หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ยามแม่แก่เฒ่า แม่หวังพึ่งเจ้าเลี้ยงดู

โพสท์โดย Kaemyui

รูปภาพ : ตอนที่อายุ 18 ปี ความเกเรทำให้เขาทำร้ายคนอื่นบาดเจ็บสาหัส จึงถูกพิพากษาจำคุก 6 ปี ตั้งแต่วันแรกที่เดินเข้าคุก ก็ไม่มีใครมาเยี่ยมเขาเลย แม่เป็นหม้าย เลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่ด้วยความทุกข์ยากลำบาก นึกไม่ถึงว่าเขากำลังจบมัธยมปลาย จะมาก่อเรื่องเลวร้ายอย่างนี้ได้ เขาทำให้แม่เสียใจ และเขาก็เข้าใจดี แม่โกรธเขาก็สมควรแล้ว

ฤดูหนาวปีแรกในคุก เขาได้รับกล่องพัสดุข้างในบรรจุเสื้อไหมพรมตัวหนึ่ง ที่ชายเสื้อนั้นปักรูปดอกเหมยสีแดงอยู่ 1 ดอก บนดอกเหมยนั้นมีกระดาษแผ่นเล็กๆ ข้อความว่า 
“ขอให้ลูกปรับปรุงตัว ยามแม่แก่เฒ่า แม่หวังพึ่งเจ้าเลี้ยงดู” 
ข้อความในกระดาษแผ่นเล็กนี้ ทำให้คนก้าวร้าวนิสัยแย่อย่างเขาร้องไห้นำตานองหน้า นี่เป็นเสื้อไหมพรมที่แม่เป็นคนถักเอง เขาจำลักษณะของลายเส้นได้ แม่เคยพูดกับเขาว่า 
“คนเราจะต้องเอาอย่างดอกเหมย ยิ่งผจญกับความหนาวเหน็บทุกข์ยากเท่าใด ยิ่งจะทำให้ดอกเหมยผลิดอกได้งดงามมากยิ่งขึ้น” 

4 ปีแล้ว แม่ไม่เคยย่างกรายเข้ามาเยี่ยมเขา แต่ทว่า ทุกต้นฤดูหนาว แม่จะส่งเสื้อไหมพรมและข้อความเดิมมาให้ทุกครั้ง เขาพยายามปรับปรุงตัวเอง เพื่อให้ได้รับการพิจารณาลดโทษ และเมื่อปลายปีที่ 5 เขาก็ได้รับการปล่อยตัวออกจากคุก

เขาสะพายเป้เดินออกจากเรือนจำ เสื้อไหมพรม 5 ตัวคือสมบัติของเขา เมื่อเขาเดินทางมาถึงบ้าน ปรากฏว่าหน้าบ้านถูกล็อคด้วยกุญแจ และกุญแจนั้นก็ถูกสนิมกินเขรอะไปหมด ต้นหญ้าภายในบ้านก็ขึ้นสูงเกือบฟุต เขารู้สึกแปลกใจ แม่ไปไหม? 
เมื่อเขาเข้าไปถามเพื่อนบ้าน เพื่อนบ้านต่างมองเขาด้วยความประหลาดใจ ต่างก็ถามเขาว่ายังอีกปีหนึ่งไม่ใช่เหรอ? เขาส่ายหน้าถามไปว่า 
“แม่ผมล่ะ?” 
เพื่อนบ้านก้มหน้าแล้วก็บอกกับเขาว่า 
“แม่เธอตายไปแล้ว!” 
เหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางกระหม่อม เป็นไปได้ยังไง! แม่ของเขาอายุเพิ่งสี่สิบกว่าเอง จะตายได้ยังไง? เมื่อฤดูหนาวที่ผ่านมาเขาเพิ่งได้รับเสื้อกันหนาวของแม่อยู่เลย 

เพื่อนบ้านจึงพาเขาไปที่หลุมฝังศพ เขาคุกเข่าร้องไห้เหมือนคนเสียสติ เพื่อนบ้านเล่าว่าหลังจากที่เขาทำร้ายคนอื่นจนบาดเจ็บสาหัส แม่ของเขาต้องไปกู้เงินจากเพื่อนบ้านเพื่อทำการรักษาคนบาดเจ็บนั้น เมื่อเขาถูกจำคุก แม่จึงย้ายไปรับจ้างในโรงงานประทัดที่ห่างจากบ้านประมาณ 100 กิโล นานๆ ถึงจะกลับมาที ส่วนเสื้อไหมพรมที่แม่ส่งไปให้เขานั้น แม่ฝากเพื่อนร่วมงานซึ่งเป็นคนบ้านเดียวกันเป็นผู้ส่งให้ และเมื่อตรุษจีนปีที่แล้ว โรงงานประทัดมีออเดอร์เป็นจำนวนมาก จึงให้พนักงานทำโอที แต่โชคร้ายโรงงานระเบิด คนงานต่างถิ่นที่ทำโอทีสิบกว่าคนหนึ่งในนั้นก็คือแม่ของเขารวมทั้งเจ้าของโรงงานและลูกหลานเสียชีวิตทั้งหมดในเหตุการณ์ครั้งนั้น 
พูดถึงตรงนี้ เพื่อนบ้านก็ถอนหายใจ
“ยังมีเสื้อไหมพรมค้างอยู่ที่บ้านฉันอีกหนึ่งตัว เตรียมส่งให้เธอปีนี้!”
เขาตีอกชกตัวร้องไห้ไม่หยุดต่อหน้าหลุมฝังศพแม่ เขาเป็นคนทำให้แม่ตาย เขาเป็นลูกอกตัญญู เขาสมควรตกนรก 
วันรุ่งขึ้น เขาขายบ้านแล้วก็นำสมบัติคือเสื้อไหมพรม 6 ตัว ติดตัวแล้วจากไป 

