรื่องจึงมีการอ้างอิงถึงอำนาจพรที่พระอิศวรได้ให้แก่นางไว้แทนพิธีกรรมของ"ผู้ชำนาญการพิเศษ"นั้น

 

หมายเหตุ เป็นไปได้รึไม่ว่า เจ.เค.โรว์ลิง ผู้แต่ง harry potter จะเคยอ่าน     ”รามเกียรติ์” เพราะการสร้าง “ฮอร์ครักซ์(Horcrux) 7 ทั้งชิ้น”ของ”โวลเดอมอร์” คล้ายการถอดดวงใจของทศกัณฐ์(หากคิดว่าโวลเดอมอร์มีงูนากินีเป็นฮอร์ครักซ์ที่มีชีวิต แล้วรามเกียรติ์มีมั๊ย?ก็จงไปดูไมยราพณ์ที่ถอดดวงใจไว้ในแมลงภู่ แล้วนำไปซ่อนไว้ที่ยอดเขาตรีกูฏ)

 

https://www.facebook.com/notes/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%9D%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%A0%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%95-%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%95%E0%B8%B4/%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A2/180834902045660

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
4 VOTES (4/5 จาก 1 คน)
VOTED: เผลอหัวใจ
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
คอนเสิร์ต AREA 52 "แบมแบม" สุดยิ่งใหญ่ ราชมังแตกเลยจ้าลิซ่าเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วนะ"แสวง" เลขาฯ กกต. ไม่ห้ามสื่อเสนอข่าว-จัดเวทีฯ ขู่จับตาดูผู้สมัคร ชี้ "ธนาธร" ทำได้ชวนลง สว.สุดสลด!!!โจ๋วัย15ปีวัยกำลังห้าว ซิ่งจยย.แข่งประลองความเร็วพุ่งย้อนศรดับสลด2ศพสาววัย 60 สร้างประวัติศาสตร์ คว้าตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สบัวโนสไอเรสรวมความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับการอาบน้ำ บางอย่างเพื่อนๆอาจจะเข้าใจผิดอยู่ก็ได้นะ
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
"แสวง" เลขาฯ กกต. ไม่ห้ามสื่อเสนอข่าว-จัดเวทีฯ ขู่จับตาดูผู้สมัคร ชี้ "ธนาธร" ทำได้ชวนลง สว."แจ็คแฟนฉัน" แจกพัดลมให้พี่น้องชาวไทย300ตัว"ลุงดอนใจดี" ย้ำอาหารที่ร้านไม่แพง และยังคงขายราคาเดิมหนุ่มสงสัย? ทำไมฝรั่งถึงไม่นิยมใส่ทองคำ และของมีค่าเวลาไปเที่ยว!!รวมความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับการอาบน้ำ บางอย่างเพื่อนๆอาจจะเข้าใจผิดอยู่ก็ได้นะ
ตั้งกระทู้ใหม่