ปราสาทผีสิง สุดเฮี้ยน รอบโลก ความหลอนที่รอคอยการพิสูจน์
เรื่องราวทางประวัติศาสตร์บนโลกใบนี้ไม่ว่าจะเป็นประเทศใดก็ตาม ก่อนที่จะถึงยุครุ่งโรจน์ สงบสุขดั่งเช่นปัจจุบัน ล้วนแต่ต้องผ่านศึกสงครามอันโหดร้ายยาวนานหลายศตวรรษ อิฐทุกก้อน ประตูทุกบาน ป้อมปราการทุกป้อม ล้วนแล้วแต่ชโลมไปด้วยคาวเลือด ความทุกข์ทรมาน และความอาฆาตพยาบาทจากสงคราม วิญญาณยังคงวนเวียนถูกกักขังอยู่ภายในปราสาทชั่วนิรันด์
ต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของปราสาทสยองขวัญจากทั่วทุกมุมโลก ที่มีผู้พบเห็นและสัมผัสกับประสบการณ์ทางวิญญาณชวนขนหัวลุกมากมาย แม้ตอนกลางวันสถานที่เหล่านี้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์อันงดงามเพียงใดก็ตาม เมื่อตกกลางคืนแล้ว ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดทอแสงก็พร้อมจะปรากฎเงามืดอันแสนหวาดหวั่นขึ้นมาทันที
1.Edinburgh Castle, Scotland
ปราสาทเอดินเบิร์ก เคยได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสถานที่ที่น่ากลัวที่สุดในโลก โดยนิตยสาร Times ที่นี่ถูกก่อสร้างขึ้นในช่วงยุคศตวรรษที่ 12 ตั้งอยู่บนหินผา แวดล้อมด้วยทิวทัศน์อันงดงามแบบสกอตแลนด์ แต่ใครเลยจะรู้ว่าภายในปราสาทนั้น มีคุกกักขังนักโทษซึ่งอบอวลไปด้วยความตายอยู่ทุกอณู ถนนโดยรอบปราสาทถูกใช้เป็นที่ฝังศพของผู้ตายจากโรคระบาด ตามห้องโถงทางเดินมีผู้พบเห็นผีมือกลองไร้หัว วิญญาณของสุนัขที่เร่ร่อนอยู่บริเวณสุสาน และที่โด่งดังมากที่สุดคือ ตำนานของ Lady Glamis ที่ถูกเผาทั้งเป็นต่อหน้าลูกชายของเธอเอง ในปี 1537 ด้วยข้อหาแม่มด ซึ่งวิญญาณของเธอยังคงวนเวียน ทวงถามความยุติธรรมที่ควรได้รับ
ในปี 2001 เคยมีการทดลองโดยคัดเลือกอาสาสมัคร 240 คน ที่ไม่เคยมาที่ปราสาทเอดินเบิร์ก และไม่ทราบถึงประวัติของที่นี่ ให้มาอยู่อาศัยในปราสาทเป็นเวลา 10 วัน ผลก็คือผู้เข้าร่วมทุกคนล้วนแล้วแต่เจอเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ ความรู้สึกอึดอัดคล้ายถูกจ้องมองอยู่ตลอดจากมุมมืด เงาที่ปรากฎอยู่ตามห้องขัง และความรู้สึกคล้ายถูกเผาไหม้อย่างไม่ทราบสาเหตุ
2.Chillingham Castle, England
ปราสาทชิลลิงแฮมเต็มไปด้วยตำนานสยดสยองอันยาวนานกว่า 800 ปี ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นป้อมปราการรบกับกองทัพสก็อตแลนด์ รวมถึงกักขัง ทรมานเชลยศึกและทหารที่จับตัวมาได้ และตำนานที่ถูกกล่าวขวัญมากที่สุดคือเรื่องราวของ John Sage ผู้คุมสุดโหดที่เกลียดชังชาวสก็อตเป็นอย่างมาก โดยจะค่อยๆ กรีดเนื้อของนักโทษทีละชิ้น ทีละส่วน จนกว่าจะขาดใจตายในที่สุด