4 ปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขาเปิดร้านอาหารเล็กๆ แห่งหนึ่งในเมือง และแต่งเด็กสาวคนหนึ่งเป็นภรรยา
ร้านของเขากิจการดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะอาหารอร่อยราคาย่อมเยา อีกทั้งความอ่อนน้อมและความกระตือรือร้นของผู้เป็นภรรยาในการต้อนรับแขก 
เพราะไม่ได้จ้างคนงาน เขาจึงต้องตื่นประมาณตีสี่เพื่อไปซื้อของมาทำอาหาร สองสามีภรรยาแม้จะเหน็ดเหนื่อยแต่ก็มีความสุข 
อยู่มาวันหนึ่ง หญิงชราหลังคุ้มงอเดินขากระเพลกลากซาเล้งเข้ามาทำมือทำไม้ขอรับจ้างเป็นคนจ่ายตลาดแทนเขา หญิงชรารับประกันความสดใหม่ของผักและอื่นๆ อีกทั้งให้ราคาต่ำกว่าท้องตลาด หญิงชราคนนี้เป็นใบ้ บนใบหน้ามีแผลเหมือนถูกไฟคลอกมาก่อน ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสงสารและเวทนามาก 
ภรรยาของเขาไม่เห็นด้วย เพราะรู้สึกสงสารคนแก่ แต่เขาไม่สนใจความเห็นของภรรยา เขาตกลงให้หญิงชราเป็นผู้จ่ายตลาดแทนเขา ไม่รู้เป็นเพราะอะไร เขารู้สึกถูกชะตากับหญิงใบ้คนนี้เป็นพิเศษ อาจเป็นเพราะลักษณะของนางเหมือนกับแม่ของเขามาก

หญิงใบ้เป็นคนมีสัจจะ ผักและอาหารอื่นๆ ที่นางจัดซื้อหามาให้ทั้งสวยและสดมาก ทุกเช้าประมาณ 6 โมง นางจะลากซาเล้งพร้อมกับผักเต็มลำมาส่งให้ชายหนุ่มที่ร้าน บ่อยครั้งที่เขาขอเลี้ยงบะหมี่หญิงชรา นางกินค่อนข้างช้า ดูเหมือนนางจะเป็นสุขอย่างมาก 
เขารู้สึกสงสารนางจับใจ บอกกับหญิงชราว่า
“ยายมากินบะหมี่ได้ทุกวันนะ ผมเลี้ยงเอง”
เมื่อหญิงชรากินเสร็จก็ยิ้มแล้วเดินกระเพลกๆ ออกจากร้านไป
เขามองตามหญิงชรา ไม่รู้ทำไม เขาเห็นภาพของแม่ทาบอยู่บนร่างของนาง ทำให้เราร้องไห้ตัวโยกด้วยความสะเทือนใจ

ผ่านไป 2 ปีแล้ว จากร้านอาหารเล็กๆ ตอนนี้ร้านของเขากลายเป็นภัตตาคาร 4 ชั้น และด้วยเงินที่สะสมมาหลายปี เขาสามารถซื้อบ้านใหม่ได้อีกหลังหนึ่ง หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนก็คือ คนส่งผักยังเป็นหญิงใบ้คนเดิมอยู่

เช้าวันหนึ่ง เขายืนรอผักอยู่หน้าภัตตาคาร รอเป็นชั่วโมงก็ไม่เห็นหญิงชราเอาผักมาส่ง เขาไม่เคยสอบถามเบอร์โทรศัพท์หรือที่อยู่ของนางเลย แล้วจะติดต่อได้ที่ไหน? ชายหนุ่มรู้สึกเป็นห่วงหญิงชรา
เมื่อไม่เห็นเงาของหญิงชราว่าจะมาส่งผักได้เหมือนเดิม เขาจึงสั่งลูกน้องออกไปซื้อผักที่ตลาด ผ่านไป 2ชั่วโมง คนงานก็กลับมาจากตลาดพร้อมกับผักและอาหารอื่นๆ เมื่อเขาตรวจสอบดู คุณภาพของผักไม่ได้ครึ่งของหญิงชราที่จัดหามาให้เขาเลย ผักที่หญิงชรานำมาส่งรู้สึกได้เลยว่าถูกคัดเลือกมาเป็นอย่างดี 
แต่จากวันนั้นเป็นต้นมา หญิงชราก็ไม่ได้มาส่งผักเหมือนเดิมอีกแล้ว

ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ วันนั้นเป็นวันตรุษจีนพอดี ในขณะที่เขากำลังห่อเกี๊ยว เขาก็เอ่ยกับภรรยาว่าอยากจะเอาไปให้หญิงใบ้สักชามหนึ่ง และอยากจะไปดูด้วยว่านางเป็นอย่างไรบ้าง? ไม่เห็นนางมาส่งผักตั้งอาทิตย์หนึ่งแล้ว ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดียังไง? ภรรยาเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพูดมา เมื่อทำเกี๊ยวเสร็จ เขาก็ยกชามเกี๊ยวใส่ตะกร้าออกจากบ้านเพื่อไปสอบถามถึงหญิงใบ้ที่เดินขากระเพลกกับชาวบ้านในตลาด และเขาก็ทราบว่า หญิงใบ้คนนั้นอาศัยอยู่บ้านเช่าห่างจากภัตตาคารของเขาเพียง 2 ซอยเท่านั้น 

เมื่อเขาเดินมาหยุดอยู่หน้าบ้านเช่าของนาง เขาเคาะประตูเรียกตั้งนาน ก็ไม่มีใครออกมาเปิดประตู เขาจึงถือวิสาสะผลักประตูเดินเข้าไปในบ้าน ในบ้านแคบๆ มืดๆ นั้น หญิงชรานอนอยู่บนเตียงสภาพหนังหุ้มกระดูก เมื่อหญิงชราเห็นเป็นเขาก็ตกใจ พยายามยันกายลุกขึ้นนั่ง แต่นางก็ทำไม่ได้เพราะไม่มีแรง 

เขาเอาชามเกี๊ยววางไว้ที่หัวเตียงและก็ถามว่า
“ยายเป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า?”
หญิงชราเอาแต่ขยับปากเหมือนอยากจะบอกอะไรกับเขา แต่ก็ไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมา 
เขาเอื้อมมือไปเปิดสวิทช์ไฟที่หัวเตียงแล้วเปลี่ยนจากยืนเป็นนั่งลงข้างๆ แทน 
อยู่ๆ สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นรูปสองสามใบที่ติดอยู่ผนังห้อง เขาตกตะลึง อ้าปากค้างชาวาบไปทั้งตัว 
มันเป็นภาพถ่ายของเขากับแม่! ภาพถ่ายเมื่อเขาอายุได้5 ขวบ 10 ขวบ และตอนอายุ 17ปี 
ที่มุมห้องมีห่อผ้าเก่าๆ ห่อหนึ่ง บนห่อผ้านั้นมีรูปดอกเหมยไหมพรมติดอยู่ 

เขาหันกลับมามองหญิงชราด้วยความตะลึง ถามออกไปว่ายายเป็นใครกัน?
หญิงชราก็ตกตะลึงไม่ต่างจากเขา สุดท้ายนางก็เอ่ยออกมาว่า 
“ลูกแม่!”
เสียงเรียกว่า “ลูกแม่”นั้น เป็นเสียงที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี 
เขาช๊อกไปครู่หนึ่ง หญิงชราคนนี้ไม่ได้เป็นใบ้ คนส่งผักให้เขาเป็นเวลา 2 ปีคนนี้ ที่แท้เป็นแม่ของเขาเองหรือ!
เขารีบคุกเขากอดแม่ไว้แน่น สองแม่ลูกกอดกันร้องไห้เสียงระงม 
ไม่รู้ว่าเสียงร้องไห้นั้นดังเป็นเวลานานเท่าไหร่ เขาเงยหน้าขึ้นมอง เอื้อมมือไปลูบใบหน้าที่เต็มไปด้วยแผลไฟไหม้ของแม่
“เพื่อนบ้านพาผมไปกราบหลุมศพของแม่ บอกว่าแม่ตายไปแล้ว ผมจึงขายบ้านย้ายมาอยู่ที่นี่”

แม่ของเขาปาดน้ำตา บอกกับเขาว่านางเป็นผู้สั่งให้เพื่อนบ้านบอกกับเขาอย่างนั้น 
ในวันที่โรงงานประทัดระเบิด นางรอดชีวิตออกมาได้ แต่ใบหน้าก็ถูกไฟครอกจนเสียโฉม เมื่อเห็นสภาพความน่าเกลียดของตัวเอง อีกทั้งฐานะทางบ้านก็ยากจน หากวันหนึ่งลูกชายออกจากคุกมา กลัวว่าจะไม่มีใครยอมแต่งงานกับลูกชายของนาง เพื่อไม่ให้เป็นภาระของลูก นางจึงบอกกับเพื่อนบ้านว่าให้บอกลูกชายของนางว่า นางได้ตายไปแล้ว เพื่อให้ทรัพย์สมบัตินี้เป็นของลูกอย่างชอบธรรม จะได้นำไปตั้งตัวสร้างครอบครัวใหม่ได้

เมื่อลูกชายของนางขายบ้านจากไปแล้ว นางจึงได้กลับไปสอบถามเพื่อนบ้านจึงรู้ว่าลูกชายมาเปิดร้านอาหารอยู่ในเมือง นางจึงเข้ามาเป็นคนเก็บขยะขายประทังชีวิต ใช้เวลาตามหาลูกชายถึง4ปี จึงได้เจอกับร้านอาหารของลูกชาย นางดีใจจบแทบจะเป็นบ้า แต่เมื่อเห็นลูกชายและลูกสะใภ้ทำงานด้วยความลำบาก จึงขันอาสารับเป็นผู้จ่ายตลาดให้ เพื่อแบ่งเบาภาระของลูก ทำมาก็ 2 ปีแล้ว แต่ตอนนี้ขาของนางไม่มีแรง ไม่สามารถลุกเดินเหินได้เหมือนเดิมอีกต่อไป จึงไม่สามารถช่วยลูกชายได้อีกแล้ว
เขาฟังไปร้องไห้ไป ไม่รอให้แม่พูดจบ เขาลุกขึ้นไปหยิบห่อผ้าและอุ้มแม่เดินกลับไปที่บ้าน