ปัจจุบันปราสาทชิลลิงแฮมได้รับการปรับปรุงเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว แต่บรรยากาศอันน่าสยดสยองภายในปราสาทแห่งนี้ก็ยังคงอยู่ เสียงกรีดร้องด้วยความทรมานยังคงก้องอยู่ภายใน รวมถึงเสียงโซ่ของผู้คุม John Sage ที่ใช้ลากศพของผู้เคราะห์ร้ายด้วย
3.Himeji Castle, Japan
ปราสาทฮิเมจิที่แสนงดงาม หนึ่งในมรดกโลกที่เหลือรอดมาจากการทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง มีอีกชื่อหนึ่งว่าปราสาทนกกระสาขาว เป็นปราสาทที่ออกแบบสลับซับซ้อนทั้งด้านในและด้านนอก มีอาคารเชื่อมต่อกันกว่า 83 อาคาร เนื่องจากเป็นปราสาทที่ใช้ป้องกันศัตรูจากภายนอกในยุคสงครามกลางเมือง
ตำนานความเชื่อเกี่ยวกับปราสาทฮิเม จินั้นมีมากมาย เช่น ถ้าใครอยู่ภายในปราสาทประมาณ 4 โมง ถ้าไม่ออกจากปราสาทภายในเวลา 2 ชั่วโมงจะหลงทาง แต่ตำนานที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือตำนานผีนับจาน หรือซารายาชิกิ (Sarayashiki) ซึ่งว่ากันว่าในจำนวนบ่อน้ำหลายสิบบ่อที่สร้างขึ้นในปราสาทแห่งนี้ มีบ่อหนึ่งที่มีผีสิงซึ่งเป็นวิญญาณของหญิงสาวชื่อ โอกิกุ (Okiku) ที่ต้องการเรียกร้องความเป็นธรรม
4.Leap Castle, Ireland
ปราสาทลีป มีอายุกว่า 400 ปี และเป็นที่ที่ได้รับการกล่าวว่าเป็นปราสาทที่เฮี้ยนที่สุดในไอร์แลนด์ จากเหตุการณ์ที่บรรดาลูกหลานตระกูล โอ คารอลทำการต่อสู้แย่งชิงสิทธิ์ความเป็นผู้นำ เกิดการสังหารหมู่ภายในตระกูลรุ่นแล้วรุ่นเล่า รวมไปถึงมีการค้นพบคุกลับแบบยุโรปยุคกลาง ที่เรียกว่า Oubliette เป็นคุกที่สร้างให้มีลักษณะเป็นเกาะกลางเหว ด้านล่างจะมีกับดักเป็นหนามแหลมเพื่อป้องกันนักโทษหลบหนี มีการพบซากกระดูกมากมายทับถมกันในคุกลับนั้น
5.Predjama Castle, Slovenia
ปราสาทสมัยเรอเนสซองซ์ที่สร้างภายในโพรงถ้ำขนาดยักษ์ เพื่อใช้เป็นป้อมปราการทำศึกกับจักรวรรดิโรมัน มีช่องทางลับมากมายสำหรับใช้เพื่อหลบหนี และส่งเสบียงทัพในยามศึกสงคราม ที่แห่งนี้นอกจากจะมีผู้เสียชีวิตจากการสู้รบแล้ว ยังมีผู้ตายจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปี 1511 ก่อนจะถูกสร้างใหม่อีกครั้งในปี 1567
6.Castle Bran, Romania
ปราสาทบรานแห่งโรมาเนีย เป็นปราสาทที่นักเขียนชาวไอริช "บราม สโตเกอร์" ใช้เป็นวัตถุดิบในนิยายชื่อดัง เคาท์แดร๊กคิวล่า แม้จะไม่ได้เป็นปราสาทของแวมไพร์จริงๆ แต่ความน่ากลัวในทางประวัติศาสตร์จริงนั้นก็ยังคงอยู่ คือเรื่องราวของเจ้าชายนักรบนาม "วแลด แดรคูล" (Vlad III Dracul) ที่เคยครอบครองปราสาทนี้เพื่อใช้ต่อสู้กับชาวเติร์ก ว่ากันเจ้าชายทรงสู้รบด้วยความเหี้ยมโหดไร้ปราณีต่อข้าศึกศัตรู เชลยศึกที่จับได้ก็จะถูกนำมาเสียบประจานอย่างน่าสยดสยอง
ที่มา : weburbanist, gadling, Wikipedia
ที่มา : weburbanist, gadling, Wikipedia
โพสท์โดย: I sea u