เขาอุ้มแม่เดินมาไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงบ้านของตัวเอง 
แม่พูดกับเขามากมาย แม่บอกว่า วันที่เขาเข้าคุกแม่เกือบจะตาย แต่ก็แข็งใจรอให้ลูกออกจากคุกก่อน แม่ยังตายตอนนี้ไม่ได้จึงกัดฟันอยู่ต่อ เมื่อลูกออกจากคุกมา เห็นลูกยังไม่มีครอบครัว แม่ก็คิดว่าแม่ยังตายไม่ได้ เมื่อเห็นลูกมีครอบครัว มีกิจการงานที่ดี แต่ยังไม่มีหลาน ยังไงแม่ก็ตายไม่ได้ ถึงตรงนี้ นางพูดไปยิ้มไปอย่างมีความสุข
เขาก็ได้พูดกับแม่ถึงเรื่องราวของเขามากมาย แต่เรื่องหนึ่งที่เขาไม่ได้บอกความจริงกับแม่ก็คือ คนที่เขาชกต่อยด้วยจนบาดเจ็บสาหัสนั้น เป็นเพราะชายคนนั้นใช้วาจาอันแสนหยาบคายพูดดูถูกแม่ของเขา เขาไม่กลัวหากใครจะมาชกต่อยหรือทำร้ายเขา เขาทนได้ แต่เขาทนไม่ได้ที่ชายคนนั้นดูถูกแม่ของเขาด้วยวาจาที่แสนต่ำช้าอย่างนั้น

แม่อยู่กับเขาได้ 3 วันก็สิ้นใจ คุณหมอบอกกับเขาว่า
“โรคมะเร็งกระดูกที่แม่คุณเป็น น่าจะเสียชีวิตเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว แต่ที่ยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อจนถึงตอนนี้ นี่ถือเป็นเรื่องที่อัศจรรย์มาก ดังนั้น คุณไม่ต้องโศกเศร้าเสียใจหรอก ท่านได้อยู่กับคุณนานแล้ว”
“แม่ของผมเป็นโรคมะเร็งกระดูก!” 
เขาอุทานออกไปด้วยความตกใจ

เมื่อเขาแกะห่อผ้าของแม่ ข้างในมีเสื้อไหมพรมถูกพับไว้อย่างดีอยู่หลายผืน มีเสื้อตัวเล็กที่เขียนกำกับว่า “หลาน” อีกผืนหนึ่งเขียนว่า “ลูกสะใภ้” และอีกผืนหนึ่งที่เขียนว่า “ลูกแม่” 
ที่ชายเสื้อของทุกตัว จะมีรูปดอกเหมยที่ปักด้วยด้ายไหมพรมสีแดงอยู่
ใต้ห่อผ้านั้น มีใบรับรองแพทย์ของแม่ที่เขียนว่า “มะเร็งกระดูก” วันเวลา เป็นช่วงปีที่ 2 ที่เขาติดคุก
เขายืนตัวสั่น เหมือนมีมีดปลายแหลมหลายเล่มเสียบแทงไปที่หัวใจของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
...................
ร้อยพันความดีงาม ความกตัญญูมาเป็นอันดับหนึ่ง
ความรักของพ่อแม่คือสัจธรรมอันแท้จริง  ความกตัญญูของบุตรธิดาก็ควรเป็นสัจธรรมอันแท้จริงเช่นกัน

นุสนธิ์บุคส์

ตอนที่อายุ 18 ปี ความเกเรทำให้เขาทำร้ายคนอื่นบาดเจ็บสาหัส จึงถูกพิพากษาจำคุก 6 ปี ตั้งแต่วันแรกที่เดินเข้าคุก ก็ไม่มีใครมาเยี่ยมเขาเลย แม่เป็นหม้าย เลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่ด้วยความทุกข์ยากลำบาก นึกไม่ถึงว่าเขากำลังจบมัธยมปลาย จะมาก่อเรื่องเลวร้ายอย่างนี้ได้ เขาทำให้แม่เสียใจ และเขาก็เข้าใจดี แม่โกรธเขาก็สมควรแล้ว

ฤดูหนาวปีแรกในคุก เขาได้รับกล่องพัสดุข้างในบรรจุเสื้อไหมพรมตัวหนึ่ง ที่ชายเสื้อนั้นปักรูปดอกเหมยสีแดงอยู่ 1 ดอก บนดอกเหมยนั้นมีกระดาษแผ่นเล็กๆ ข้อความว่า 
“ขอให้ลูกปรับปรุงตัว ยามแม่แก่เฒ่า แม่หวังพึ่งเจ้าเลี้ยงดู” 
ข้อความในกระดาษแผ่นเล็กนี้ ทำให้คนก้าวร้าวนิสัยแย่อย่างเขาร้องไห้นำตานองหน้า นี่เป็นเสื้อไหมพรมที่แม่เป็นคนถักเอง เขาจำลักษณะของลายเส้นได้ แม่เคยพูดกับเขาว่า 
“คนเราจะต้องเอาอย่างดอกเหมย ยิ่งผจญกับความหนาวเหน็บทุกข์ยากเท่าใด ยิ่งจะทำให้ดอกเหมยผลิดอกได้งดงามมากยิ่งขึ้น” 

4 ปีแล้ว แม่ไม่เคยย่างกรายเข้ามาเยี่ยมเขา แต่ทว่า ทุกต้นฤดูหนาว แม่จะส่งเสื้อไหมพรมและข้อความเดิมมาให้ทุกครั้ง เขาพยายามปรับปรุงตัวเอง เพื่อให้ได้รับการพิจารณาลดโทษ และเมื่อปลายปีที่ 5 เขาก็ได้รับการปล่อยตัวออกจากคุก

เขาสะพายเป้เดินออกจากเรือนจำ เสื้อไหมพรม 5 ตัวคือสมบัติของเขา เมื่อเขาเดินทางมาถึงบ้าน ปรากฏว่าหน้าบ้านถูกล็อคด้วยกุญแจ และกุญแจนั้นก็ถูกสนิมกินเขรอะไปหมด ต้นหญ้าภายในบ้านก็ขึ้นสูงเกือบฟุต เขารู้สึกแปลกใจ แม่ไปไหม? 
เมื่อเขาเข้าไปถามเพื่อนบ้าน เพื่อนบ้านต่างมองเขาด้วยความประหลาดใจ ต่างก็ถามเขาว่ายังอีกปีหนึ่งไม่ใช่เหรอ? เขาส่ายหน้าถามไปว่า 
“แม่ผมล่ะ?” 
เพื่อนบ้านก้มหน้าแล้วก็บอกกับเขาว่า 
“แม่เธอตายไปแล้ว!” 
เหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางกระหม่อม เป็นไปได้ยังไง! แม่ของเขาอายุเพิ่งสี่สิบกว่าเอง จะตายได้ยังไง? เมื่อฤดูหนาวที่ผ่านมาเขาเพิ่งได้รับเสื้อกันหนาวของแม่อยู่เลย 

เพื่อนบ้านจึงพาเขาไปที่หลุมฝังศพ เขาคุกเข่าร้องไห้เหมือนคนเสียสติ เพื่อนบ้านเล่าว่าหลังจากที่เขาทำร้ายคนอื่นจนบาดเจ็บสาหัส แม่ของเขาต้องไปกู้เงินจากเพื่อนบ้านเพื่อทำการรักษาคนบาดเจ็บนั้น เมื่อเขาถูกจำคุก แม่จึงย้ายไปรับจ้างในโรงงานประทัดที่ห่างจากบ้านประมาณ 100 กิโล นานๆ ถึงจะกลับมาที ส่วนเสื้อไหมพรมที่แม่ส่งไปให้เขานั้น แม่ฝากเพื่อนร่วมงานซึ่งเป็นคนบ้านเดียวกันเป็นผู้ส่งให้ และเมื่อตรุษจีนปีที่แล้ว โรงงานประทัดมีออเดอร์เป็นจำนวนมาก จึงให้พนักงานทำโอที แต่โชคร้ายโรงงานระเบิด คนงานต่างถิ่นที่ทำโอทีสิบกว่าคนหนึ่งในนั้นก็คือแม่ของเขารวมทั้งเจ้าของโรงงานและลูกหลานเสียชีวิตทั้งหมดในเหตุการณ์ครั้งนั้น 
พูดถึงตรงนี้ เพื่อนบ้านก็ถอนหายใจ
“ยังมีเสื้อไหมพรมค้างอยู่ที่บ้านฉันอีกหนึ่งตัว เตรียมส่งให้เธอปีนี้!”
เขาตีอกชกตัวร้องไห้ไม่หยุดต่อหน้าหลุมฝังศพแม่ เขาเป็นคนทำให้แม่ตาย เขาเป็นลูกอกตัญญู เขาสมควรตกนรก 
วันรุ่งขึ้น เขาขายบ้านแล้วก็นำสมบัติคือเสื้อไหมพรม 6 ตัว ติดตัวแล้วจากไป 

4 ปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขาเปิดร้านอาหารเล็กๆ แห่งหนึ่งในเมือง และแต่งเด็กสาวคนหนึ่งเป็นภรรยา
ร้านของเขากิจการดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะอาหารอร่อยราคาย่อมเยา อีกทั้งความอ่อนน้อมและความกระตือรือร้นของผู้เป็นภรรยาในการต้อนรับแขก 
เพราะไม่ได้จ้างคนงาน เขาจึงต้องตื่นประมาณตีสี่เพื่อไปซื้อของมาทำอาหาร สองสามีภรรยาแม้จะเหน็ดเหนื่อยแต่ก็มีความสุข 
อยู่มาวันหนึ่ง หญิงชราหลังคุ้มงอเดินขากระเพลกลากซาเล้งเข้ามาทำมือทำไม้ขอรับจ้างเป็นคนจ่ายตลาดแทนเขา หญิงชรารับประกันความสดใหม่ของผักและอื่นๆ อีกทั้งให้ราคาต่ำกว่าท้องตลาด หญิงชราคนนี้เป็นใบ้ บนใบหน้ามีแผลเหมือนถูกไฟคลอกมาก่อน ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสงสารและเวทนามาก 
ภรรยาของเขาไม่เห็นด้วย เพราะรู้สึกสงสารคนแก่ แต่เขาไม่สนใจความเห็นของภรรยา เขาตกลงให้หญิงชราเป็นผู้จ่ายตลาดแทนเขา ไม่รู้เป็นเพราะอะไร เขารู้สึกถูกชะตากับหญิงใบ้คนนี้เป็นพิเศษ อาจเป็นเพราะลักษณะของนางเหมือนกับแม่ของเขามาก

หญิงใบ้เป็นคนมีสัจจะ ผักและอาหารอื่นๆ ที่นางจัดซื้อหามาให้ทั้งสวยและสดมาก ทุกเช้าประมาณ 6 โมง นางจะลากซาเล้งพร้อมกับผักเต็มลำมาส่งให้ชายหนุ่มที่ร้าน บ่อยครั้งที่เขาขอเลี้ยงบะหมี่หญิงชรา นางกินค่อนข้างช้า ดูเหมือนนางจะเป็นสุขอย่างมาก 
เขารู้สึกสงสารนางจับใจ บอกกับหญิงชราว่า
“ยายมากินบะหมี่ได้ทุกวันนะ ผมเลี้ยงเอง”
เมื่อหญิงชรากินเสร็จก็ยิ้มแล้วเดินกระเพลกๆ ออกจากร้านไป
เขามองตามหญิงชรา ไม่รู้ทำไม เขาเห็นภาพของแม่ทาบอยู่บนร่างของนาง ทำให้เราร้องไห้ตัวโยกด้วยความสะเทือนใจ

ผ่านไป 2 ปีแล้ว จากร้านอาหารเล็กๆ ตอนนี้ร้านของเขากลายเป็นภัตตาคาร 4 ชั้น และด้วยเงินที่สะสมมาหลายปี เขาสามารถซื้อบ้านใหม่ได้อีกหลังหนึ่ง หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนก็คือ คนส่งผักยังเป็นหญิงใบ้คนเดิมอยู่

เช้าวันหนึ่ง เขายืนรอผักอยู่หน้าภัตตาคาร รอเป็นชั่วโมงก็ไม่เห็นหญิงชราเอาผักมาส่ง เขาไม่เคยสอบถามเบอร์โทรศัพท์หรือที่อยู่ของนางเลย แล้วจะติดต่อได้ที่ไหน? ชายหนุ่มรู้สึกเป็นห่วงหญิงชรา
เมื่อไม่เห็นเงาของหญิงชราว่าจะมาส่งผักได้เหมือนเดิม เขาจึงสั่งลูกน้องออกไปซื้อผักที่ตลาด ผ่านไป 2ชั่วโมง คนงานก็กลับมาจากตลาดพร้อมกับผักและอาหารอื่นๆ เมื่อเขาตรวจสอบดู คุณภาพของผักไม่ได้ครึ่งของหญิงชราที่จัดหามาให้เขาเลย ผักที่หญิงชรานำมาส่งรู้สึกได้เลยว่าถูกคัดเลือกมาเป็นอย่างดี 
แต่จากวันนั้นเป็นต้นมา หญิงชราก็ไม่ได้มาส่งผักเหมือนเดิมอีกแล้ว

ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ วันนั้นเป็นวันตรุษจีนพอดี ในขณะที่เขากำลังห่อเกี๊ยว เขาก็เอ่ยกับภรรยาว่าอยากจะเอาไปให้หญิงใบ้สักชามหนึ่ง และอยากจะไปดูด้วยว่านางเป็นอย่างไรบ้าง? ไม่เห็นนางมาส่งผักตั้งอาทิตย์หนึ่งแล้ว ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดียังไง? ภรรยาเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพูดมา เมื่อทำเกี๊ยวเสร็จ เขาก็ยกชามเกี๊ยวใส่ตะกร้าออกจากบ้านเพื่อไปสอบถามถึงหญิงใบ้ที่เดินขากระเพลกกับชาวบ้านในตลาด และเขาก็ทราบว่า หญิงใบ้คนนั้นอาศัยอยู่บ้านเช่าห่างจากภัตตาคารของเขาเพียง 2 ซอยเท่านั้น 

เมื่อเขาเดินมาหยุดอยู่หน้าบ้านเช่าของนาง เขาเคาะประตูเรียกตั้งนาน ก็ไม่มีใครออกมาเปิดประตู เขาจึงถือวิสาสะผลักประตูเดินเข้าไปในบ้าน ในบ้านแคบๆ มืดๆ นั้น หญิงชรานอนอยู่บนเตียงสภาพหนังหุ้มกระดูก เมื่อหญิงชราเห็นเป็นเขาก็ตกใจ พยายามยันกายลุกขึ้นนั่ง แต่นางก็ทำไม่ได้เพราะไม่มีแรง 

เขาเอาชามเกี๊ยววางไว้ที่หัวเตียงและก็ถามว่า
“ยายเป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า?”
หญิงชราเอาแต่ขยับปากเหมือนอยากจะบอกอะไรกับเขา แต่ก็ไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมา 
เขาเอื้อมมือไปเปิดสวิทช์ไฟที่หัวเตียงแล้วเปลี่ยนจากยืนเป็นนั่งลงข้างๆ แทน
อยู่ๆ สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นรูปสองสามใบที่ติดอยู่ผนังห้อง เขาตกตะลึง อ้าปากค้างชาวาบไปทั้งตัว 
มันเป็นภาพถ่ายของเขากับแม่! ภาพถ่ายเมื่อเขาอายุได้5 ขวบ 10 ขวบ และตอนอายุ 17ปี 
ที่มุมห้องมีห่อผ้าเก่าๆ ห่อหนึ่ง บนห่อผ้านั้นมีรูปดอกเหมยไหมพรมติดอยู่ 

เขาหันกลับมามองหญิงชราด้วยความตะลึง ถามออกไปว่ายายเป็นใครกัน?
หญิงชราก็ตกตะลึงไม่ต่างจากเขา สุดท้ายนางก็เอ่ยออกมาว่า 
“ลูกแม่!”
เสียงเรียกว่า “ลูกแม่”นั้น เป็นเสียงที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี 
เขาช๊อกไปครู่หนึ่ง หญิงชราคนนี้ไม่ได้เป็นใบ้ คนส่งผักให้เขาเป็นเวลา 2 ปีคนนี้ ที่แท้เป็นแม่ของเขาเองหรือ!
เขารีบคุกเขากอดแม่ไว้แน่น สองแม่ลูกกอดกันร้องไห้เสียงระงม 
ไม่รู้ว่าเสียงร้องไห้นั้นดังเป็นเวลานานเท่าไหร่ เขาเงยหน้าขึ้นมอง เอื้อมมือไปลูบใบหน้าที่เต็มไปด้วยแผลไฟไหม้ของแม่
“เพื่อนบ้านพาผมไปกราบหลุมศพของแม่ บอกว่าแม่ตายไปแล้ว ผมจึงขายบ้านย้ายมาอยู่ที่นี่”

แม่ของเขาปาดน้ำตา บอกกับเขาว่านางเป็นผู้สั่งให้เพื่อนบ้านบอกกับเขาอย่างนั้น 
ในวันที่โรงงานประทัดระเบิด นางรอดชีวิตออกมาได้ แต่ใบหน้าก็ถูกไฟครอกจนเสียโฉม เมื่อเห็นสภาพความน่าเกลียดของตัวเอง อีกทั้งฐานะทางบ้านก็ยากจน หากวันหนึ่งลูกชายออกจากคุกมา กลัวว่าจะไม่มีใครยอมแต่งงานกับลูกชายของนาง เพื่อไม่ให้เป็นภาระของลูก นางจึงบอกกับเพื่อนบ้านว่าให้บอกลูกชายของนางว่า นางได้ตายไปแล้ว เพื่อให้ทรัพย์สมบัตินี้เป็นของลูกอย่างชอบธรรม จะได้นำไปตั้งตัวสร้างครอบครัวใหม่ได้

เมื่อลูกชายของนางขายบ้านจากไปแล้ว นางจึงได้กลับไปสอบถามเพื่อนบ้านจึงรู้ว่าลูกชายมาเปิดร้านอาหารอยู่ในเมือง นางจึงเข้ามาเป็นคนเก็บขยะขายประทังชีวิต ใช้เวลาตามหาลูกชายถึง4ปี จึงได้เจอกับร้านอาหารของลูกชาย นางดีใจจบแทบจะเป็นบ้า แต่เมื่อเห็นลูกชายและลูกสะใภ้ทำงานด้วยความลำบาก จึงขันอาสารับเป็นผู้จ่ายตลาดให้ เพื่อแบ่งเบาภาระของลูก ทำมาก็ 2 ปีแล้ว แต่ตอนนี้ขาของนางไม่มีแรง ไม่สามารถลุกเดินเหินได้เหมือนเดิมอีกต่อไป จึงไม่สามารถช่วยลูกชายได้อีกแล้ว
เขาฟังไปร้องไห้ไป ไม่รอให้แม่พูดจบ เขาลุกขึ้นไปหยิบห่อผ้าและอุ้มแม่เดินกลับไปที่บ้าน

เขาอุ้มแม่เดินมาไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงบ้านของตัวเอง 
แม่พูดกับเขามากมาย แม่บอกว่า วันที่เขาเข้าคุกแม่เกือบจะตาย แต่ก็แข็งใจรอให้ลูกออกจากคุกก่อน แม่ยังตายตอนนี้ไม่ได้จึงกัดฟันอยู่ต่อ เมื่อลูกออกจากคุกมา เห็นลูกยังไม่มีครอบครัว แม่ก็คิดว่าแม่ยังตายไม่ได้ เมื่อเห็นลูกมีครอบครัว มีกิจการงานที่ดี แต่ยังไม่มีหลาน ยังไงแม่ก็ตายไม่ได้ ถึงตรงนี้ นางพูดไปยิ้มไปอย่างมีความสุข
เขาก็ได้พูดกับแม่ถึงเรื่องราวของเขามากมาย แต่เรื่องหนึ่งที่เขาไม่ได้บอกความจริงกับแม่ก็คือ คนที่เขาชกต่อยด้วยจนบาดเจ็บสาหัสนั้น เป็นเพราะชายคนนั้นใช้วาจาอันแสนหยาบคายพูดดูถูกแม่ของเขา เขาไม่กลัวหากใครจะมาชกต่อยหรือทำร้ายเขา เขาทนได้ แต่เขาทนไม่ได้ที่ชายคนนั้นดูถูกแม่ของเขาด้วยวาจาที่แสนต่ำช้าอย่างนั้น

แม่อยู่กับเขาได้ 3 วันก็สิ้นใจ คุณหมอบอกกับเขาว่า
“โรคมะเร็งกระดูกที่แม่คุณเป็น น่าจะเสียชีวิตเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว แต่ที่ยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อจนถึงตอนนี้ นี่ถือเป็นเรื่องที่อัศจรรย์มาก ดังนั้น คุณไม่ต้องโศกเศร้าเสียใจหรอก ท่านได้อยู่กับคุณนานแล้ว”
“แม่ของผมเป็นโรคมะเร็งกระดูก!” 
เขาอุทานออกไปด้วยความตกใจ

เมื่อเขาแกะห่อผ้าของแม่ ข้างในมีเสื้อไหมพรมถูกพับไว้อย่างดีอยู่หลายผืน มีเสื้อตัวเล็กที่เขียนกำกับว่า “หลาน” อีกผืนหนึ่งเขียนว่า “ลูกสะใภ้” และอีกผืนหนึ่งที่เขียนว่า “ลูกแม่” 
ที่ชายเสื้อของทุกตัว จะมีรูปดอกเหมยที่ปักด้วยด้ายไหมพรมสีแดงอยู่
ใต้ห่อผ้านั้น มีใบรับรองแพทย์ของแม่ที่เขียนว่า “มะเร็งกระดูก” วันเวลา เป็นช่วงปีที่ 2 ที่เขาติดคุก
เขายืนตัวสั่น เหมือนมีมีดปลายแหลมหลายเล่มเสียบแทงไปที่หัวใจของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
...................
ร้อยพันความดีงาม ความกตัญญูมาเป็นอันดับหนึ่ง
ความรักของพ่อแม่คือสัจธรรมอันแท้จริง ความกตัญญูของบุตรธิดาก็ควรเป็นสัจธรรมอันแท้จริงเช่นกัน

นุสนธิ์บุคส์
 
 
 
ซ้ำขออภัย
 
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Kaemyui's profile


โพสท์โดย: Kaemyui
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
56 VOTES (4/5 จาก 14 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เจ้าของบริษัทขายกิจการ แจกโบนัสพนักงานคนละ 443,000 ดอลลาร์ทำเรื่องนี้หลังมื้อเย็น จะช่วยให้ดีต่อสุขภาพ5 จอมโจรขมังเวทแห่งที่ราบสูง: ตำนานเสือร้ายภาคอีสานที่โลกต้องจดจำเขมรวิเคราห์ "จุดอ่อนของ T-50TH คืออะไร?"เจาะเทรนด์ปี 2026! นิสัยและไลฟ์สไตล์ผู้ชายแบบไหนที่ "ดึงดูดใจ" สาวๆ ยุคใหม่มากที่สุดปิดตำนานรถ EV ราคาถูก ทิ้งลูกค้า, ดีลเลอร์ หอบเงินจากภาครัฐฯ กลับจีนหน้าตาเฉยวิเคราะห์หวยงวดวันที่ 2 มกราคม 69 โดยใช้ AI..เลขไหนมีสิทธิ์ถูกรางวัล10 พรรณไม้สวยพิษร้าย: ความงดงามที่ต้องแลกด้วยอันตรายถึงชีวิตเปิดตำนานอาถรรพ์ "ปู่โสมเฝ้าทรัพย์" แห่งวัดกุฎีดาว: ความลี้ลับที่อยู่คู่แผ่นดินอยุธยาAI วิเคราะห์เลขท้าย 2 ตัว งวดวันที่ 2 มกราคม 69..โดยใช้สถิติย้อนหลัง 20 ปีของใช้รอบตัว ควรโละทิ้งตอนไหน7 อาหารทำร้ายผิว ควรเลี่ยง ถ้าไม่อยากผิวเสีย
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
บุรีรัมย์เดือด! ศึกชิงเก้าอี้ สส. วันแรกคึกคัก 'ไหม ศิริกัญญา' บุกถิ่นพรรคสีน้ำเงิน ท้าชนกลุ่มอำนาจเดิมหลังหยุดยิง จีนบริจาคเงินและของให้เขมร มูลค่า 20 ล้านหยวนพระสงษ์ชาวเวียดนาม ผู้เสียสละชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องศาสนาอศาสนิก SBNR (Spiritual But Not Religious) เชื่อเรื่องธรรม จิตวิญญาณ แต่ไม่นับถือศาสนาเจาะระบบเตือนภัย J-ALERT ระบบเตือนภัยที่ทรงพลังที่สุดในโลก10 ข้อควรรู้เกี่ยวกับการเอาตัวรอดจากแผ่นดินไหวที่คุณอาจเข้าใจผิด
ตั้งกระทู้ใหม่